ข่าวใหญ่ของวงการไอทีช่วงต้นปีนี้คือ Netflix ขยายประเทศที่ให้บริการอีก 130 ประเทศ แต่กลับมีข้อจำกัดเรื่องจำนวนเนื้อหาในหลายๆ ประเทศ ที่น้อยกว่าสหรัฐอเมริกามาก
หนังสือพิมพ์ The New York Times มีบทสัมภาษณ์ซีอีโอ Reed Hastings ที่ยอมรับว่า Netflix ยังมีข้อจำกัดเรื่องกำแพงภาษา มีเนื้อหาในภาษาอื่นๆ ที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษน้อย และบริษัทต้องทำงานอีกมากในการรองรับภาษาใหม่ๆ ให้มากขึ้น เขายังเล่าว่าหลังขยายบริการของ Netflix ก็มีผู้ใช้งานจากประเทศแปลกๆ อย่างโซมาเลีย และเกาะ Reunion Island ซึ่งเป็นเกาะของฝรั่งเศสในทวีปแอฟริกาด้วย
Hastings ยังยอมรับว่า Netflix ต้องแข่งขันกับบริการวิดีโอสตรีมมิ่งแบบเดียวกันในหลายประเทศ อย่างไรก็ตามเป้าหมายสุดท้ายของ Netflix ไม่ใช่แค่การแข่งกับคู่แข่งในสายเดียวกัน แต่เป็นการชิงเวลาของผู้บริโภคมาจากสื่อประเภทอื่นๆ ทั้งการดูทีวี การอ่านหนังสือ การไปงานเลี้ยง ฯลฯ ให้ได้วันละ 2-3 ชั่วโมงทุกวัน
ส่วนหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal ก็รายงานว่าผู้ประกอบการสตรีมมิ่งในหลายๆ ประเทศเริ่มรวมตัวกันเพื่อระดมเงินซื้อลิขสิทธิ์รายการแย่งกับ Netflix ให้ได้ ตัวอย่างคือเคเบิลทีวี Canal Plus ของฝรั่งเศสและ Sky ของสหราชอาณาจักร เริ่มเจรจาจับมือกัน อีกกลุ่มคือ Viaplay/Stan/Lightbox/Hulu ที่มาจากหลายประเทศ
ที่มา - The New York Times, Wall Street Journal
Comments
ต่อไปถ้าอยากดู House of Cards ก็ต้องสมัคร Netflix
อยากดู Mr.Robot ก็ต้องสมัคร iflix
อยากดู original series ของเจ้าอื่นๆก็ต้องสมัครของเจ้านั้น คงเหนื่อยน่าดู...
ประเด็นคือ Netflix Thailand ไม่มี House of Cards ให้ดูครับ
นึกถึงการซื้อกล่องดาวเทียมเพื่อดูบอลเลยครับ
แต่ถ้าอยากดูทั้งหมดก็สมัครเว็บ Bittorrent
ถถถ
จริง
นึกย้อนกลับไปแล้วก็น่าทึ่งนะครับ
ในยุคแรกเริ่ม เวลานั้น ถ้าโฮมวิดิโอ คลิปแปลกๆสั้นๆดูออนไลน์คนก็นึกถึง youtube ถ้าเป็นหนังยาวๆจริงจัง คนก็นึกถึงการโหลดบิทที่กำลังเฟื่องฟู
แนวคิดที่ว่าให้ "จ่ายเงิน"ดูหนังออนไลน์ ในตอนนั้นคงฟังดูบ้ามาก ใครจะจ่าย? ในเมื่อนึกถึงการออนไลน์ ทุกคนก็มองว่ามันต้องฟรี
น่าทึ่งที่ทุกวันนี้ วงการโฮมวิดิโอกลับมาอีกครั้งในรูปแบบริการสตรีมมิ่ง และเก็บเงินได้อีกต่างหาก แถมก้าวไกลไปถึงขนาดลงทุนสร้างซีรี่ยา์ฉายออนไลน์โดนเฉพาะ
จากเวลานั้นที่ใครๆก็มองว่า วงการนี้ตายแน่ จะเหลือแค่การดูหนังโรงกับการโหลดบิทเถื่อนเท่านั้น
คงเพราะราคาที่คนจ่ายได้ด้วยหล่ะ เดือนละไม่กี่ร้อยคุ้มกว่าเช่าแผ่นอีก
แต่ยังไงประเทศเราบิทยังครองอยู่ โดยเฉพาะหนังใหม่ๆ คงต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่ๆ
ส่วนผมเลิกบิทมานานละ
เลิก bit มานาน หลังจาก HDD 2 Tb เต็มไป 2 ลูก
แล้วตอนนี้ค่าสมาชิกรายปี ถูกกว่าค่าซื้อ HDD ใหม่อีก
ปล.แต่ยังไง เมื่อไรจะได้เสียง DTS สักทีนะ stream ผ่าน android เนี่ย
Netflix เริ่มจาก DVD subscription นะครับ บริการ Streaming เป็นของแถมมาก่อน
หนึ่งในนั้นคือความกลัวครับ เพราะของแถมจากบิทอาจจะเป็น ransomware ติดมาด้วย
ปัญหาใหญ่คือ ในราคาที่เท่าๆกันพวกเวบIPTVเถื่อน ดูดมาให้ดูได้หมดเนี่ยแหละเหอๆ
การแข่งขันเป้นเรื่องธรรมดา เรื่องซับไทยนี่สำคัญ คนไทยมีน้อยมากที่อ่านซับภาษาอังกฤษทันหรือฟังอังกฤษที่พูดรัวๆระดับซีรี่ทัน
ดูทีนวูฟ เพื่อนพระเอกจะพูดเร็วไปไหน ต้องอ่านซับตลอด
ในไทยนอกจากคอนเท็นต์ก็ราคาเนี่ยแหละ Netflix ค่อนข้างแพงมากถ้าเทียบกับตัวอื่น แถมคอนเทนต์ที่ไม่ล็อคโซนก็ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นกว่าตัวอื่นเลย
บ้านเรานิยมฟรี หรือถูกจนเหลือเชื่อ ที่มายังไงไม่ค่อยมีคนสนใจ
ในบ้านเราสามารถหาเว็บดูหนัง/ซี่รี่ย์ฟรีได้ผ่านอากู๋
มีซับ/เสียง ไทยพร้อม
ไม่ต้องBitให้เสียเวลา Streamingฟรีๆกันไปเลย
ดูไปดูมา เหลือแค่ Frontline ช่อง PBS
กับ My Little Pony ช่อง Hub ที่จบ Season 5 ไปแล้ว
อย่างอื่นขี้เกียจดู
ไม่พร้อมในการให้บริการที่ดี แต่ดันขยายทีเดียว 130 ประเทศ
ที่น่าสงสัยคือทำไมไปทำธุรกิจในประเทศที่ติด US sanction ได้ เช่น พม่า อิหร่าน ชูดาน ได้ ขนาด steam ยังไม่สามารถทำธุรกิจในประเทศนั้นๆ ได้เลย?
ซีรี่ย์ที่เป็น content ของ Netflix มันไม่ใช่แนวที่เราดูนี่สิ
ส่วนเรื่องที่ดู เก่าๆแล้ว อยากดูซ้ำ กลับไม่มีสักเรื่อง
ของ iFlix ยังมีเรื่องที่น่าดูกว่าเพียบเลย
((เรื่องภาษามิใช่อุปสรรค ฝึกหูจากการดูซีรีย์มาเพื่อการนี้เลย แต่ก่อนซับไทยมันออกช้าไง))