เมื่อวานนี้มีข่าวว่า Horacio Gutierrez ทนายของ Spotify บอกว่า ถูก Apple ใช้กระบวนการอนุมัติแอพทำลายคู่แข่ง ซึ่งวันนี้ Bruce Sewell ทนายของ Apple ก็ได้ตอบโต้จดหมายฉบับนี้แล้วเช่นกัน
BuzzFeed เป็นผู้ที่ได้จดหมายฉบับนี้มา โดยเนื้อความในจดหมายก็เป็นการโต้กลับสิ่งที่ Spotify กล่าวหา Apple โดยบอกว่า "เราพบว่ามันเป็นปัญหาที่คุณขอสิทธิในการยกเว้นกฎที่เราใช้กับนักพัฒนาทุกคนและรายงานข่าวเกี่ยวกับข่าวลือและความจริงเพียงครึ่งเดียวเกี่ยวกับบริการของเรา"
สำหรับข้อโต้แย้งที่ว่า Apple กำลังจะลดความสามารถการแข่งขันของ Spotify บน iOS เพื่อเปิดทางให้ Apple Music นั้น Apple ยืนกรานปฏิเสธโดยบอกว่า guideline นี้นักพัฒนาทุกคนใช้กันอย่างเท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นเกม, ขายอีบุ๊ค, วิดีโอสตรีมมิ่ง หรือการเผยแพร่เพลงทางดิจิทัล และไม่ได้คำนึงถึงการที่จะสู้ Apple ได้หรือไม่เลย เราไม่ได้เปลี่ยนพฤติกรรมหรือกฎตอนเปิดตัวระบบสตรีมมิ่งเพลงครั้งแรก หรือเมื่อ Spotify เป็นคู่แข่ง มันน่าขันที่ตอนนี้ Spotify ต้องการสิ่งที่ทำให้ตัวเองแตกต่างโดยขอสิทธิพิเศษจาก Apple
ในจดหมายยังกล่าวว่า ไม่มีอะไรใน Apple ที่จะทำการฝ่าฝืนกฎต่อต้านการผูกขาด และบอกว่าแพลตฟอร์มของ Apple นั้นสามารถสร้างเงินให้ Spotify เพิ่มขึ้นนับร้อยล้านแล้ว และบอกว่าถ้า Spotify ทำตามกฎของ App Store แล้วแอพก็จะได้รับการอนุมัติอย่างรวดเร็ว
ส่วนฝั่ง Spotify นั้นก็ได้ตอบโต้ Apple ด้วยทวีตนี้พร้อมภาพประกอบว่า ภายในตัวแอพก็จะไม่มีข้อเสนอ, การซื้อ หรือลิงก์ให้ทั้งนั้น เมื่อกดแล้ว Got it แล้วหน้าจอจะดับไป
This is what @Apple wants you to believe violates their rules. No offer, no purchase, no link to anywhere at all. pic.twitter.com/WzLDvWw2In
— jonathan prince (@jonathanmprince) July 1, 2016
สำหรับจดหมายฉบับเต็มอ่านได้จากที่มาครับ
ที่มา - BuzzFeed
Comments
ความโลภทำให้คนทำตัวน่ารังเกียจ ไม่พอใจก็อย่าขายบน iOS App store สิครับ ขายแต่บน Web ก็ไม่ต้องไปเสียค่าอะไรแล้ว คุณภาพเสียงมันก็ครือ ๆ กันแหละ มีแต่พวกหูเทพถึงจะบ่น
ประเด็นคือ spotify อยากให้คนไปซื้อ subscribe บน web เพื่อไม่ต้องจ่ายค่าต๋ง apple
แต่ apple มี guide line ห้ามบอกในแอปว่าให้ไปซื้อ subscribe ที่อื่น
Spotify เลี่ยงบาลี ด้วยการไม่บอกว่าให้ไปซื้อที่ไหน แต่ตัด link ซื้อผ่านแอปทิ้งไปเลย โดยคาดหวังว่าคนจะไปหากันเอาเอง
ส่วนตัว คิดว่า spotify ออกมาโวยวายโดยอ้างว่า apple ต้องการทำลายคู่แข่งทั้งที่ตัวเองพยายามหลีกเลี่ยงกฏของแอปเปิ้ลอยู่ ก็ตลกดี
ส่วนกฏจะเมคเซ้นส์หรือไม่ ก็ถือเป็นคนละกรณี แต่เจตนาของกฏก็ชัดเจนว่า "อย่ามาทำแอปฟรีแต่ไปรับตังโดยไม่ผ่านแอปเปิ้ล"
ผมว่าค่อนข้างน่าเกลียด ใช้ แพลตฟอร์มคนอื่น หากินแล้วไม่แบ่งเพื่อนบ้าง
เป็นผม ผมก็ไล่เหมือนกัน เดิมทีสมัครผ่านเวปแล้วถูกกว่าสมัครในแอป ยังรู้สึกแหม่งๆด้วยซ้ำ
พูดยากครับเพราะถ้าผ่าน Apple มันจะโดนหักแต่ประเด็นคือว่าทำไมมันต้องราคาต่างกันแล้วพอ Apple หักแล้วราคาดันเท่ากันดังนั้น
Spotify อยากได้เงินเท่ากันหมดทุกทางเลยกลายเป็นอย่างที่เห็นเนี้ยแหละ
จริงๆ ควรตั้งราคาบนเว็บเท่าใน apps store จะได้กินเองเต็มๆ ราคาออกมาจะได้ไม่ดูแปลกๆ ไม่เป็น
ย้ายหนีiOSให้หมดเลยสิ ดีๆ อยากรู้ว่าคนจะเลือก spotify หรือ แอปเปิ้ล
ถ้า Spotify บอกว่า Apple ทำลายคู่แข่ง แล้ว Deezer,KKBox (ที่ไม่ใช่โซนไทย) Tidal และ Joox นี่คืออะไรครับ ทั้ง 4 อย่างที่ยกมาก็ยังอยู่กับ Apple ได้ด้วยซ้ำ แม้จะต้องเสียส่วนแบ่งของตัวเองไปก็เหอะ แถมราคาก็เท่ากันทุกแพลตฟอร์มด้วย
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
กรณี Spotify ครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ผมใช้ kkbox ญี่ปุ่นอยู่ครับ เวลาจ่ายตังก็ต้องจ่ายผ่านเว็บข้างนอก ไม่มีให้จ่ายในแอพ
...ชอบ Spotify นะ เเต่อยู่ในร้านเขา ก็ต้องทำตามกฎเขามะ
จริงๆ ก็ถือว่า Spotify เอาคืน Apple ครั้งใหญ่เหมือนกันที่เอา billing system ออกไปเลย
แต่ผมก็มองว่า มันก็เป็นสิทธิ Apple เหมือนกันในการได้ค่าเช่าพื้นที่ (App Store) นะ
เพราะ Spotify ก็ต้องการเข้าถึงลูกค้า iOS แต่ในขณะเดียวกัน Apple ก็ไม่ได้ผลประโยชน์อะไรเลยในฐานะเจ้าของบ้าน
ทางออกที่สมควรทำจริงๆคือ Spotify ต้องยอมทำตามกฎแล้วคิดใน iOS เท่ากับบนเว็ป ส่วนใครจะสมัครทางไหนก็อีกเรื่องนะ
ไม่รู้จะจบยังไงเฮะ... LINE บน iOS ยังต้องยอม Apple ไปเหมือนกันจนต้องเปลี่ยนมาเป็นระบบ coin
billing system ของ apple กินตังไปถึง 30% เลยนะครับ
แถมสุดท้ายถ้า Spotify เอาบริการออกไป
Spotify ลูกค้าลด แต่รายรับเพิ่ม 30%
apple คนซื้อ iphone ลด แต่ต้อนลูกค้าเข้า apple music ใด้
ลูกค้าที่ยังอยากไช้ Spotify และ iOS นั้นแหละที่เดือดร้อน ... ต้องเลือก
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ทำไมคนถึงซื้อ iphone ลดหรอครับ น่าจะน้อยมากนะครับซื้อ iphone เพราะ spotify
คิดแบบนี้ไม่ได้หรอกครับอยู่ดีดีเอาบริการออกไปแล้วจะบอกว่ารายรับเพิ่ม 30% ผมว่ารายได้จะหดหายมากกว่า
ต้องไม่ลืมว่ามีหลาย service ที่ลงทะเบียนบนเวปใด้ นอกจาก spotify นะครับ ถ้าบริการเหล่านั้นหายไปหมดคนซื้อ iphone ลดลงแน่
ส่วนรายรับเพิ่ม 30% พิมเร็วไปหน่อย ต้องบอกว่าไม่ต้องจ่าย 30% ให้ apple ก็เป็นการเพิ่มรายรับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
เค้าไม่ได้ถอดแอปออกครับ เพราะงั้นคนใช้ iOS ก็ใช้ Spotify ได้ต่อไป ที่เค้าถอดออกคือฟังก์ชั่น In-App Purchase สำหรับจ่ายค่า Premium ครับเพราะไม่อยากจ่ายค่าหัวคิวให้ Apple คือถ้าอยากฟังฟรีก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าอยากฟัง Premium ก็ต้องไปหาทางจ่ายเองข้างนอกซึ่งไม่โดนแอปเปิ้ลหักหัวคิว
ผมว่าคนที่ฟัง Premium ก็คงหาทางจ่ายทางอื่นได้อยู่แล้วแหละครับ แค่สะดวกน้อยลงไปนิดหน่อย แต่ก่อนหน้านี้ In-App Purchase มันแพงกว่าจ่ายเองหน้าเวบอยู่แล้วคนจ่ายเงินช่องทางนี้คงไม่เยอะเท่าไร นอกจากคนที่ไม่รู้
เพราะงั้นคนที่ซื้อ iPhone คงไม่ลดเพราะอยากใช้ Spotify หรอกครับ แต่ลูกค้าที่อยากใช้ Spotify บน iOS อาจจะเดือดร้อนนิดหน่อยที่ต้องไปหาทางจ่ายเองข้างนอก แต่ก็ไม่ได้ยากอะไร
อันนี้ปัญหาคืออะไรครับ ผมงง
ถ้าก็การที่ไม่ใช้ระบบbilling ของ Apple แล้วให้ไปใช้ผ่านระบบของตนเอง
ผมเห็นappบางตัวก็เป็นแบบนี้ไม่เห็นมีปัญหาอะไรนี่ครับ
อย่าง kindle ก็สมัคร kindle unlimited (อ่านหนังสือแบบbuffet) ผ่าน app ไม่ได้ต้องสมัครผ่านทางอื่นแทน
ทำไมAmazon ไม่โดนบ้างละ
2มาตรฐานชีดๆเลย Apple
Amazon ไม่ได้แสดง Link ให้ไปสมัครบนเว็บไงครับ แอพก็ทำหน้าที่แค่ login แล้ว sync ส่วน Spotify คือมี link จากแอพออกไปซื้อที่เว็บอีกที จริงๆ จะบอกว่า Amazon ไม่เคยเจอก็ไม่ถูกนัก เพราะจริงๆ แล้วเคยเจอมาก่อนและเอาออกไปแล้ว
Spotify ยอมๆเขาไปเถอะ
ไม่มีทางอื่นแล้ว
เอาของมาขายในห้างเขา(App Store) แต่ไม่อยากเสียค่าที่
ก็ถูกแล้วที่ไปเปิดห้างเอง(Web) จะได้ไม่ต้องเสียค่าที่
ส่วนถ้าอยากขายบนห้างเขาก็ต้องทำตามกฎของห้างเขา
พอเข้าใจว่าทำไม Spotify ถึงต้องเลี่ยงๆ นะ เพราะ Apple คิดค่าธรรมเนียม 30% หากซื้อผ่านแอพ ลูกค้าคงไม่รู้สึกอะไร เพราะจ่ายราคาเดิม แต่กับบริการหรือร้านค้าที่อยากทำระบบซื้อขายคงสะอึกไปเยอะ เพราะบางครั้งกำไรมันแค่ 5-10% ก็มี เน้นยอดเยอะๆ ก็เลยต้องเลี่ยงๆ ใช้ link ไปที่ browser แทน เนื่องจากการคิดค่าธรรมเนียมของ Apple ที่คิดโหดกว่าบัตรเครดิตเยอะมาก สินค้าและบริการบางอย่างหากใช้ ระบบ billing ของ Apple นี่คือขาดทุนทันที ทำไปก็ไม่คุ้ม
เอาจริงๆ Spotify คงแข่งราคาบน iOS ลำบากหากจะแข่งกับ Apple Music ก็คงต้องหาสูตรราคาที่ถูกกว่า หรือเลี่ยงการส่ง offer ทางอื่นแทน เช่นทางอีเมลสมาชิก อะไรแบบนั้น
ยกตัวอย่างเคสเก่าๆ อย่าง Kindle ที่ต้องถอดความสามารถในการซื้อหนังสือผ่านหน้าเว็บบน Amazon ที่ link จากในแอพก็เพราะแบบนี้แหละ คนใช้งาน iOS มาตลอดคงเฉยๆ ก็คงคิดว่าแค่เข้าเว็บไปหยิบซื้อแล้วกด sync เอาก็ได้ แต่คิดดีๆ ว่ามันใช่เหรอ?
ทำแบบนี้ทุกร้านก็ตั้งใน App Store เป็น Free แล้วเก็บเงินผ่านเวปข้างนอกให้หมดน่าจะดีนะครับ
คงต้องเป็นแบบนั้นหละครับ ซื้อผ่านเว็บภายนอก ส่วนแอพฯก็ยืนยันสมาชิกและดึงข้อมูลมาแสดงและใช้งานอีกที
Get ready to work from now on.
ไม่แน่ใจว่ามันจะผิดกฏของAppStoreรึปล่าวนะครับ
เพราะรู้สึกว่าAppStoreจะไม่ให้ลงAppที่เป็นBeta,Trial หรืออะไรพวกนี้นะครับ
และอีกอย่างApp Free แต่ต้องเสียเงินสมัครแอคเคาท์ก่อน มันก็ไม่เหมือนApp Free สักเท่าไหร่
น่าจะทำเหมือนLineนะผมว่า เอาให้ตัวAppมันมีความสามารถพื้นฐานแค่พอพิธี ถ้าอยากได้ความสามารถเพิ่มก็ซื้อ Coin มาแลกหรือปลดล๊อกเอา
ทำได้นะครับ แต่ห้ามทำ link จากตัว app ไปหน้าจ่ายเงินหรือโฆษณาให้ไปจ่ายผ่านทางอื่น
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
เข้าใจว่าไหนจะระบบ หักค่าหัว 30 %
ไหนจะ แข่งกับ แอปเปิลมิวสิค อีก
ค่อนข้างแข่งขันลำบากนะ
หัก 30% มันก็โหดอ่ะ แต่ก็นะแอปเปิลเขามีอำนาจต่อรองสูง ลูกค้าในระบบเขามีเยอะ
เฉพาะคดีนี้ Spotify คงไปงัดข้ออะไรกับ Apple ได้ยาก
แต่ถ้าในภาพรวม การที่ Apple ปฏิบัติต่อ คู่ค้าแบบนี้ ก็สามารถส่งผลต่อความมั่นคงของระบบในอนาคตได้
แต่ จริงๆ บริษัทอื่นๆ เขาก็ทำกันนะ เช่น
Microsoft ออก IE
Tops ออก My Choice
7-11 ออก House Brand ต่างๆ
ถ้า apple ยอมให้ spotify ก็ต้องไปปรับกฏทั้งหมด ให้เจ้าอื่นด้วย