Tags:
Node Thumbnail

DEPA ขานรับนโยบายภาครัฐ เร่งนำเทคโนโลยี Big Data รุกพัฒนาโครงการ Phuket Smart City อย่างบูรณาการ ตั้งเป้าให้ จังหวัดภูเก็ตเป็น Smart City ทั้งด้านการค้า การลงทุน

No Description

สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ DEPA ขานรับนโยบายภาครัฐ เร่งเครื่องตามยุทธศาสตร์โครงการส่งเสริมพื้นที่พิเศษสำหรับเศรษฐกิจดิจิทัล (Smart City) ของภาครัฐ ด้วยแนวคิดแบบคลัสเตอร์ (Cluster) ซึ่งเน้นเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ด้วยการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน พันธมิตรต่างประเทศ และเชื่อมโยงกระบวนทำงานร่วมกับสถาบันการศึกษา รวมไปถึงสถาบันวิจัยในพื้นที่ ในการนำเทคโนโลยีสำหรับการวิเคราะห์บิ๊กดาต้า (Big Data) มาจัดการข้อมูลเมือง ประเดิมเริ่มต้นจากเมืองต้นแบบอย่างจังหวัดภูเก็ต หวังให้กลายเป็นเมืองอัจริยะ (Smart City) ต้นแบบ ทั้งด้านการค้าและการลงทุน

ล่าสุด พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี ดร. พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดศ.) และดร. ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ DEPA ได้ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินโครงการ Phuket Smart City ตามที่รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนเขตเศรษฐกิจพิเศษในรูปแบบคลัสเตอร์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล (Digital Economy) ทั้งนี้เพื่อให้โครงการ Phuket Smart City ขับเคลื่อนไปตามยุทธศาสตร์ พร้อมทั้งขับเคลื่อนประเทศไทยให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ASEAN Economic Community (AEC)

ดร. พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดศ.) ได้กล่าวหลังจากลงพื้นที่เพื่อติดตามความก้าวหน้าที่จังหวัดภูเก็ตว่า การที่รัฐบาลมีนโยบายมุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจทัล หรือ Thailand 4.0 โดยพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้มีความพร้อมมากกว่าเดิมทั้งเรื่องการปรับเปลี่ยน แก้ไข ระเบียบข้อบังคับอันเป็นการกำจัดโอกาสในการลงทุน และควรได้รับสิทธิประโยชน์อันเป็นสิ่งสำคัญในการกระตุ้นการดำเนินงาน และการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ รัฐบาลจึงได้กำหนดแนวทางให้กลุ่มอุตสาหกรรมที่อยู่ในรูปแบบคลัสเตอร์ที่มีความเชื่อมโยงกับสถาบันการศึกษาหรือสถาบันวิจัยในพื้นที่ โดยจัดให้มีหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญ และช่วยกันผลักดันกลุ่มอุตสาหกรรมทางด้านดิจิทัลให้เกิดการพัฒนาอย่างบูรณาการ เพื่อผลักดันให้จังหวัดภูเก็ตเป็น Smart City ทั้งด้านการค้า การลงทุน โดยให้อุตสาหกรรมดิจิทัลขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอื่น ๆ ให้เติมโตไปพร้อม ๆ กัน โดยจากการสำรวจผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดภูเก็ต (GPP) ในปี 2557 ล่าสุด พบว่ามีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีมูลค่าประมาณ 137,901 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อคนต่อปี (GPP Per Capita) อยู่ที่ 258,817 บาทต่อคนต่อปี เป็นอันดับที่ 1 ของภาค และอันดับที่ 10 ของประเทศ มีรายได้จากการท่องเที่ยวในปี 2559 ประมาณ 341 แสนล้านบาท และถ้าโครงการนี้ดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบเชื่อมั่นว่าจะทำให้เศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตขยายตัวไม่ต่ำกว่า 4.5% ต่อปี ในอีก 5 ปีข้างหน้า

ปัจจุบัน โครงการ Phuket Smart City ได้มีพัฒนาการหลายด้านและหลายมิติ เพื่อพัฒนาจังหวัดภูเก็ตให้กลายเป็น Smart City ล่าสุดยังมีการจัดตั้ง “ศูนย์ความเป็นเลิศดิจิทัลภูเก็ต” (Centre of Digital Excellence Phuket : CODE Phuket) ขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางแห่งความเป็นเลิศ (Center of Excellence : CoE) ที่รองรับมาตรการพิเศษสำหรับ Digital Worker หรือบริษัทด้านดิจิทัลคอนเทนต์ ที่จะมาทำงานหรือลงทุนในประเทศไทยในลักษณะทำงานร่วมกันกับพันธมิตรในท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด อาทิ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่ร่วมทำงานกับ DEPA อย่างใกล้ชิด โดยมุ่งให้คำปรึกษา ถ่ายทอดความรู้ขั้นสูงในการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ การปรับปรุงกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ วิธีการมาตรฐานในการเพิ่มคุณภาพของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและซอฟต์แวร์ โดยอาศัยหลักการทางวิศวกรรมซอฟต์แวร์ (Software Engineering) ที่เน้นความร่วมมือในการวิจัย และพัฒนาเพื่อให้เกิดนวัตกรรม การทำต้นแบบ (Prototyping) และการทดสอบความเป็นไปได้ (Proof of Concept) ที่จะเอื้อให้กลุ่มอุตสาหกรรมดิจิทัลในไทยนำไปพัฒนาต่อเพื่อออกสู่เชิงพาณิชย์

3 แนวทางพัฒนาเมืองภูเก็ต

สำหรับโครงการ Phuket Smart City นั้นมีแนวทางการดำเนินงานโครงการชัดเจน โดยแบ่งการทำงานเป็น 3 Phase ด้วยกัน ซึ่งประกอบไปด้วย

Phase 1 : ซึ่งจะมีการนำเทคโนโลยีสำหรับการวิเคราะห์ Big Data มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อการพัฒนาเมืองให้กลายเป็น Smart City ในมิติต่าง ๆ อาทิ มิติด้านการค้าและเศรษฐกิจ (Smart Economy) ด้านการท่องเที่ยว (Smart Tourism) ด้านสาธารณสุข (Smart Health) ด้านการดำเนินชีวิต ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม (Smart Living) การบริหารเมืองแบบ Smart City โดยมุ่งการผสมผสานการได้มาของข้อมูลทั้งในลักษณะข้อมูลเชิงสำรวจแบบสถิติ และข้อมูลที่จัดเก็บได้แบบปัจจุบันโดยใช้เทคโนโลยี Internet of Things เช่น Sensor, CCTV รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลจากสังคมออนไลน์ ทำให้เมืองสามารถมีข้อมูลในการบริหารอย่างชาญฉลาด

Phase 2 : พัฒนาการให้บริการของภาครัฐ (e Government) เพื่ออำนวยความสะดวกด้านต่าง ๆ เกี่ยวกับการเข้าถึงการบริการของภาครัฐ โดยเฉพาะการส่งเสริมการลงทุน การเริ่มทำธุรกิจ และการอนุมัติ อนุญาตต่าง ๆ รวมถึงการเปิดให้เกิดการเชื่อมข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐ (Open Data) เพื่อให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและนำข้อมูลมาใช้ในเชิงนโยบายเพื่อการบริหารจัดการได้

Phase 3 : จะเป็นเฟสของการส่งเสริมให้ Smart City เกิดความยั่งยืน โดยจะเน้นการใช้ประโยชน์จากการเตรียมการด้านดิจิทัลทั้งหมด โดยอาศัยความร่วมมือกับภาคเอกชนและหน่วยงานท้องถิ่น ซึ่งดีป้าจะเป็นผู้ประสานงานกับ CEO จังหวัดนั้น ๆ ก็คือผู้ว่าฯ ช่วยกันวางแผนให้เกิดการบูรณาการอย่างยั่งยืน โดยรัฐบาลเป็นผู้ดูแลการเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน, Content และ Big Data ส่วนการบริหารจัดการจะดำเนินการโดยหน่วยงานท้องถิ่น คือจังหวัดหรือเมือง อาทิ eService, eMarketplace ซึ่งส่วนนี้ผู้ที่ได้ประโยชน์จะเป็นคนดูแล

นอกจากนี้ DEPA ยังมีแผนที่จะสร้าง Ecosystem ของ Startup ในภูเก็ต เพื่อให้เกิดการพัฒนา Smart City อย่างยั่งยืนต่อไป และงานทั้งหมดนี้จะส่งผลต่อความเชื่อมั่น การลงทุน ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย ดึงดูดให้เกิดการลงทุน และการหลั่งไหลของ Digital Worker และ Digital Talent จากต่างประเทศ รวมถึงส่งเสริมให้เกิดการส่งออกผ่านระบบ eLogistic, eMarketplace, ePayment ด้วย

Get latest news from Blognone

Comments

By: mr_tawan
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 17 May 2017 - 14:08 #987425
mr_tawan's picture

ผมนี่เล่นเพลง Start เลยครับ


  • 9tawan.net บล็อกส่วนตัวฮับ
By: panurat2000
ContributorSymbianUbuntuIn Love
on 17 May 2017 - 16:05 #987460
panurat2000's picture

การปรับเปลี่ยน แก้ไข ระเบียบข้อบังคับอันเป็นการกำจัดโอกาสในการลงทุน

กำจัดโอกาส => จำกัดโอกาส

ซึ่งดีป้าจะเป็นผู้ประสานงานกับ CEO

ดีป้า => DEPA