เมื่อคืนนี้ NASA ประกาศการค้นพบครั้งสำคัญ ว่าพบระบบสุริยะที่มีดาวเคราะห์ขนาดเดียวกับโลกถึง 7 ดวงโคจรรอบดาวฤกษ์ และมี 3 ดวงที่อยู่ในตำแหน่งที่สิ่งมีชีวิตสามารถอาศัยอยู่ได้ (habitable zone คือไม่ใกล้หรือไกลจากดาวฤกษ์มากเกินไป)
NASA ตั้งระบบสุริยะนี้ว่า TRAPPIST-1 และตั้งชื่อดาวเคราะห์ทั้ง 7 ดวงตามตัวอักษร b-h การค้นพบครั้งนี้ถือเป็นการพบดาวเคราะห์ที่น่าจะอาศัยอยู่ได้จำนวนเยอะที่สุด ที่โคจรรอบดาวฤกษ์ดวงเดียว ดาวเคราะห์ทั้ง 7 ดวงมีความเป็นไปได้ที่จะพบ "น้ำ" ในรูปแบบของเหลว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของสิ่งมีชีวิต
การค้นพบครั้งนี้เป็นผลงานของกล้องโทรทรรศน์ TRAPPIST (Transiting Planets and Planetesimals Small Telescope) ของเบลเยียมที่ตั้งอยู่ในประเทศชิลี (ค้นพบ 2 ดวงก่อนในปี 2016) และกล้องโทรทรรศน์ Spitzer Space Telescope ของ NASA ที่ลอยอยู่บนอวกาศ (ค้นพบอีก 5 ดวง) ทำให้ NASA ตั้งชื่อเป็นเกียรติแก่กล้อง TRAPPIST
TRAPPIST-1 อยู่ห่างจากโลก 40 ปีแสงหรือ 235 ล้านล้านไมล์ ถือว่าค่อนข้างใกล้กับโลก ส่วนดาวฤกษ์ของ TRAPPIST-1 ถือเป็นดาวแคระ (dwarf planet) ที่อุณหภูมิเย็น (ultra-cool) เมื่อเทียบกับดวงอาทิตย์ของเรา ดาวเคราะห์ทั้ง 7 ดวงโคจรอยู่ใกล้ดาวฤกษ์มาก (ใกล้กว่าวงโคจรของดาวพุธ) และถ้ายืนอยู่บนดาวเคราะห์ดวงใดดวงหนึ่ง เราสามารถเห็นดาวดวงที่ติดกันด้วยตาเปล่า
เราจะเห็นข้อมูลเพิ่มเติมของ TRAPPIST-1 ในเร็วๆ นี้ และในปีหน้า 2018 NASA จะส่งกล้องอันใหม่ James Webb Space Telescope ขึ้นสู่อวกาศ โดยมีคุณสมบัติด้านการตรวจสอบทางเคมีและธาตุต่างๆ เพิ่มอีกมาก
ที่มา - NASA
วิดีโอจินตนาการดาวเคราะห์ d ของ TRAPPIST-1 แบบ 360 องศา โดย NASA
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Hiring! บริษัทที่น่าสนใจ
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- Kubernetes คืออะไร [Part 1] เกิดขึ้นมาอย่างไร? ทำไมต้องใช้มัน? | Cloudnone EP.14
- CI/CD ยังไงดี ตั้งเซิร์ฟเวอร์เอง vs เช่าคลาวด์ | Cloudnone EP.13
- รู้จักโน้ตบุ๊กบนคลาวด์ เช่าใช้งาน Jupyter Notebook ที่ไหนดี | Cloudnone Ep.12
- สรุปข่าวใหญ่ปี 23 และคาดการณ์เทรนด์ปี 24 ในวงการ Cloud | Cloudnone EP.11
- สรุปของใหม่และสาระสำคัญจาก AWS re:Invent 2023 | Cloudnone Special EP
Comments
น่าตื่นเต้นมาก ถ้ามนุษย์สามมารถเดินทางได้เร็วกว่าแสงเมื่อไหร่ เราคงมีอาณานิคมมากมายเปิดสุ่ความเป็นไปได้ใหม่ๆอีกเยอะเลย
มันจะเป็นไปได้หรือที่อวกาศที่ไม่มีสิ้นสุดนี้ จะมีแค่โลกที่มีสิ่งมีชีวิต
ใครเจริญแล้วก็มาเยี่ยมโลกบ้างสิเว้ย อยากเห็นหน้าตาเป็นยังไง
ว่าแต่ ไกลขนาดนั้นยังส่องเห็น ยอมใจ
ผมว่าเค้าไม่กล้ามาเพราะดูหนังมนุษย์ต่างดาว ของโลกครับ
แทบไม่มีเรื่องไหนที่มนุษย์ต่างดาวกับมนุษย์โลกอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติเลย
สิ่งมีชีวิตที่มีเทคโนโลยีเดินทางข้ามดวงดาวขนาดนั้น ไม่น่าจะเดินทางมาเพราะอยากรู้จักเราเฉย ๆ นะผมว่า 555
ในอดีตการล่าอานานิคมนี่เป็นเรื่องปกติมาก
หรือมันจะเป็นเฉพาะมนุษชาติ
เรื่อง Arrival มาจอดยานอยู่เฉยๆ ยังโดนระเบิดเลยครับ
ผมว่าฝ่ายที่มีความรู้มากกว่าไม่น่ากลัวเท่าฝ่ายที่มีความรู้น้อยกว่า นะครับ
ผมว่าไม่ว่าอะไรก็ตามมักจะกลัวสิ่งที่ตนไม่รู้ทั้งนั้น
ฝ่ายที่มีเทคโนโลยีด้อยกว่าไม่น่ากลัวหรอกครับ ลองคิดสภาพเอาก้อนหินไปสู้กับรถถัง
ระดับเดินทางด้วยความเร็วแสงได้ สร้างอาวุธทำลายโลกน่าจะง่าย ๆ เลย ยิงดวงอาทิตย์ให้ดับแล้วปล่อยเราหนาวตายเล่น ๆ ยังได้ 555
แต่เห็นด้วยครับว่าคนเรามักจะกลัวสิ่งที่เราไม่รู้ และสงครามเกิดจากความกลัวเนี่ยแหละ
แต่ผมว่าถ้าย้อนเวลาได้ ชาวแอซแทคคงอยากฆ่า Cortes มากกว่านะ
ความเป็นไปได้ทั้งหมด มีทฤษฎี Fermi Paradox มาช่วยครับ
ข่าวดีคับ ป่ะจัดกระเป๋าเตรียมเดินทางกันแต่เนิ้นๆ
ว่าแต่ 40 ปีแสง ก
ไม่ได้ดู แต่อยากรู้มีเกรียนไทยไปแจมไหมรอบนี้
ผมนั่งดูอยู่ไม่มีเลยนะครับ ไม่บล็อคไปแล้วก็คงนอนหมดแล้ว เพราะเริ่มแถลงตอนตี 1
คงอยู่ไม่ทันเห็นยานอวกาศ นึกแล้วเศร้าใจนิดๆ อายุมนุษย์สั้นมากเมื่อเทียบกับดวงดาวและจักรวาล
วิทยาการ รักษาและการดูแลสุขภาพ เพื่อ ยืดหยุ่นและดำรงชีวิต ของเรา ยังต่ำ ครับ
ปัญหาของการเดินทางในอวกาศระยะไกลคือเราน่าจะต้องคิดค้นเทคโนโลยีเดินทางที่ดีให้ได้ก่อน ไม่งั้นก็จะเป็นแบบส่งยานชุดแรกไป ในระหว่างนั้นดันคิดค้นเทคโนโลยีที่ดีกว่าได้ยานชุดที่ 2 ไปถึงก่อนยานชุดแรก คนบนยานชุดแรกคงรู้สึกแปลกๆ
แวะรับกลางทางครับ :)
Jusci - Google Plus - Twitter
ไม่ใช่แค่นั้น ถ้าคิดจะส่งคนไป มันก็หลายชั่วรุ่น และเมื่อถึงปลายทาง ก็เริ่มรู้สึกแปลกแยกจากโลกแล้ว
และคงคิดว่าทำไมต้องช่วยคนบนโลก เพราะตัวเองยอมสละการดำเนินชีวิตบนยานตั้งเป็นร้อยปี
และสุดท้ายแล้ววิวัฒนาการบนโลกอาจเพี้ยนจากจากปกติด้วยมลพิษ และบนยานก็เพี้ยนเพราะรังสีนอกโลก
คิดถึง mini series "Ascension" จัง
ก็อยู่ที่ว่า จะส่งไปแบบ Cryosleep หรือเป็น Generation ship แต่ไม่ว่าแบบไหนการปกครองของโลกก็ไม่มีผลอยู่แล้วเพราะระยะเวลาในการเดินทางมันนานมาก ยกเว้นเราจะคิดค้นเทคโนโลยี FTL ได้
infographic สวยๆจาก NASA ครับ
7 ดวงรวมกัน วงโคจรแคบมากๆ ครับ
ถือว่าเป็นระบบสุริยะขนาดจิ๋วได้เลยนะเนี่ย
ต้องหารูหนอนย่นระยะทาง
นึกถึงข่าวเก่า ที่เป็นยานจิ๋วปล่อยแบบ Random ด้วยความเร็วเกือบเท่าแสง แต่จำไม่ได้ว่าโปรเจคของใคร Facebook หรือ SpaceX
ถ้ามีน้ำเป็นของเหลวระดับมหาสมุทร คงมีปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลงที่รุนแรงมาก
ผมว่าน่าจะเจอแบบ Miller Planet ใน Interstaller หรือเปล่า tidal wave วิ่งตัดไปตัดมาจนสร้างอารยธรรมไม่ได้เลย
ดาว Miller อยู่บนปากขอบหลุมดำครับ เลยมีน้ำขึ้นน้ำลงขนาดนั้น
SETI หันกล้องไปให้ไวเลย
กว่าจะคิดเทคโนโลยีที่สามารถไปได้คงอีกหลายสิบปี โลกขาด Breakthought มาสักพักแล้ว
แถลงมาไล่ๆ กะหนัง Hidden Figures เข้า อารมณ์เดียวกะตอน The Martian เข้าเบย 3
my blog
ผมเคยอ่านทฤษฎีเกี่ยวกับอารยธรรมที่เจริญกว่า หรือสิ่งมีชีวิตที่ภูมิปัญญากว่าเรา อาจจะมีอยู่ แต่เราแค่ไม่เข้าใจ หรือรับรู้ได้ถึงเขา อะไรประมาณนั้น
ในทฤษฎีเปรียบถนนราดยาง กับมด ว่ามดไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่า ถนนราดยางที่ให้ความสะดวกสบายกับมนุษย์นั้นคืออะไร เช่นกัน ทางมนุษย์ต่างดาวที่มีอารยธรรมสูงมาก ๆ อาจจะไม่ได้เห็นเราในสายตา และไม่ได้คิดจะติดต่อกับเราโดยตรง ในขณะที่เราอาจจะได้พบเจอสิ่งต่าง ๆ เรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับอารยธรรมของเขาแล้ว แต่เราไม่เข้าใจ หรืออาจจะไม่สามารถรับรู้ได้ถึง
ส่วนกรณีเดินทางด้วยความเร็วแสง น่าจะยาก ไม่น่าเกิดได้ในเร็ววัน แต่จะมีอีกวิธีในการเดินทางไปที่มีโอกาสทำได้ในเร็ววัน (หวังไว้แบบนั้น) คือการแช่แข็ง หรือการจำศีล น่าจะเรียกว่า Cryosleep หรือไงเนี้ยแหละ อันนี้น่าจะทำได้
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
ดูแล้วเจอว่าจะมีอยู่ดาวที่หันหน้าเข้าพระอาทิตย์ตลอด พอคนไปถึงก็พอดีเจอสุริยะคราด พอเริ่มมืดเท่านั้นแหละ
ค้างคาวฉลามมากันตรึม เอ๊ะ...
ยานบินเร็วกว่าแสงสี่สิบเท่ายังต้องใช้เวลาหนึ่งล้านปีแสง คิดแล้วมันเป็นอะไรที่จะเป็นไปได้ยากมาก ไหนจะเรื่องการดำรงชีวิตในอาวกาศ แหล่งพลังงาน
40 ปี แสงครับ
1 ปีรึเปล่าครับ
ภาพที่เห็นคือ ภาพเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ป่านนี้คงโดนยึดไปแล้ว
น่าจะให้นาซ่าไปค้นหา MH370
Google Doodle วันนี้น่ารักมาก >_<
คงต้องรอยานเอนเตอร์ไพรซ์
รอกล้องเจมส์เวปอีกสองสามปีเจออีกตรึมเลยผมว่า