นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการกสทช. ที่ได้เข้าร่วมหารือและลงนามความร่วมมือกับนายนิโคลัย นิกิโฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงโทรคมนาคมและการสื่อสารมวลชล สหพันธรัฐรัสเซีย ว่ามีการพูดคุยหารือและเสนอแนวทางความร่วมมือระหว่างสองรัฐบาล ในการพัฒนาโซเชียลมีเดียของไทยร่วมกัน
แนวคิดนี้คือการจัดตั้งโฮลดิ้งคอมพานีร่วมกันระหว่างไทย ที่ถือหุ้น 51% และรัสเซีย 49% ในการพัฒนาแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย, เสิร์ชเอ็นจินและแอปแชทของไทยเอง โดยรัฐบาลรัสเซียมองว่าโซเชียลมีเดียและเสิร์ชเอ็นจินที่เปิดให้บริการในปัจจุบัน ไม่ได้จ่ายภาษีให้รัฐบาลไทย ทำให้ประเทศสูญเสียรายได้ โดยรัสเซียเองก็มี Yandex เป็นเสิร์ชเอ็นจินของตัวเอง
นายฐากรระบุว่า กสทช. จะเสนอเรื่องให้นายกรัฐมนตรีต่อไป ขณะที่รัฐมนตรีรัสเซียก็จะเสนอเรื่องให้ ปธน. ต่อไปเช่นกัน
การพบปะกันครั้งนี้ของ กสทช. และรมต. โทรคมนาคมรัสเซีย เป็นการลงนามใน MOU ในการส่งเสริมให้ลดอัตราค่าบริการดาต้าโรมมิ่งระหว่างกัน ไปจนถึงการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ด้าน Cybersecurity
Comments
ทำแล้วจะมีคนใช้หรือเปล่า
ปิด google / facebook ก็คงมีคนใช้ครับ
ปิดแล้วโดนคนไทยเกือบทั้งประเทศสาปแช่งแน่ๆ
รัฐมนตรีรัสเซีย ทำไมหล่อจังแหะ
เนี่ย สาระมันอยู่ตรงนี้
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
Nikolay Nikiforov อายุ 34 ปี ผมคิดว่า มันเป็นปัญหาเรื่อยอายุมากกว่าครับ ตอนหนุ่มๆ ฝั่งไทยอาจจะหล่อก็ได้ แต่คนไทยหนุ่มๆ คนแก่เค้าไม่ค่อยฟังครับ อยู่มาน้อย ความรู้เยอะ มักไม่เท่า อยู่เถ้าอยู่นาน รู้ดี แต่ไม่รู้จริง
ไม่ต้องพยามให้เสียเวลาก็ได้มั้ง เรื่องของ IT มันมีอะไรมากกว่าแค่ทำว่า "ก็มีเหมือนกัน"
ไหนจะเรื่องความเป็นสากลที่อืนๆก็ใช้ และที่สำคัญคือเรื่อง security และการ update
ถ้ารายได้มากกว่าค่าใช้จ่ายมันก็เป็นไปได้ครับ
VK?
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องเสียไม่เสียภาษี แต่เป็นเรื่องดูข้อมูลผู้ใช้ไม่ได้มากกว่าหรือเปล่า
เย้ๆ เราจะมีโซเชียลมีเดียเป็นของตัวเองแล้ว
ทำไปละลายแม่น้ำ ทำไปใช่ว่ามีคนใช้ ถ้าไม่มีคนใช้จะเกิดรายได้ไง
ก็แบนที่เหลือเหมือนรัสเซียทำไงครับ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ยังจำโครงการแปลวิกิพีเดีย 10 ล้าน สติกเกอร์ไลน์ค่านิยม 12 ประการ ได้อยู่เลย
แล้วยิ่งดูวัยของเลขาฯแล้วว รู้สึกท้อจริงๆกับวิสัยทัศน์ทางเทคโนโลยี
ยืนกันหน้าสลอนนี่ไม่รู้ว่าจะรู้จัก social media กันรึเปล่าด้วยซ้ำ
แนวคิดคุ้น ๆ ผมจำได้ว่านานมาแล้วในยุคที่ผู้คนเริ่มใช้ email กันอย่างแพร่หลาย รัฐบาลผู้มีวิสัยทัศน์อันกว้างไกลก็ได้จัดสรรงบมาลงทุนให้คนไทย "ทุกคน" มี email ใช้กันฟรี ๆ (ว้าว!) โดยสร้าง account ให้ทุกคนในรูปแบบ <หมายเลขบัตรประชาชน>@khonthai.com (สะกดถูกรึเปล่าไม่แน่ใจ) ไม่รู้มีใครเคยใช้กันรึเปล่า? ส่วนตัวผมเองยังไม่เคยใช้เลยครับ ?
เอาเลขประจำตัวประชาชนมาใช้เป็นชื่ออีเมล ฉลาดมั่กๆๆ
นั่นคือส่วนนึง ที่ทำให้ผมชอบรัฐบาลชุดนี้มากกว่าเดิม
5555555555+ นั่งขำอยุ่ หยุดไม่ได้
จะตามรอยจีนเข้าไปทุกที
อ้าว หัวเว่ย...
ขานั้นเขาฝังตัวอยู่ DE ลองไปดูรายการไปดูงานสิ
อยากให้รบ.ไทยทำอะไรให้มันบรรลุเป้าหมายในระยะเวลาที่เหมาะที่ควร
ไอ้บัตรประชาชนสมาร์ทการ์ดนี่มีมากี่ปีแล้วก็ยังไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร ยังมีอีกหลายโครงการที่ทำมาแล้วไม่เชิงทิ้ง แต่กินระยะเวลานานมาก มากจนไม่แน่ใจว่าตั้งใจดึงเช็ง หรือไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรให้งานสำเร็จ หรือมีอะไรอื่นๆ
ปล. ผมไม่ได้ต้านนะ แต่อยากให้มันสำเร็จ ให้มันไปถึงเป้าหมายที่โครงการมันวางเอาไว้
โดนรัสเซียหลอกแล้ว
ปล่าวครับ เมื่อข่าวนี้ออกมา และมีแนวโน้มเป็นจริงมากขึ้น
นโยบายสหรัฐต่อภูมิภาคนี้จะอัพเกรดเรื่องความร่วมมือ ทางอินเตอร์เนต มากขึ้น :V
หน้าตาเว็บจะคล้ายๆ กับเว็บของอบต.
หล่อวุ้ยยยย
ไม่นะ T_T
ถ้าประเทศญี่ปุ่นตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเรา ญีปุ่นจะตกลง mou กับรัสเซีย สร้างโซเชียลเนตเวิร์คขึ้นมาอันหนึ่ง โดยรันบนระบบๆ หนึ่ง ในอาคารแห่งหนึ่งในประเทศไทย .
ในขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นเองก็จะแอบสร้างระบบที่ดีกว่า และสำรวจสิ่งที่รัสเซียแอบแฝงไว้ในระบบอันแรก . และสร้างโซเชียลเนตเวิร์คอย่างที่ 2 ซึ่งมีระบบที่ดีกว่า มีฮาร์ดแวร์ที่ดีกว่า และป้องกันสิ่งที่แอบแฝงในระบบข้างต้น. ในอาคารอีกแห่งหนึ่ง และผลสุดท้ายเมื่อโซเชียลแรกพังทลาย ญี่ปุ่นก็จะมี in house ของตัวเองใช้. :V และปราศจากความเสี่ยงใดๆ . รวมถึงอนาคตสามารถดึงดูดประเทศในเอเชียเข้ามาใช้บริการได้อีกด้วย
มิน่า โซเชียลหลักในญี่ปุ่นตอนนี้ถึงเป็น LINE, Twitter, Facebook และ Instagram .. คงแกล้งใช้เพื่อทำของตัวเองอยู่สินะครับ ^^'
my blog
โซเชียลหลักของญี่ปุ่นคือ twitter line ครับ :V .
ซึ่งไม่แปลกเพราะเจ้าของ softbank เป็นคนเกาหลี . ส่วนอเมริกาก็ต้องพึ่งพาญี่ปุ่น ดังนั้นย่อมไม่มีปัญหาเรื่องอธิปไตย .
อันที่จริงโซเชียลหลักของญี่ปุ่นทุกวันนี้ยังคงเป็น 2 chan อยู่นั่นแหละครับ. ต่างจากคนไทยที่คลั่ง FB แบบเอาทุกอย่างมาลงเฟสบุค เปิดเผยข้อมูลกันขนาดทำผิดกฎหมายยังเอาเรื่องที่ตัวเองทำมาลงอวดกันอยู่นั่น .
โอ้ ผมว่าญี่ปุ่นไม่ได้มีอิสระในอธิปไตยของตัวเองเท่าไหร่นะ
รอบเมื่อกี้ อเมริกาสั่งให้ส่งเรือไปกดดันเกาหลีเหนือ ก็ยังต้องส่งไปเลย
แต่ก็น่าประทับใจมาก ที่โดนแทรกแทรงขนาดนั้น ยังรวมชาติกันได้ขนาดนี้ นับถือๆ
Who need it ?
Social media มันมีความซับซ้อน การจะดึงคนมาให้ใช้เยอะๆ ได้ไม่ใช่แค่เรื่องคุณภาพอย่างเดียว ดูอย่าง Google+ เป็นตัวอย่าง แม้ช่วงหนึ่งเหมือนจะถูกบังคับให้สมัครใช้งานกลายๆ แต่สุดท้ายคนก็สมัครเอาไว้เพื่อใช้เป็นทางผ่านเพื่อเข้าใช้บริการอื่นๆ ของ Google มากกว่าที่จะเอามาเพื่อใช้ตัว Google+ อย่างจริงจัง
โอ้ย ทำไมไม่เอาน้องสิงค์โปรไปเป็นตัวอย่างละครับพี่ไทย
คือจะจ่ายให้รัสเซียแทน ว่างั้น
ใครบอกให้ทำเนี่ยมาเลย facebook อาจไม่มีจุดยืนในประเทศไทยในอนาคตได้ถ้าเจอกับ facetu (แค่หน้าลุงในทีวีทุกสองทุ่มวันศุกร์ก็แทบอาเจียนเป็นสายเลือดแล้ว)
สิ่งน่าคิดกว่าคือ คิดว่างานนี้ใครจะหลอกใคร 5555
ก็คุยกับเฟส-กูเกิลตรงๆเลยดีมั้ยว่าจ่ายภาษีหน่อย ถ้าตอบแบบนักการเมือง-นักกฎหมาย เราจะตอบแบบทหาร ผมว่าจะลงทุนน้อยกว่ามาทำเวบเองนะ
ภาษีมันเข้าประเทศน่ะครับ
สรุปจะปิดประเทศทางด้าน IT จริงๆใช่ไหม จะได้เตรียมย้ายฐานไปสิงคโปร์ให้หมด
จีน รัสเซียทำได้ เพราะคนเขาเยอะ บังคับใช้แล้วยังอยู่ได้ แต่ของเราจะเลียนแบบเขาได้หรือ?
ถึงทำ functional ทัน ก็ไม่มีทางที่ non-functional จะทัน ละลายแม่นำ้แน่นอน เงินพวกเรา
ผมว่า สิ่งที่ กสทช. ควรทำ (ได้ตั้งนานแล้ว) เร่งด่วนที่สุด คือ
ยกเลิกการถ่ายสำเนาบัตรประชาชน ด้วยกระดาษ A4 เมื่อติดต่อราชการ ให้ได้ซักที
ม.44 สั่ง ติดต่อหน่วยงานรัฐไม่ต้องนำเอกสารราชการไป รัฐต้องหาเอง, ถ้าต้องการสำเนาต้องทำให้ฟรี
เพิ่งขายบ้าน กรมที่ดินก็ต้องถ่ายเอกสารนะครับ
รัฐบาลเอาบุคลากรจากไหนไปพัฒนา ค่าตัวคนเก่งๆแพวจนรัฐบาลไทยไม่มีทางได้มาอยู่ในมือ
ดูแล้วยังไงก็เจ๊งกับเจ๊ง
ทำได้ แต่อย่าบล็อกแล้วกัน มันดูขี้โกง
ขอหลักฐานมันลำบากมากนักใช่ไหมนายมาร์ค
งั้นลาก่อน กลับประเทศไปซะ เราพบรักใหม่แล้ว !
สื่อสารมวลชล => สื่อสารมวลชน
ถ้าเกิดขึ้นจริงผมว่ามากสุดคงทำได้แค่ หน่วยงานราชการ
ทำสไตล์ Workplace by Facebook
Search ข้อมูลหน่อยงานของรัฐ
Chat กันเฉพาะในหน่อยงานของรัฐ