Tags:
Topics: 
Node Thumbnail

Amazon เปิดตัวร้านค้าปลีกของตัวเองในชื่อ Amazon Go จุดเด่นสำคัญคือไม่ต้องรอคิวคิดเงินอีกต่อไป แต่เดินผ่านจุดคิดเงินแล้วก็จะคิดเงินผ่านบัญชี Amazon ได้ทันที

Amazon เรียกเทคโนโลยีการคิดเงินว่า Just Walk Out ที่ซับซ้อนกว่าการคิดเงินด้วย RFID ที่เราเคยเห็น แต่ใช้ระบบตรวจจับภาพด้วยคอมพิวเตอร์, ปัญญาประดิษฐ์, เซ็นเซอร์, และ deep learning

คอมพิวเตอร์จะตรวจสอบว่าเรากำลังหยิบหรือคืนสินค้าใดจากชั้นบ้าง เมื่อตรวจพบว่าเราถือสินค้าใด ก็จะทำรถเข็นเสมือน (virtual cart) แบบเดียวกับที่เราซื้อของในเว็บ เมื่อเราเดินออกจากร้านก็จะคิดเงินเหมือนเรากด checkout ในเว็บอีกเช่นกัน

ตอนนี้ Amazon Go เป็นร้านทดลองสำหรับพนักงานอเมซอนในซีแอตเติล และจะเปิดต่อสาธารณะในปี 2017

ที่มา - Amazon Go

alt="upic.me"

Get latest news from Blognone

Comments

By: Jirawat
Android
on 6 December 2016 - 05:47 #957045
Jirawat's picture

ฮะไม่ต้องจ้างพนักงานร้านแล้วสินะ เดินมา-หยิบของ-เผ่น

By: KuLiKo
ContributoriPhoneWindows PhoneAndroid
on 6 December 2016 - 07:44 #957051
KuLiKo's picture

ยอมใจกับไอเดียนี้

ที่​ทำงาน​พี่​พอ​จะ​ขาด​ภารโรง​มั้ยครับ​ อยาก​ไปอยุ่​เลย​

By: lew
FounderJusci's WriterMEconomicsAndroid
on 6 December 2016 - 07:46 #957052
lew's picture

note เรื่องนี้ไว้หน่อย:

ความฝันที่จะมีร้านที่ไม่มีคนดูแลเลยแม้แต่คนเดียวเป็นความฝันระดับหลายสิบปีแล้วแต่เทคโนโลยีไม่เอื้อ ยุคหนึ่งมีความพยายามทำให้ซุปเปอร์มาร็เก็ตกลายเป็นเครื่องขายสินค้าอัตโนมัติขนาดยักษณ์ (ลูกค้าไม่ต้องจับสินค้าเลย รอไปจ่ายเงิน) แต่ปรากฎว่าไม่สำเร็จ ลูกค้าต้องการจับสินค้า

ความพยายามแบบเดียวกันนี้ในสมัย RFID มาใหม่ๆ เมื่อสักสิบกว่าปีก่อน ก็ฝันกันว่า RFID จะถูกลงจนกระทั่งติดสินค้าได้ทุกชิ้น แบบเดียวกับทีเราพิมพ์ barcode ลงหิบห่อทุกชิ้น ความฝันนี้ก็ไม่เป็นจริงอีกเช่นกัน ผ่านไปหลายสิบปี RFID ไม่เคยถูกพอ แม้จะถูกลงมากแล้วก็ตาม ราคาที่เพิ่งต่อชิ้นอาจจะไม่ถึงดอลลาร์แล้ว แต่ให้เพิ่มทุกชิ้นก็เป็นไปไม่ได้ แถมระยะทำการมันไม่เคยไกลพอ พอเพิ่มความซับซ้อน สามารถทำงานได้พร้อมกับหลายชุด ฯลฯ ราคาก็กลับแพงขึ้นเสียอีก

AI+Computer Vision ในกรณีนี้มีโอกาสคุ้มทุนสูงกว่ามาก ค่าพัฒนาจะจมครั้งแรกครั้งเดียวเป็นค่าซอฟต์แวร์ ค่าฮาร์ดแวร์จะลงครั้งเดียวต่อร้าน ไม่มีต้นทุนเพิ่มต่อชิ้นสินค้าที่ขายอีกต่อไป เมื่อซฮฟต์แวร์เก่งขึ้นจะใช้ได้ทุกสาขา ขณะที่กล้องวงจรปิดความละเอียดสูง และคอมพิวเตอร์ที่ประมวลผล AI และภาพที่เข้ามามีราคาไม่แพงอีกต่อไป

ถ้าระบบแม่นยำพอ ความฝันสามสิบปีก็จะเป็นจริงแล้ว


lewcpe.com, @wasonliw

By: qo
iPhoneUbuntuWindows
on 6 December 2016 - 09:25 #957069 Reply to:957052
qo's picture

ขนาดยักษ์*

By: Holy
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 6 December 2016 - 10:00 #957073 Reply to:957052
Holy's picture

ผมสงสัยว่าสำหรับร้านที่ไม่ใช่ซุปเปอร์มาเก็ต แต่เป็นของราคาแพงขึ้นหน่อย เช่น ร้านเสื้อผ้า ร้านหนังสือ ซึ่งปกติจะมีเสาจับสัญญาณอยู่ที่ทางออก (แบบถือของเดินไปเฉี่ยวใกล้ๆ แล้วมันวี๊หว่อๆ) ซึ่งก็แปลว่า ในสินค้าของพวกนี้ก็มี Tag ติดไว้อยู่แล้ว แบบนี้จะประยุกต์เป็นแทนที่จะร้องเตือน ก็เปลี่ยนเป็นจับสัญญาณสินค้าทุกชิ้นที่ผ่าน แล้ว Checkout เลยได้ไหมครับ?

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 6 December 2016 - 13:03 #957104 Reply to:957073
hisoft's picture

เท่าที่ผมเห็น ยังไม่เห็นร้านไหนแปะกับทุกชิ้นจริงๆ นะครับ

By: Gun
iPhoneAndroidBlackberryWindows
on 6 December 2016 - 13:16 #957112 Reply to:957104

ที่ Decathlon มีทุกชิ้นครับ เวลาคิดเงินแค่หยิบผ่านเครื่องก็ได้เลย (ไม่ต้อง scan barcode)

แต่บางครั้ง หย่อนผ่านเครื่องหลายชิ้นพร้อมกัน แล้วระบบรับไม่ไหว ต้องค่อยๆหย่อน

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 6 December 2016 - 14:37 #957125 Reply to:957112
hisoft's picture

โอ้ ดีจังครับ แต่ผมเพิ่งเคยเห็นชื่อ Decathlon นี่แหละครับ :D

By: ZeaBiscuit
iPhoneAndroidUbuntuWindows
on 7 December 2016 - 11:55 #957295 Reply to:957112
ZeaBiscuit's picture

ของผมเคยลองเอาวางทั้งตะกร้าเลย บางทีก็ได้ บางทีก็ขึ้นไม่ครบ พนักงานต้องมานับชิ้นดู แต่โดยรวมๆแล้ว แจ๋วมากครับ

By: Gun
iPhoneAndroidBlackberryWindows
on 6 December 2016 - 13:17 #957113 Reply to:957073

Tag แบบนี้ ส่งสัญญาณแค่บอกว่า สิ่งของกำลังจะผ่านจุดตรวจ ไม่ได้บอกว่า เป็นสินค้าชนิดไหน ราคาเท่าไร

และสุดท้าย ก็ต้องแกะคืนอยู่ดี ถ้าไม่แกะ เท่ากับ เพิ่มต้นทุนให้ product ที่จะซื้อครับ

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 6 December 2016 - 14:35 #957123 Reply to:957113
hisoft's picture

ของที่ราคาสูงนิดเค้าไม่แกะคืนครับ แบบขวดแชมพูนี่ผมเห็นหลายครั้งแล้วจะมี RFID แปะที่ขวดใต้ฉลากอีกทีนึง ไม่รู้เลิกทำกันไปรึยัง

By: osmiumwo1f
ContributorWindows PhoneWindows
on 6 December 2016 - 14:56 #957131 Reply to:957123
osmiumwo1f's picture

ของบางอย่างยังแปะอยู่ครับ
ปล. เพื่อนผมชอบมาขอสติกเกอร์ RFID แบบนี้เพื่อเอาไปใช้เป็น tag ราคาถูกครับ

By: lew
FounderJusci's WriterMEconomicsAndroid
on 6 December 2016 - 14:58 #957133 Reply to:957113
lew's picture

tag ที่จะทำระดับเดียวกับในข่าวนี้ได้ ต้องบอก ID ของสินค้าได้ ไม่ใช่แค่มีหรือไม่มี, ต้องทำงานจากระยะไกลพอสมควร (0.5-1 เมตร) และต้องทำงานในสนามที่เต็มไปด้วย tag ได้ มี collision avoidance ของพวกนี้รวมๆ แล้วตอนนี้ยังแพงครับ ไม่น่าจะคุ้มสำหรับการแปะทิ้งไปอีกพักใหญ่ๆ หลายปี

ถ้า AI แบบนี้สำเร็จ อาจจะไม่เกิดเลยตลอดไป เพราะใช้ AI ถูกกว่าไปแล้ว ถ้าปีหน้า amazon ทำได้จริง อีก 5 ปีมีผู้ผลิตหลายเจ้าให้ห้างอื่นๆ เลือกใช้ ก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องไปนั่งพัฒนา RFID ให้มันถูกลง


lewcpe.com, @wasonliw

By: -Rookies-
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 6 December 2016 - 18:53 #957176 Reply to:957052

แต่ในทางตรงกันข้าม Privacy ก็จะตกฮวบเลยเช่นกัน แล้วก็จะมีประเด็นขึ้นมาอีกรอบว่าบริษัทพวกนี้จะเก็บข้อมูลดีแค่ไหน จะถูกรัฐบีบเอาไปใช้มั้ย

น่าสนใจจว่า Snowden มีความเห็นกับเรื่องนี้ยังไง


เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!

By: lew
FounderJusci's WriterMEconomicsAndroid
on 7 December 2016 - 10:19 #957275 Reply to:957176
lew's picture

ถามผมคือ privacy ก็ไม่ต่างจากกล้องวงจรปิดตามปกติครับ โดยตัวข้อมูลดิบมันก็คือภาพถ่ายของเราในพื้นที่กล้องวงจรปิด

การใช้งานของ Amazon Go เป็นการใช้งานกล้องวงจรปิดให้เกิดประโยชน์โดยตรงกับผู้ใช้เท่านั้นเอง

อันนี้ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ควรสนใจนะครับ แต่ในแง่ความเป็นส่วนตัว เราควรคิดทั้งระบบ ว่าเราอาจจะต้องมีกฎหมายควบคุมความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของกล้องวงจรปิดกันได้หรือยัง กระบวนการเข้าถึงภาพต้องการกำกับดูแลแค่ไหน และผู้ติดตั้งต้องรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของระบบกล้องวงจรปิดระดับใด โดนแฮกโดนขโมยภาพต้องแจ้งใคร หละหลวมระดับไหนต้องมีโทษ

เพราะลำพังการใช้งานกล้องเป็นกล้องวงจรปิด ก็มีการใช้งาน AI+Computer Vision กันมากขึ้นเรื่อยๆ เทคโนโลยีพื้นๆ อย่าง face recognition สามารถทำได้ไม่ยากแล้วในสมัยนี้ และคงมีการใช้งานมากขึ้นเรื่อยๆ หากข้อมูลหลุดออกไป อนาคตเราอาจจะเจอข้อมูลดิลเป็นไฟล์ CSV ว่าใครเดินห้างตรงไหนเวลาใด


lewcpe.com, @wasonliw

By: -Rookies-
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 8 December 2016 - 16:00 #957608 Reply to:957275

จริงแฮะ ยิ่งเจ้าใหญ่ ๆ เริ่มเปิดซอร์ส เปิดเครื่องมือกันเรื่อย ๆ อีกหน่อยใครมีทรัพยากรระดับนึงก็ทำได้ทันทีเลย น่ากลัวมาก ๆ


เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!

By: tekkasit
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 6 December 2016 - 08:04 #957055
tekkasit's picture

มันใช่เลย!

ป.ล. นึกสภาพว่ามี suggestion เข้าในมือถือเพื่อเสนอสินค้าคู่แข่งเทียบ ตอนเวลาเราหยิบสินค้าแล้ว น่าจะสนุกพิลึก

เรามีสินค้าอื่นที่ยินดีจะแนะนำให้ ธัญพีชอบแท่งน้ำตาลน้อย(กว่า)ยี่ห้อ...ราคา...(ถูกกว่าที่เราหยิบตะกี้) อยู่ตรงมุมข้างหน้าบนชั้นทางขวามือ

By: mrBrightside
iPhoneWindows
on 6 December 2016 - 08:21 #957056

อยากรู้ว่าตอนเดินเข้าร้านต้องทำยังไง แตะบัตรเหรอ ?

By: tekkasit
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 6 December 2016 - 08:37 #957058 Reply to:957056
tekkasit's picture

ดูวิดีโอที่ต้นทางครับ

By: Lennon
iPhoneWindows PhoneAndroidSymbian
on 6 December 2016 - 09:55 #957071 Reply to:957058

ดูคลิปแล้วมีความรู้สึกว่าถ้านำมาใช้ในประเทศกำลังพัฒนา(ทางความคิด) มันจะต้องมีดราม่าอะไรซักอย่างบังเกิดแน่ๆ

ป.ล. สงสัยผมไม่ชินภาพแบบในคลิป แต่รุสึกเหมือนทุกคนเป็นโจรเลย 55555

By: Holy
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 6 December 2016 - 10:04 #957074 Reply to:957071
Holy's picture

เดี๋ยวมันต้องมี "แชร์เทคนิค หยิบของจากชั้นวางอย่างไรไม่ให้กล้องเห็น" แน่เลย

By: loptar on 6 December 2016 - 10:36 #957077 Reply to:957071
loptar's picture

น่าจะต้องมีกล้องเยอะมากๆ หลายๆ มุม เลยนะ ระบบที่แยกแยะคน ก็น่าจะต้องทำงานไวมากๆ ด้วย

By: Holy
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 6 December 2016 - 10:05 #957075
Holy's picture

ถ้าเกิดไปซื้อของกันเป็นครอบครัว แบบบ้านผมไปโลตัสทีก็แยกย้ายกันไปสามคน ใครซื้อของหนักเข็นรถเข็นไป ใครของเบาก็ไปหยิบมาใส่รถเข็นรวมกัน แบบนี้จะคิดเงินยังไงเนี่ย..... หรือต้องต่างคนต่างซื้อ มีคนละ Account แทน

By: loptar on 6 December 2016 - 10:34 #957076
loptar's picture

ระบบแบบนี้ ถ้าเอามาใช้กับ smart id ที่ผูกบัญชีธนาคารแล้วเนี่ย สุดๆ

By: acitmaster
AndroidUbuntuWindowsIn Love
on 6 December 2016 - 10:48 #957079
acitmaster's picture

เดินออกแล้วตัดบัตรไม่ได้ ฮาๆๆๆ

By: akira on 6 December 2016 - 10:58 #957080

น่าจะใช้กล้อง ร่วมกันเซ็นต์เซอร์เพื่อยืนยัน เพราะถ้าตีตารางกริด map barcode เข้ากับตารางกริด ตามแนวชั้นวางของ แล้วตั้งกล้องตามแนวกริด Detect ส่งต่อกันไปเรื่อยๆ ก็จะรู้ว่าใคร หยิบของที่ขั้นไหน แต่คงต้องใช้แบบ 2 มุม เผื่อกล้องตัวนึงโดนบัง เดาเอา ที่ยากคือการประสานข้อมูลระหว่างกันเพื่อหาคำตอบให้ได้ว่าเขาหยิบจริง แล้วหยิบอะไร ส่วนเซ็นต์เซอร์น่าจะมีอยู่ที่ชั้นวางของแต่ยังนึกไม่ออกว่าใช้เซ็นต์เซอร์อะไร แต่ต้องมีแน่ๆ เพื่อยืนยันข้อมูลจากกล้องอีกทีนึง

By: saknarak
Android
on 6 December 2016 - 12:49 #957100
saknarak's picture

ต้องลองเอานักมายากลไปใช้บริการดู

By: MaxDOL
iPhoneWindows
on 6 December 2016 - 14:23 #957120

โลกยุคถัดไปอาชีพหลายๆอาชีพจะไม่มีอีกต่อไป
เหมือนกับการปฎิวัติยุคอุตสาหกรรมที่มีคนตกงานจากภาคการเกษตรเป็นล้านในประเทศยุโรปและอเมริกา

แต่คราวนี้คนจะตกงานเป็นร้อยๆหรือพันล้านทั่วโลก

แค่ที่อเมริกาประเทศเดียว คนขับรถtruckจำนวนหลักล้านคนอาจจะตกงานกันหมดเพราะรถที่ขับโดยAIจะออกแล่นจริงภายในปีหน้าแล้ว

ไม่รู้โลกเราจะเป็นยังไงต่อไป ถ้าคนตกงานไม่มีรายได้จำนวนหลักล้านๆคน

Universal Income ควรจะเป็นนโยบายที่ทุกๆประเทศควรจะนำไปใช้

By: Yone on 6 December 2016 - 15:10 #957134 Reply to:957120

แล้วประเทศจะหาเงินมาเลี้ยงประชาชนยีงไงละครับ

By: neonicus
Android
on 6 December 2016 - 16:18 #957151 Reply to:957120

ที่ยุโรปบางเมืองที่โรงแรมก็ไม่มี lobby ให้ติดต่อ
จองผ่านเน็ต หักค่าห้อง ค่ากุญแจล่วงหน้า
มีถึงโรงแรมกดรหัสก็จะมีกุญแจไหลออกมาให้ไปไขเอง

ใช้บริการเสร็จมาหยอดคืน ตอนหลังอาจมีพนักงาน parttime มาดูกุญแจแล้วตรวจกับที่มีการ check out ไว้
แล้วก็คืนเงินหักมาล่วงหน้าแค่นั้น fulltime ก็ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป

ฉนั้นการจ้างคนที่คอยรับลูกค้าfulltimeไม่ต้องมี
แต่แรงงานด้านจัดที่พัก ทำความสะอาด ก็ยังต้องมีแต่อาจoutsourceเหมาเป็นจำนวนห้อง เพราะอย่างน้อยมันก็ไม่มีหุ่นยนต์ดึงผ้าปูเตียง ไม่มีหุ่นยนต์ปูเตียงอัตโนมัติ
พวกห้องน้ำเลอะเทอะ นี่ก็ยังไม่มีหุ่นให้มาทดแทนนะครับ