Tags:
Node Thumbnail

หนังสือพิมพ์ The New York Times ของสหรัฐอเมริกา ตีพิมพ์รายงานพิเศษ เปิดเผยว่าขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ของทำเนียบขาว กำลังทำการปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของทำเนียบขาวเป็นการครั้งใหญ่ หลังจากที่ไม่ได้ปรับปรุงมานานหลายสิบปี และจะเป็นการวางระบบพื้นฐานของทำเนียบขาวใหม่สำหรับประธานาธิบดีและทีมงานชุดใหม่ ที่จะเข้ารับตำแหน่งบริหารงานต่อจากประธานาธิบดีคนปัจจุบัน Barak Obama

New York Times ไปสัมภาษณ์รองหัวหน้าฝ่ายเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานของทำเนียบขาว Anita Decker Breckenridge โดยเธอระบุว่าเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ของทำเนียบขาวต้องประสบปัญหาในการแก้ไขปัญหาคอมพิวเตอร์พื้นฐานนอกสถานที่ในปี 2014 ขณะที่ประธานาธิบดี Obama ไปพักผ่อนที่ Martha's Vineyard ถือเป็นแรงผลักดันอันหนึ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้ พร้อมกับการก่อตั้งหน่วยงานอย่าง United States Digital Service ที่มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศของรัฐบาลกลางสหรัฐ นอกเหนือจากทำเนียบขาว ทำให้เธอตัดสินใจลงมาแก้ปัญหาความล้าสมัยด้านไอทีของทำเนียบขาวอย่างจริงจัง

ปัญหาของระบบไอทีในทำเนียบขาว นอกจากจะเป็นความเก่าคร่ำครึของเทคโนโลยีที่ใช้แล้ว ยังมีหน่วยงานรับผิดชอบอยู่ถึง 4 หน่วยคือ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (National Security Council), กองงานบริหารของประธานาธิบดี, หน่วยราชการลับ (Secret Service) และองค์การสื่อสารของทำเนียบขาว ทำให้เทคโนโลยีในหลายส่วนไม่สอดคล้องกัน (เช่น ความเร็วในการส่งอีเมลจาก Air Force One มายังภาคพื้น ช้าพอๆ กับการใช้อินเทอร์เน็ตแบบหมุนผ่านโทรศัพท์ หรือการใช้เทคโนโลยีที่ติดต่อสื่อสารกันคนละชุด คนละแบบ)

เพื่อแก้ไขปัญหา งานนี้เธอตัดสินใจจ้างทีมงานจำนวนหนึ่งในปี 2015 ซึ่งหนึ่งในนั้นมี David Recordon คนดูแลระบบไอทีและเทคโนโลยีของ Facebook มารับหน้าที่นี้ โดยค้นพบว่ามีสายแลน (ethernet) และสายโทรศัพท์จำนวนมากที่ไม่ได้ใช้งาน คิดแล้วมีน้ำหนักรวมกว่า 13,000 ปอนด์ (ประมาณ 5 ตัน) ติดตั้งเอาไว้ ซึ่งก็โดนรื้อออก จากนั้นจึงเปลี่ยนทั้งระบบไอทีเป็นคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ (ใช้ SSD), ติดตั้งระบบโทรศัพท์ใหม่ที่สามารถกำหนดการเรียกด่วน (speed dial) ผ่านออนไลน์, ติดตั้งระบบ Wi-Fi ใหม่ภายในห้อง Roosevelt ที่ทำให้ถ่ายทอดสดเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ได้, ติดตั้งระบบการเข้าเยี่ยมชมทำเนียบขาวผ่านเว็บ โดยสามารถกำหนดคิวและอนุญาตผ่านออนไลน์ได้ทั้งจากในและนอกทำเนียบขาวได้

งานรื้อโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีนี้ที่จริงเคยมีการทำมาแล้วในสมัยของประธานาธิบดี George W. Bush, Jr. โดยในตอนนั้นเกิดจากการที่ประธานาธิบดีไม่สามารถโทรศัพท์จากรถประจำตำแหน่งได้ ซึ่งทำให้ Bush ถาม Joe Hagin รองหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ของทำเนียบขาวว่า หากเกิดเหตุฉุกเฉินอะไรขึ้นแล้วประธานาธิบดีติดต่อไม่ได้ จะทำอย่างไร ซึ่งนั่นก็ทำให้ Hagin ตัดสินใจปรับปรุงระบบบางส่วน แต่ยังไม่ทั้งหมด โดยเขาระบุว่าเขาเอง "เห็นใจ" (sympathetic) เจ้าหน้าที่และทีมงานชุดปัจจุบันที่กำลังปรับปรุงเทคโนโลยีของทำเนียบขาว และขอให้โชคดี แม้เขาจะคาดการณ์ว่ามันไม่น่าง่ายนัก เพราะในสมัยเขาเองแค่เพียงการเปลี่ยนชุมสายโทรศัพท์ ก็ต้องใช้เวลานานถึง 2 ปี

ด้าน Breckenridge ระบุว่า ผลที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีในครั้งนี้ นอกจากทำเนียบขาวไม่ต้องของบในการจัดซื้อและจัดหาเทคโนโลยีเพิ่มเติมแล้ว ยังทำให้ในหลายกรณีลดค่าใช้จ่ายไม่จำเป็นลงด้วย ด้วยการตัดส่วนที่ซ้ำซ้อนออกไป อย่างเช่นหน่วยงานที่รับผิดชอบทั้ง 4 ไม่ต้องซื้อซอฟต์แวร์ใช้งานที่ซ้ำซ้อนต่อไป และหวังว่าระบบไอทีนี้จะถูกส่งต่อและใช้งานโดยประธานาธิบดีคนต่อไปกับทีมงานได้เป็นอย่างดี

ถือเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับหน่วยงานของรัฐหลายหน่วยทั่วโลก อย่างไรก็ตามในบางกรณีอาจไม่จำเป็นเพราะหน่วยงานเหล่านั้นใช้กระดาษเป็นส่วนมาก

ที่มา - The New York Times

No Descriptionภาพจาก Wikimedia

Get latest news from Blognone

Comments

By: itpcc
ContributoriPhoneRed HatUbuntu
on 4 April 2016 - 18:58 #900565
itpcc's picture

หน่วยงานนั้นมันก็เลยมีไฟไหม้บ่อยสินะครับ ถถถถถ
//แต่ถึงเวลาปรับเปลี่ยนก็ดีเหมือนกัน - -)b


บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P

By: toooooooon
iPhoneWindows PhoneAndroidBlackberry
on 4 April 2016 - 19:21 #900570

อาห์ อ่านข่าวนี้แล้วนึกถึงหนังสายลับ ขึ้นมาทันที ที่คนร้ายแฝงตัวเป็นช่าง เดินสายไฟ

By: srps
iPhoneWindows
on 4 April 2016 - 19:34 #900571
srps's picture

ของเขาอัพเกรดแล้ว ของไทยล่ะ ยังใช้ Windows XP SP 3 กับ Office 2003 อยู่เลย
(ถ้าไม่ได้เสนอขอเครื่องใหม่มาก็)

By: KuLiKo
ContributoriPhoneWindows PhoneAndroid
on 4 April 2016 - 20:21 #900584 Reply to:900571
KuLiKo's picture

ถ้ามันยังสามารถทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมายได้ ผมว่าก็ยังไม่น่าเกลียดเท่าไหร่นะ

ประเด็นสำคัญคือหน่วยงานบ้านเรายังใช้ซอฟต์แวร์ผิดลิขสิทธิ์เป็นส่วนใหญ่ซะมากกว่า -_-

By: sthepakul
ContributorAndroid
on 4 April 2016 - 20:27 #900588 Reply to:900584
sthepakul's picture

ตอนนี้ที่จัดซื้อส่วนใหญ่เสปคก็ windows, office ของแท้นะครับ


my blog :: sthepakul blog

By: phenocalypse
ContributorAndroidWindows
on 4 April 2016 - 21:01 #900599 Reply to:900571

เมื่อก่อน Office ผม (หน่วยงานภาครัฐแห่งหนึ่ง) มีคอมฯ WinXP SP3 แรม 512 MB HDD 80 GB ใช้มาหกเจ็ดปี อืดมาก ช้ามาก เพิ่งได้เปลี่ยนเครื่อง อัพสเปกแบบก้าวกระโดดเป็น Win 8 RAM 4 GB HDD 1 TB เมื่อปีที่แล้วนี่เอง

แต่เรื่องหนึ่งที่ภาครัฐควรใส่ใจคือซอฟท์แวร์ลิขสิทธิ์ อย่าง Office 365 Adobe CC หรือ AutoCAD กับเรื่องแอพ Web-Based ที่ควรเลิกยึดติดกับ IE เวอร์ชันเก่าๆ แล้วมุ่งไปกับ Chrome Firefox หรือ MSEdge รวมถึง Responsive Web Design ได้แล้ว

By: srps
iPhoneWindows
on 4 April 2016 - 21:37 #900611 Reply to:900599
srps's picture

ความคิดเห็นแบบส่วนตัวนะครับ
ซอฟต์แวร์ Office 365, Adobe CC ฯลฯ มันทำได้อยู่แล้ว, มันดีด้วยอย่างยิ่ง และผมก็อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่ว่าเราคิดว่ามันเป็นปัญหาที่คิดกันออกแบบง่ายๆ คือ
เรื่องงบประมาณน่ะ เขาจะยอมจัดสรรให้หรือเปล่า
เพราะซอฟท์แวร์โดยเฉพาะ Office 365, Adobe CC, Autodesk 2016 ขึ้นไป มันเป็นการเช่าซอฟต์แวร์ ไม่ได้ซื้อสิทธิ์การใช้งานแบบผูกขาด

By: srps
iPhoneWindows
on 4 April 2016 - 21:49 #900612 Reply to:900599
srps's picture

เพิ่มเติมอีกนิด
ตอนนี้ที่ทำงานของแม่ (หน่วยงานสธ.) ยังใช้ตามที่บอกข้างบน เพราะเครื่องตั้งแต่ปี 44 ยกเว้น Office ทีม Admin เขาอัพเดทเป็น Office 2007 แล้ว แต่ยังมีปัญหากับพวกไฟล์ .docx อยู่ที่อ่านไม่ออก
ปล.ที่นี่อาจเสี่ยงกับ ransomware ด้วย เพราะยังเป็น XP และหน่วยงานนี้ก็ใช้ HOSxP อาจโดนโจมตีเมื่อไรก็ได้ เหมือนกับข่าวก่อนหน้าที่ รพ. ถูกโจมตีจนระบบล่มกัน

By: mr_tawan
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 5 April 2016 - 02:14 #900650 Reply to:900571
mr_tawan's picture

ของไทยน่าจะลองทำตามพวกยุโรปแทน (คือใช้ Open Source)

แต่คนเก่า ๆ แก่ ๆ คงบ่นตายเลย 55 ใช้ไม่เป็น


  • 9tawan.net บล็อกส่วนตัวฮับ
By: namon2345
AndroidUbuntuWindows
on 5 April 2016 - 11:43 #900784 Reply to:900650

ลองเล่นลินุกส์ก็ไม่ยากครับ ลงง่าย บูตเร็ว ไวรัสซ่อนไฟลไม่มี มีโปรแกรมทุกอย่างตามที่สรรหาได้ และสิ่งที่รักคือมันมอบ Transmission มาให้กับตัว สบาย ทำเซิรฟ์เวอร์ก็ดี คนแก่เล่นAndroid กับ IOS ยังง่ายกว่าอีกน่ะน่าใช้งานได้ครับ

By: osmiumwo1f
ContributorWindows PhoneWindows
on 5 April 2016 - 15:08 #900878 Reply to:900650
osmiumwo1f's picture

ถ้าจำไม่ผิดที่กรมสรรพากรเคยลองดัน OpenOffice แล้ว แต่ไม่เวิร์กเพราะคนไม่ชินกับไม่ปรับตัวครับ

By: ZeaBiscuit
iPhoneAndroidUbuntuWindows
on 4 April 2016 - 20:59 #900597
ZeaBiscuit's picture

ติดต่อราชการยังต้องใช้สำเนาบัตรกันอยู่เลย ทั้งๆที่ถือ Smart Card แต่ต้องไปถ่ายเอกสารที่ชั้นหนึ่งเหมือนเดิม

By: TeamKiller
ContributoriPhone
on 5 April 2016 - 09:44 #900711 Reply to:900597
TeamKiller's picture

ผมได้ใช้ตามหน่วยงานราชการนะครับ

แต่ แค่เอาไว้ขอรหัส Wi-Fi ฟรี เฉยๆ ฮ่าๆ

นอกนั้น ไปถ่ายสำเนาๆ รัวๆ

By: Polwath
ContributoriPhoneWindows PhoneAndroid
on 5 April 2016 - 11:29 #900766 Reply to:900597
Polwath's picture

ผมว่าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนรูปแบบการยื่นเอกสารและการทำงานของระบบราชการเสียใหม่แล้วครับ ไม่พัฒนาเลยจริงๆ


Get ready to work from now on.

By: Architec
ContributorWindows PhoneAndroidWindows
on 5 April 2016 - 13:01 #900822 Reply to:900597

เมื่อก่อน-ตอนนี้การเสียบบัตรมันไม่ได้ยืนยันว่าเราทำธุรกรรมสัญญาใดๆจริง เพราะบางทีบางคนแอบเอาไปใช้ก็เป็นไปได้

แต่ตอนนี้มีเทคโนโลยี blockchain ออกมาแล้ว ผมว่าน่าจะช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ได้นะ