By: arjin 
on 6 January 2017 - 10:06
Tags:
Topics:
ซัมซุงรายงานผลประกอบการเบื้องต้นของไตรมาสที่ 4 ปี 2016 คาดว่าจะมีรายได้ราว 53 ล้านล้านวอน ลดลงจากช่วงเดียวกันในปีก่อนเล็กน้อย 0.6% ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานนั้นอยู่ที่ 9.2 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้นถึง 50% และเป็นระดับกำไรที่สูงที่สุดในรอบกว่า 3 ปีของซัมซุงเลย
ซัมซุงยังไม่ได้ให้รายละเอียดว่ากำไรที่เพิ่มขึ้นมามากเกิดจากอะไร แต่นักวิเคราะห์คาดว่าธุรกิจชิปหน่วยความจำน่าจะเป็นตัวสร้างกำไรหลัก เนื่องจากราคาขายหน่วยความจำที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้น และมากพอจะชดเชยปัญหา Galaxy Note 7 ได้
นักวิเคราะห์จาก LS Asset Management ยังมองว่าแม้จะมีปัญหา Note 7 แต่ซัมซุงก็แก้ปัญหาได้ดี โดยนำยอดขาย S7 มาชดเชยได้มากพอ ซึ่งน่าสนใจว่าในปี 2017 นี้ ซัมซุงอาจทำสถิติยอดขาย-กำไรสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง
ที่มา: Reuters
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- Kubernetes คืออะไร [Part 1] เกิดขึ้นมาอย่างไร? ทำไมต้องใช้มัน? | Cloudnone EP.14
- CI/CD ยังไงดี ตั้งเซิร์ฟเวอร์เอง vs เช่าคลาวด์ | Cloudnone EP.13
- รู้จักโน้ตบุ๊กบนคลาวด์ เช่าใช้งาน Jupyter Notebook ที่ไหนดี | Cloudnone Ep.12
- สรุปข่าวใหญ่ปี 23 และคาดการณ์เทรนด์ปี 24 ในวงการ Cloud | Cloudnone EP.11
- สรุปของใหม่และสาระสำคัญจาก AWS re:Invent 2023 | Cloudnone Special EP
Comments
ปลอบใจตัวเองว่าไม่เป็นไร ไม่เป็นอะไร...
สรุป.. ขาดทุน (กำไร) อยู่ดี ถ้า Note7 ไม่บึ้มก็จะเป็นปีทองของ SS อย่างแท้จริงเลย
ผมว่าเนียนเอางบอื่นมาปิดชัวร์ อาการแบบนี้ ผมไม่เชื่อหรอครับว่าจะกำไรจากการดำเนินงานเพิ่ม ถ้าไม่ตัดบัญชีพิเศษอะไรเข้ามาแทนให้งบออกมาสวยเพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้นักลงทุน
แนะนำให้อ่านข่าวจากที่มาครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
กำไรจากธุรกิจ memory chip ครับ หมายถึง NAND ที่ใช้ทำ SSD ,RAM และอื่นๆ และจอ OLED ก็ขายได้ ยังมีค่าเงินวอน-ดอลล่าร์มาเกี่ยวข้องด้วย นี่เป็นสรุปของ samsung electronics ไม่ใช่ส่วน samsung mobile อย่างเดียว
น่าจะเกิดจากธุรกิจชิปนี่แหละ ยิ่งได้ดีลกับ Qualcomm อีก
โห ยอมเลย เคยเดาไว้ว่าจะขาดทุนย่อยยับ ดันกำไรซะอย่างนั้น แถมกำไรมากสุดในสามปีอีกต่างหาก ข้าน้อยขอคารวะ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
นี่ซินะที่ว่าลอกมากากๆ ก็ขายได้ :)
ไม่กากนะครับ ถ้าเป็นแบรนด์แอนดรอย์ SS ก็นับว่าเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง แต่ถึงกระนั้นผมก็ไม่ใช้นั้นหละครับ แนวทางกับสไตล์เราไปกันไม่ได้ by the way ส่วนตัวรู้สึกขอบคุณ SS ที่ทำให้สมาร์ทโฟน แพร่หลายและจับต้องได้ มันส่งผลให้โลกเคลื่อนไปข้างหน้าไวขึ้น คนแก่ เด็กน้อย สงภาพ คุยไลน์กันได้ เพราะเอื้อมถึงเทคโนโลยี
ที่ต้องชมจริงๆ เลยคือแก้เกมได้ค่อนข้างเร็ว แม้จะนิ่งๆ เอ๋อๆ ไปบ้างในช่วงแรกๆ แต่เผลอแป๊บเดียวกลายเป็นโปรโมท S7 ไปแทนเรียบร้อยแล้ว กระแส S7 ก็กล้บมา (และลืมเรื่อง Note 7 กันไปเลย) แสดงว่าแบรนด์ซัมซุงในภาพรวมก็ยังดีอยู่
ที่อยากรู้คือ จะแก้เกมเรื่องแบรนด์ Note ยังไง อุตสาห์ปั้นแบรนด์นี้มาจนติดลมบน มีสาวกเยอะแยะ จะทิ้งแบรนด์ไปเฉยๆ ก็ยังไงอยู่ แม้เรื่องที่เกิดขึ้นจะหนักหนาพอสมควร ตรงนี้แหละอยากรอดูครับ
หลังจาก note7 มีปัญหา มีกูรูวงการไอทีจำนวนไม่น้อยมาฟันธงถึงสัญญาณล่มสลายของซัมซุง ผมนี่แอบขำเลยครับ แสดงว่าคนกลุ่มนี้ไม่เคยทำธุรกิจ ไม่เคยศึกษาถึงประวัติซัมซุงว่าพื้นฐานดีแค่ไหน โตมาได้อย่างไร ถ้าพูดถึงเรื่องการทำธุรกิจอย่างเดียว ไม่ว่าองค์กรไหนๆ ก็อยากเป็นแบบซัมซุงครับ กลับกันปัญหา note7 จะทำให้ซัมซุงแกร่งขึ้นอีกมากต่างหาก
"ผ่านสิ่งที่ว่ากันว่าหนักที่สุดมาได้ ปัญหาหลังจากนี้จะเหมือนเคี้ยวขนม"
ตอนที่อ่านเจอประโยคทำนองนั้นก็รู้สึกคล้ายๆ กันครับแต่ก็ไม่ได้ถึงกับขบขันอะไร เพราะต่างคนต่างก็สามารถวิพากษ์วิจารย์ไปตามความคิดเห็นของตัวเองได้ แต่ส่วนตัวคิดว่าสำหรับธุรกิจแล้วอะไรมันก็สามารถเกิดขึ้นได้ ซึ่งใครจะไปคิดว่า Nokia Kodak RIM(Blackberry) หรือยักษ์ใหญ่ในวงการยานยนตร์หลายเจ้าจะก้าวมาสู่จุดที่ตกต่ำได้อย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้
ถ้าคุณเอาซัมซุงไปเทียบกันบริษัทเหล่านั้น ก็แสดงว่าคุณยังไม่เข้าใจที่ผมจะสื่อ บริษัทเหล่านั้นล้มเพราะอะไร?? มันมาจากสาเหตุเดียวกันทั้งหมด ซึ่งโดยแนวทางที่ซัมซุงเลือกเดิน มันไม่มีโอกาสไปถึงตรงนั้นได้เลยครับ ต่างกันมาก
ถ้าจะบอกว่า Samsung วางรากฐานไว้ดีมากกระจายความเสี่ยงลงไปในหลากหลายธุรกิจทำให้ใหญ่เกินกว่าที่จะสามารถล้มได้ ผมก็นึกย้อนกลับไปถึงเรื่องหนึ่ง ตั้งแต่เกิดมาในช่วงชีวิตผมก็ไม่คิดว่าจะมีประเทศใหญ่ๆ ประเทศไหนที่จะตกต่ำจนแทบจะเรียกว่าว่าล้มละลายได้ จนมาเจอกรณีของ Greece ซึ่งถ้าจะเอามาเทียบกับธุรกิจก็คงจะคล้ายๆ กัน ที่อะไรๆ ก็สามารถเกิดขึ้นได้ ผมมองอย่างนี้นะ
ผมมองว่าการกระจายความเสี่ยงค่อนข้างดีกว่าการทำสิ่งเดียวทางเดียวเสมอนะครับ กรณี Greece ส่วนตัวคิดว่าการที่ประเทศจะล่มสลายนั้นเกิดได้น้อยมาก ถ้าเทียบกับบริษัทที่ล่มสลาย สเกลมันต่างกันเกินไป ประเทศนั้นเกิดจากหลายกิจการรวมกัน ส่วนบริษัทนั้นมักจะเริ่มจากกิจการเดียว ในฐานะที่ผมเรียนรู้เรื่องการลงทุนอยู่ค่อนข้างเชื่อมั่นในการกระจายความเสี่ยง ไม่ควรถืออะไรไว้อย่างเดียว เพราะถึงเวลาถ้ามีธุระกิจใดล่ม อีกตัวจะพยุงให้ Center ยังอยู่ต่อไป เพื่อแก้ไขปรับปรุงพร้อมรับสถานะการณ์ถัดไป
ทั้งนี้ไม่มีแหล่งข้อมูลอ้างอิง คอมเมนต์จากมุมมองส่วนตัวล้วนๆครับ
ก็ขำพอๆ กับสัญญาณ apple ล่มสลายเหมือนกัน ก็พูดมาหลายปีตั้งแต่ Jobs เสีย ก็ยังไม่ล่มสักที แถมยังกำไรเป็นอันดับ 1 ในธุรกิจมือถืออีก