สำนักข่าวอิศรารายงานถึงคำสั่งจากพลเอกประยุทธ์ ไปถึงหน่วยงานทุกหน่วยงาน ตั้งแต่หน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานในกำกับดูแล ให้ "จัดเจ้าหน้าที่" เพื่อติดตามสื่อมวลชน สื่อออนไลน์ โซเชียลมีเดีย และสื่อสิ่งพิมพ์ ตลอด 24 ชั่วโมง และชี้แจงทันทีหรือดำเนินการแก้ไขใน 24 ชั่วโมง
ทางอิศราระบุว่าคำสั่งนี้ส่งต่อกันในหมู่ผู้บริหารหน่วยงานราชการหลายแห่ง โดยเอกสารระบุเหตุผลว่า "หากไม่ทำ ความน่าเชื่อถือไว้วางใจรัฐบาลจะลดลง"
แนวทางระดมเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบสื่อรวมถึงสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดีย นับเป็นเรื่องใหม่ จากเดิมเมื่อต้นปีที่ผ่านมาปอท. เคยมีการจัดซื้อระบบติดตามสังคมออนไลน์มาก่อนแล้ว ยังไม่มีความคืบหน้าเพิ่มเติมว่าระบบนี้ทำงานหรือไม่ หรือถูกใช้งานอื่นอยู่ ทางรัฐบาลจึงเลือกใช้แนวทางการระดมคนเช่นนี้
ที่มา - สำนักข่าวอิศรา
Comments
เรากำลังก้าวถอยลงคลองไปอีกก้าวซะแล้วละครับ
Get ready to work from now on.
ชี้แจงทันทีหรือดำเนินการแก้ไขใน 24 ชั่วโมง
... ถ้าไม่ใด้หมายถึงการไล่ตามลบ post ผมว่าดีกว่าปล่อยเงียบๆแล้วหายไปแบบตอนนี้นะ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
อันนี้ผมเข้าใจว่าเป็นข่าวดี ใช่มั้ย?
ทำไมผมรู้สึกว่ามันไม่ดี แถมโชยๆ ว่า Blognone จะถือว่าเป็นอีกสื่อออนไลน์ด้วยหรือเปล่า
ถ้าหมายถึงการชี้แจงข้อเท็จจริง และตอบข้อสงสัย ผมน่าน่าจะเป็นเรื่องที่ดีนะ
แต่ถ้าเป็นการตามไล่ลบ ก็ไม่น่าจะดี
ผมอ่านดูก็ไม่คิดว่าเป็นการไล่ลบนะครับ
แต่ต่อให้เป็นการตอบ ผมก็ไม่แน่ใจว่าเป็นแนวทางที่ดีครับ ในกรณีที่มีข่าวเสียหาย ผมคิดว่าควรมีช่องทางเข้าออกข้อมูลให้ดี ตอบให้ไปทางเดียวกัน ค่อยๆ ตอบ (ยังสอบสวนอยู่ อยู่ขั้นตอนไหน) ไม่ใช่ให้ทุกหน่วยงานย่อยช่วยกันตอบซึ่งถ้าทำจริงข้อมูลน่าจะกระจัดกระจายกว่ามาก และอาจจะเป็นผลเสียต่อตัวหน่วยงานเองมากกว่าเดิม
lewcpe.com, @wasonliw
อ้อครับ ถ้าได้แบบนี้ก็น่าจะดีนะครับ
แต่ตามคำสั่งคือให้ทุกหน่วยงานจัดคนมาช่วยกันตอบไงครับ ซึ่งผมว่ามันจะสร้างปัญหากว่าเดิม
lewcpe.com, @wasonliw
คำว่าชี้แจงไม่จำเป็นต้องเป็นข้อเท็จจริงนะครับ ชี้แจงเพื่อแก้ตัวก็มีเยอะแยะไป :)
ผมคิดว่าอาจจะยิ่งแย่กว่าเดิม
เพราะการแก้ไขสถาณการณ์ข่าวในปัจจุบัน. ทุกคนก็น่าจะทราบว่าต้องใช้ความเป็นมืออาชีพสูงมาก แค่วุฒิภาวะสูงก็ยังไม่พอ ต้องเป็นหน่วยงานที่มีความรู้ในทางสื่อสารมวลชนสูง
ถ้าจะเอาแบบ เน้นปริมาณไว้ก่อน ตอบโต้ไว้ก่อน เอาเร็วเอาเยอะเข้าว่า (หน่วยงานราชการมีศักยภาพและบุคลากรที่มีความสามารถในการแก้ไขประเด็นโซเชี่ยวได้ดีทุกหน่วยงานหรือ? แค่ใช้เฟซบุ้คเป็นคงไม่นับ) เกรงว่าจะเป็นเหมือนพวกแอดมินสมัครเล่นตามเพจบ้านๆที่ยิ่งแก้ ยิ่งพากันลงเหว
ปากบอกรักชาติ แต่การกระทำตรงกันข้าม(เราพูดถึงเกาหลีเหนือนะ)
เปลืองงบ ไม่มีใครตามเน็ตทันได้
ตามเน็ทไม่ทันแต่อาจจัดการคนที่เผยแพร่
เชือดไก่ไปเรื่อยๆให้คนกลัว เดี๋ยวก็เงียบเอง
ใกล้เต็มรูปแบบเข้าไปทุกที
เราสร้าง Hashtag ช่วยเหลือเค้าดีไหมครับ เค้าจะได้ไม่ต้องหาเอง
โดยอยากเริ่มจากค่าเครื่องบินก่อนเลยครับ
#ฮาวาย ใน twitter ก็มีอยู่แล้วนี่ครับ :D
เพราะอะไรต้องมาคุมเข้มเอาตอนนี้ละ เห็นเฉยๆมาตั้งนาน หรือเพราะเรื่องฮาวาย...
คิดเหมือนกันเลยครับ รวมทั้งเรื่องนักข่าวช่อง 5 ด้วย
อ้าว แล้วยุวชนไซเบอร์ล่ะ หายไปไหน ไม่เอามาช่วยเหรอ
ตามแก้ตัวแบบข้างๆ คูๆ มีแต่ภาพลักษณ์จะติดลบยิ่งกว่าเดิม อยากให้ดูดีต้องแก้ไข ต้องทำตัวให้โปร่งใสตรวจสอบได้ ซึ่งสำหรับเผด็จคงเป็นไปไม่ได้อ่ะนะ :v
ภาพลักษณ์ที่ดีต้องทำครับ ไม่ใช่สร้าง
สมัยนี้ด้วยแล้ว ทำอะไรคนเห็นง่าย คำพูดโกหกเองก็จับผิดได้ง่ายๆ
การสร้างบุคคลชี้แจงหรือหน้าม้ามีแต่จะทำให้คนรังเกียจเพิ่มขึ้นมากกว่า
จริงๆแกก็น่าเห็นใจนะ บุคคลรอบข้างนี่โยนขี้มาให้ตลอด ทั้งคสช ทั้งคณะรัฐมนตรี ทั้งสว ทั้งกรธ ทั้งญาติพี่น้อง
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ว่าแต่แนวทางการตอบคงไม่ใช่การไปฟลัดคำว่า ทพจร รัวๆนะ
Tools Analytic Social Media จะเริ่มขายได้ละคับ เหมาะกับ startups เลย
เคยจัดซื้อไปแล้วนะครับ (ย่อหน้าสุดท้ายของข่าว) แต่ไม่รู้ทำไมเลือกใช้แนวทางระดมคนในรอบนี้
lewcpe.com, @wasonliw
ซื้อไปแล้วใช้ไม่เป็น? สั่งคนง่ายกว่า (ชิน)
แทนที่จะมาเกณฑ์เกรียนคีย์บอร์ดบุกโลกโซเชียล
ว่างนักไปแก้ปัญหาน้ำท่วมไป๊
ผมงงกับคอมเมนต์แบบนี้มาก
คือจะให้เขาไปนั่งเฝ้าน้ำหรือยังไงครับ เป็นตนสั่งการก็สั่งไปแล้วไปดูอย่างอื่นต่อ
นายกไม่ได้มีหน้าที่แก้น้ำท่วมอย่างเดียวนะครับ
จขคห. น่าจะหมายถึงจัดลำดับความสำคัญของงานมากกว่าครับ
หน้าที่บริหารแทนที่จะสนใจประชาชนคนเดือดร้อน
น้ำท่วม เศรษฐกิจปากท้อง ควรมาอันดับแรก แต่ให้ความสนใจแต่ความมั่นคง(ของตัวเอง)
น้ำท่วม นายกคงไม่ได้ไปสั่งการอะไรเองหรอกมังครับ เพราะไม่รู้ทางน้ำและการระบายน้ำเท่าไรจึงจะเหมาะสม นายก (ทุกคนแหละ) ทำได้เพียงให้นโยบาย ส่วนการปฏิบัติการจะดีแค่ไหน ก็อยู่ที่ผู้ทำงานอีกทีว่าจะสนองนโยบายแค่ไหน
การข่าว เป็นกระบวนการนึงของทหาร ถ้าควบคุมสื่อหรือข่าวได้ก็ควบคุมพลเมืองได้
เพียงวิชาการข่าว มันเกิดขึ้นก่อนที่จะมียุคของอินเตอร์เน็ตนี่สิ......
ไม่รู้ว่าตามโรงเรียนฝึกทหาร เข้ามีการ revision ตำราวิชานี้บ้างรึเปล่า ไม่แน่ว่า edition ที่ใช้ล่าสุดอาจจะพึ่งเรียบเรียงเสร็จจาก WW2 ใหม่ๆ
อันนี้ผมเห็นด้วยนะ รัฐบาลไม่เคยควบคุมสื่อ สื่อเลยเล่นหัวข้อข่าวสร้างความเข้าใจผิดมานานเกินไปแล้ว
รัฐบาลไม่เคยควบคุมสื่อ? พูดจริงหรือว่าประชดครับ
จากที่ผมเห็นสื่อใช้หัวข้อข่าวเสี้ยมเสมอมา ผมรู้สึกแบบนั้นะ หรืออาจต้องใช้คำว่า ควบคุมไม่ได้ 5555
ผมคิดว่าไม่ใช่นะ ดูลักษณะที่เกิดในตอนนี้คือสื่อบางเจ้าเริ่มไม่ยอมร่วมมือเริ่มงัดข้อ ผมเริ่มสงสัยว่ามีการวัดกำลังอะไรกันเองรึเปล่า
ก่อนหน้านี้สื่อเงียบเป็นเป่าสากหมด จนคนหันไปใช้โซเชียลเป็นสื่อกันเอง สาเหตุก็มาจากการควบคุมสื่อของรัฐบาล
ทั้งๆที่ปัญหาความเชื่อมันในรัฐบาลเกิดจากการให้สัมภาษณ์หลายๆครั้งที่ขัดแย้งกับหลักฐานที่ปรากฎอยู่หน้าสือ คนทั่วไปเลยเริ่มมองรัฐบาลเหมือนเด็กเลี้ยงแกะ เหมือนกับโกหกไปเรื่อยๆ ความเชื่อใจในรัฐบาลจากประชาชนมันลบเรื่อยไม่ใช่เป็นเพราะข่าวหรอกแต่เป็นเพราะการกระทำของรัฐบาลชุดนี้มากกว่า
+1
สื่อหลักไม่ทำงาน...คนเลยหันไปนิยมเสพสื่ออื่น...
สื่อหนังสือพิมพ์บางรายพาดหัวข่าวให้คนด่ารัฐไว้ก่อน พอเข้าไปอ่านเนื้อข่าวกลับไม่มีอะไร เป็นบ่อยและได้ผลดีหลายๆคนชอบอ่านแค่ข้อความตัวอย่างที่ facebook โชว์ตัวอย่างมันมีแค่พาดหัวข่าว อย่างน้อยก็ทำให้คนด่าเป็นกระแสกันไป 1-2วันแล้วค่อยมีข่าวแก้อีกที
รัฐบาลเซนเซอร์สื่อตั้งแต่รัฐประหารสำเร็จแรกๆแล้ว
สิ่งที่คุณพูดมันแค่ส่วนยิบย่อย แต่ในความเป็นจริงคือคนหมดศรัทราสื่อหลักไปนานแล้ว พอๆกับที่หมดศรัทธาในกระบสนการยุติธรรมนั่นแหละ ก็คนสอนเล่นสอนอีกอย่างปฏิบัติอีกอย่าง สื่อโซเชียลมันเลยบูม เพราะมันขุดคุ้ยได้น่าสนใจ
สุดท้ายก็พยายามจะเซนเซอร์สื่อออนไลน์ ทั้งๆที่คนอ่านก็รู้กันเองว่าต้องใช้วิจารณญาณเอาเอง
แต่ในความเป็นจริงถ้ารัฐบาลไม่มีเรื่องทุจริตเสียเองใครมันจะไปทำอะไรได้ ที่เห็นกันทุกวันก็ทำตัวเองล้วนๆแล้วหาเรื่องไปปิดสื่อ
ผมนี่ไม่สนใจ นสพ. ไทยเลย มันเพิ่งจะมาด่ารัฐบาลเมื่อไม่นานมานี่เอง แต่ก่อนไปทำอะไรเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ตลอด
ผมกลับเจอแต่ว่าสื่อเสี้ยมมาโดยตลอด
และเป็นมานานมากแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเป็น
เสี้ยมแบบ หัวข้อ กับ เนื้อหา ตรงกันข้ามกันเลย
ถ้าด่ารัฐบาลที่ไม่ชอบแล้วถือว่าสื่อนั่นเชื่อถือได้ ก็คงไม่ต้องพูดอะไรกันอีกแล้วล่ะครับ
ปัญหาคือมันเสี้ยมข้างเดียว พอเป็นที่ตนเองชอบไม่เสี้ยม
ส่วนพวก เสี้ยมแบบ หัวข้อ กับ เนื้อหา ตรงกันข้ามกัน เขาเรียกว่า click bait
ก่อนจะว่าสื่อเสี้ยมไปดูพฤติกรรมเซนเซอร์สื่อของรัฐบาลนี้ก่อนเถอะครับ อย่างเพลีย
อ้างความมั่นคง แต่ความมั่นคงของตนเองทั้งนั้นไม่ใช่ของชาติ
สำหรับสื่อมันต้องอ่านแล้วใช้วิจารณญาณอยู่แล้ว
แต่ที่เห็นแอ็บเนียนมาอ้างเรื่องสื่อเสี้ยมนี้หลายคนมองข้ามพฤติกรรมเซนเซอร์สื่อ ในลักษณะช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวมาปิดทั้งนั้น
อย่าว่าแต่ผมไม่ค่อยเชื่อสื่อ คนบางกลุ่มผมก็ไม่เชื่อครับ ให้สัมภาษณ์ขัดแย้งกระทั่งสิ่งที่ตัวเองเคยพูด มันก็เด็กเลี้ยงแกะดีๆนี่แหละ แทนที่จะเซนเซอร์สื่อผมว่ารัฐบาลเซนเซอร์ตัวเองง่ายกว่าไหมบางเรื่องไม่ควรพูดก็ไม่รู้พูดทำไม
เห็นให้สัมภาษณ์แต่ล่ะอย่างผมล่ะเพลีย สื่อมันตัดแต่งที่ให้สัมภาษณ์ตรงไหน พูดเองให้สัมภาษณ์เองล้วนๆ
หลังๆนี่รัฐบาลออกแนวน้ำลดตอผุดดีๆนี่เอง แต่ก็เป็นไปตามที่คาดไว้แต่แรก
Gen B จ๋า นอนเลี้ยงหลานอยู่บ้านเถอะจ้า
เหมือนจีนยังไงอยู่นะ เดี๋ยวก็เจอF5festivalอีกหรอก
ผมเคยเจอข้อสั่งการลักษณะนี้มาแล้วตอนไปช่วยงานหน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง
ฉบับหนึ่ง ขอให้ติดตามรายการข่าว "เรื่องเด่นเย็นนี้" (ขณะนั้นเป็นรายการข่าวที่ได้รับความนิยมสูงสุด)
ฉบับหนึ่ง ขอให้ติดตามผลมติคณะรัฐมนตรี
ทั้งสองฉบับมีใจความสำคัญที่จะให้หน่วยงานพิจารณาดำเนินการในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับขอบเขตหน้าที่ของตน โดยไม่ต้องรอคำสั่งการจากหน่วยงานต้นสังกัด คิดว่าคำสั่งในข่าวนี้ก็น่าจะเป็นลักษณะเดียวกัน
กับการใช้จ่ายงบประมาณ เคยติดตามตลอด24ชั่วโมงแบบนี้มั้ย
มีระเบียบตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ อยู่แล้วครับ แล้วการติดตามแบบที่คุณว่ามีประสิทธิภาพดีกว่าอย่างไรและใช้งบประมาณเท่าไรครับ
การใช้งบ ถามว่าเคยติดตามกันไหม มันมีระเบียบเบิกจ่ายอยู่ แต่.. เบิกไปแล้วจะใช้คุ้มค่าหรือไม่ประชาชนก็ควรช่วยกันตรวจสอบ สื่อหลักมักจะเล่นแต่การใช้จ่ายงบของรัฐบาล แต่ งบของการบริหารงานท้องถิ่น และองกรณ์อื่นๆ ก็ใช่ย่อย พวกนี้ถ้าไม่เป็นข่าวดังมาสื่อไม่ค่อยได้เข้าไปเล่นหรอก และฝ่ายบริหารไม่ว่าใครมานั่ง ก็มองไม่เห็นถ้าไม่ได้มีใครรายงานมาหรือเป็นข่าวใหญ่โต มันก็เป็นหน้าที่ของประชาชนที่จะช่วยกัน
ช่วยกันยังไงไม่รู้นะครับ แต่ในรัฐบาลนี้ ช่วยกันหลายรอบแล้วคนตรวจสอบผิดทุกที... กลายเป็นตรวจสอบแล้วกระทบความมั่นคงเสมอ แล้วคนตรวจสอบก็ดลายเป็นควายแดงบ้างแหละ ได้กินพิซซ่าบ้างแหละ ขนาดคนทำมันบอกเองว่าไปบริจาคแล้วยังหาความผิดไม่ได้เลย...
นี่ก็เป็นข้อเสียหลักๆ ของรัฐบาลเผด็จการ และแม้แต่รัฐบาลไทยก็เป็นเหมือนกันหมด ไม่มีความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นเลย ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ตาม
Get ready to work from now on.
ทำคนเดียวจะได้อะไรครับ มันต้องรวมกลุ่มกันสิ เช่น หมาเฝ้าบ้าน ผมก็เห็นเขาลงข้อมูลทั้งการใช้งบที่ผิดปกติ ไม่ว่าของรัฐบาล หรือ ท้องถิ่น หรือ องค์กรอื่นๆ ล่าสุดก็ลงการใช้งบท้องถิ่นแห่งหนึ่งจัดซื้อของเล่นให้เด็กแพงกกว่าปกติหลายเท่าตัว
เรื่องฮาวาย เล่นข่าวกันเร็วเกินไป จริงๆถ้าจะให้แน่ชัดควรรอให้ทางสายการบินคิดราคาจริงๆมาก่อน ผมเชื่อว่ามีคนปล่อยข่าวและหาเอกสารเช็คบิลนี้ได้อยู่แล้ว แล้วค่อยว่ากัน ราคาที่เล่นข่าวกันนั้นเป็นแค่ราคาประเมินแบบ Worst Case ซึ่งมันก็ถูกที่จะตั้งราคาแบบนี้ ถ้าตั้งราคา Best Case แล้วมีผู้โดยสารคนใดคนหนึ่งสั่งกินของบนเครื่องกินงบแล้วเขาจะไปเก็บค่าใช้จ่ายแบบไหน (อาหารบนเครื่องบินแพงกว่าภาคพื้น 3-5เท่า)
การจะตรวจสอบและไม่ถูกว่าควายแดง/สลิ่ม/นกหวีด มันต้องโชว์หลักฐาน ถ้าเรารู้สึกว่าเขาโกงและโพสตราหน้าว่าโกง โดยไม่โชว์หลักฐานที่มันกระจ่าง มันก็จะโดนอีกฝ่ายเข้ามาตีตราให้อยู่ดี
ปัจจัยในการไฝว้ทางการเมืองคือ เงิน ปืน และลูกน้อง
ถ้าได้แต่แพล่มๆ แล้วเกิดตามตัวได้ก็โดนหิ้วฟรีครับ (มุกโอเลี้ยงข้าวผัดอะไรนั่นไม่ต้องฝากนะครับ เพราะไม่เห็นเดือนเห็นตะวันกันอยู่แล้วนี่)
ถ้ามันเป็นอย่างที่คุณคิดมันไม่มีเรื่องของความร่วมมือไปขอให้ลบข่าวของ นสพ. เจ้านึงหลุดออกมาหรอกครับ ไปบีบ ISP ให้เขาลบข้อมูลพอเข้าที่ดูข้อมูลที่ว่ามันก็ข้อมูลปกติ เปิดเผยได้ คนก็ต้องสงสัยเป็นธรรมดาว่าทำไปทำไม
ไม่ต้องมาอ้างเรื่องการเมืองหรอกครับ ไม่เกี่ยวกับเรื่องสื่อเล่นข่าวเร็วไป
ไปถามคนที่บอกว่าจะไม่ตรวจสอบเรื่องนี้ที่ออกมาให้สัมภาษณ์รายวันจะดีกว่านะผมว่า เพราะเรื่องนี้ทำตัวเองแท้ๆ อยู่เฉยๆไม่พูดก็น่าจะรอดแล้ว
ที่คนทั่วไปเขาไม่เชื่อไม่ใช่เพราะสื่อหรอกแต่เพราะคนที่ออกมาจ้อหน้าโปเดียมแล้วดิสเครดิตตัวเองมากกว่า (ก็ไม่รู้ทำไปทำไม) หลายอย่างให้สัมภาษณ์ได้ย้อนแย้งมาก
ผมเชื่อว่าในทางปฏิบัติคงไม่ใช่ว่าจัดคนไว้ตอบคำถามนะครับ แต่น่าจะจัดคนไว้ดูว่าใครให้ข้อมูลที่เป็นปรปักษ์ หรือปฏิปักษ์ กับทางรัฐบาลและวงศาคณาญาติเสียมากกว่า
จากสถิติในช่วงนี้ ใครที่เอาข้อมูลมาเปิดเผย, ใครที่ร้องทุกข์ด้วยการทำให้รัฐบาลเสียหน้า, ใครที่พูดความจริงแต่เป็นความจริงที่รัฐบาลไม่ต้องการให้เป็นข่าวกระแสหลัก ฯลฯ คนเหล่านี้มักจะโดนเส้นสายของรัฐบาล "ตรวจสอบว่าผิดกฎหมายข้อไหนบ้าง" อ่ะครับ
หน่วยฟลัดข้อมูล หน่วยทพจร (ทางพิเศษจราจร) ก็ใช้นศ.วิชาทหารไปแล้วไง มีเชิงรับแล้วต่อไปคือเชิงรุก
Heil Prayut !!!
ภาพลักษณ์ ...เอ่อ ผมว่าคนส่วนใหญ่เค้าให้น้ำหนักกับความจริงมากกว่าภาพที่ถูกสร้างขึ้นมานะ
คือคนยุคนั้นเค้าชินกับวิธีแบบนี้เหรอ งงจริงๆ
ปล. สงสารประเทศตูจริงๆ
..: เรื่อยไป
ภาพลักษณ์ สำคัญมากกับการปกครองในระดับภาพรวมครับ จะเห็นได้จากการลงประชามติที่ผ่านมา :)
ตอนนี้รู้กันแล้วสินะว่าทำไมต้องควบคุมสื่อ online
หึหึ
That is the way things are.