By: arjin 
on 18 April 2017 - 10:43
Tags:
Topics:
ต่อเนื่องจากการรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของ Netflix โดยในช่วงแถลงผลประกอบการกับนักลงทุน ซีอีโอ Reed Hastings ได้ตอบคำถามจากนักวิเคราะห์ถึงมุมมองการแข่งขันจาก Amazon และบริษัทอื่นๆ
โดย Hastings บอกว่า Amazon พัฒนารายการได้ดี แต่เขาไม่คิดว่าจะส่งผลกระทบกับ Netflix มากนัก เพราะตลาดความบันเทิงในบ้านนั้นกว้างใหญ่มาก จะเห็นว่าผ่านมาเป็นสิบปี ทั้ง Netflix และ HBO ก็เติบโตด้วยกันทั้งคู่ ไม่มีใครสูญเสียลูกค้าให้แก่กัน เพราะตลาดนี้ไม่ใช่เกมแบบ Zero-Sum
เขายังบอกว่าคู่แข่งสำคัญที่สุดของ Netflix จริงๆ คือเวลาที่คนเข้านอน เพราะเมื่อรายการของ Netflix สนุก คนก็จะนั่งชมไปเรื่อยๆ ต่อเนื่องจนดึก ศัตรูของบริษัทที่แท้จริงจึงเป็นเวลานอนนั่นเอง (บัญชี Twitter ของ Netflix US ถึงกับทวีตย้ำประเด็นนี้เลย)
ที่มา: Recode
Sleep is my greatest enemy.
— Netflix US (@netflix) April 17, 2017
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- Kubernetes คืออะไร [Part 1] เกิดขึ้นมาอย่างไร? ทำไมต้องใช้มัน? | Cloudnone EP.14
- CI/CD ยังไงดี ตั้งเซิร์ฟเวอร์เอง vs เช่าคลาวด์ | Cloudnone EP.13
- รู้จักโน้ตบุ๊กบนคลาวด์ เช่าใช้งาน Jupyter Notebook ที่ไหนดี | Cloudnone Ep.12
- สรุปข่าวใหญ่ปี 23 และคาดการณ์เทรนด์ปี 24 ในวงการ Cloud | Cloudnone EP.11
- สรุปของใหม่และสาระสำคัญจาก AWS re:Invent 2023 | Cloudnone Special EP
Comments
ก็จริงนะ ปัจจุบันเป็นสมาชิกทั้ง 3 อันแต่ก็ไม่ได้จะมีเวลาดู 5555
สงสัยว่าถ้าผมมองในแกนเวลา ว่าคนแต่ละคนก็มีเวลาดูหนังแต่ละวันไม่กี่ชั่วโมง
แล้วทำไมเค้าถึงมองว่าไม่ใช่ zero sum หรอครับ
ในเมื่อเวลาไม่กี่ชั่วโมงนั้น ก็ต้องมาแย่งกับ HBO อยู่ดีไม่ใช่หรอ เพราะคนไม่สามารถดู 2 จอพร้อมกันได้
เพราะมีพื้นที่อื่นให้เบียดไปเรื่อยๆ ครับ (อย่างน้อยก็ในอุตสาหกรรมเดียวกับเขาคือ HBO)
lewcpe.com, @wasonliw
ถ้าสมมติแต่ละคนมีเวลาดูหนังได้แค่วันละ 2 ชั่วโมงแน่ๆ แบบนี้ก็อาจจะ Zero-Sum แต่ Netflix เขามองว่าอุตสาหกรรมนี้สามารถแย่งเวลาของคนที่ทำอย่างอื่นในแต่ละวันมาได้ ซึ่งเป็นการได้ประโยชน์ร่วมกันหมด พื้นที่ไม่ได้จำกัดขนาดนั้น
ผมมองว่าคุณจะดูหรือไม่ดู แต่ถ้าทำให้คนมันจ่ายไว้ก่อนได้ ทั้งคู่ มันก็ไม่ใช่ zero-sum แต่เอาจริงๆ เอา zero-sum มาใช้แบบนี้มันก็ไม่ค่อยถูกความหมายเท่าไหร่นะผมว่า
แต่ตลาด consumerism ของ เมกัน ตั้งแต่ 60's อยู่แล้วที่คนจำนวนมากจ่ายเงินไปกับของที่ ไม่ได้ใช้ มีไว้ก่อนอุ่นใจ ฉะนั้นคนมันก็สมัครหมดไงครับ เพราะว่ามีไว้ก่อน ไม่ใช่เลือกว่าจะดูอันไหนแล้วสมัครอันนั้น
ปล. วันนี้มี better call saul ตอนใหม่นี่หว่า หา cookies ด่วน 555
[คือผมดูเรื่องเดียวเลยไม่ยอมสมัคร]
คือ ceo เขาใช้คำนี้น่ะครับเลย quote มา
เพราะการดู On Demand ทำให้คนดูเลี่ยงปัญหารายการชนกันได้ครับ
ฉะนั้นปัจจุบันคนดูไม่ต้องตัดใจเลือกเปิดแค่ช่องเดียว ซึ่งเป็น Zero sum แล้ว
อย่างวันนี้มี Game of Thrones
รายการอื่นของ Netflix ที่ผมดูก็พักไว้ก่อน จบ Game of Thrones แล้วค่อยมาเปิดดูต่อได้ (อาจจะยอมนอนดึกขึ้นหน่อย ถ้าเลยเวลานอนปกติ)
ผมดูข่าวกับซีรี่ย์พร้อมกันครับ แต่ถ้าซีรี่ย์พร้อมกันนี้ยังเวลไม่ถึง
อ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ คนจะดูไม่ดู พี่ก็ได้ค่าสมาชิกเท่าเดิมไม่ใช่หรอ
ผมว่าพี่ปลด ล็อคโซนดีกว่า พี่น่าจะได้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นอีก
แบบผมกลับบ้านดึก ไม่ค่อยมีเวลาจะดู พอมีเวลาก็ดูได้แป๊บๆแล้วก็ต้องนอนละ เป็นแบบนี้ไปนานๆก็ยกเลิกสมาชิกครับ
ส่วนเรื่องโซน ผมว่าน่าจะเป็นเรื่องลิขสิทธิ์ของค่ายหนังในแต่ละประเทศมากกว่านะ
ดู Hollywood HD คืนนึงเต็มที่ก็สองเรื่องเอง ขนาดซีรี่ส์ Dexter ว่าจะดูวันละสามตอนก็ยังไม่ไหว
Content สนุกจริง ยังไงก็มีคนดู
นึกว่าศัตรูสำคัญจะเป็น อ่าวโจร กับ เตะตูด ซะอีก
แต่สำหรับผม ความจำเป็นในการนอนคือปัญหา ผมไม่สามารถดูซีรี่ยส์ 3 ภาครวดได้ในทีเดียว T__T (ราวๆ 45ตอน ตอนล่ะ 40นาที)
The Dream hacker..
มี Prison Break เรื่องนึงล่ะที่ทำให้ดูข้ามคืนได้
อยากจะสมัครแต่ เกมที่ดองไว้มันยังบีบคอผมอยู่เลย
ละครไทย ยังใช้วิธีอ่านเรื่องย่อหน้าเดียว ประหยัดเวลาไป 10ชม แต่ซี่รีย์ฝรั่งอาศัยฟังเพื่อนสปอยเอา 55