ในการบริหารจัดการองค์กรนั้น การวางแผนรับมือเหตุฉุกเฉิน (Contingency Plan) เป็นอีกเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ แม้เหตุการณ์นั้นอาจไม่มีทางเกิดขึ้นก็ตาม แล้วกับบริษัทอย่าง Facebook แผนฉุกเฉินที่พวกเขาคิดไว้ว่าอาจเกิดขึ้นได้คืออะไร? The Information รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวภายในว่า ในบรรดาแผนรับมือทั้งหลายนั้น ประเด็นหนึ่งที่ Facebook มองว่าอาจเกิดขึ้นได้ก็คือ ถูกกูเกิลแบนแอพออกไปจาก Play Store
สมมติฐานดังกล่าวถูกตั้งขึ้นเนื่องจาก Facebook ก็มีรายได้หลักจากการโฆษณาเหมือนกับกูเกิล จึงอาจมองเป็นคู่แข่งโดยตรง และในขณะเดียวกัน Facebook ยังต้องพึ่งพาการใช้งานผ่านแอพบนระบบปฏิบัติการ Android ซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่สุด ฉะนั้นจึงเป็นความเสี่ยงถ้า Facebook เกิดมีข้อขัดแย้งกับกูเกิลรุนแรงจนอาจถูกแบนแอพออกไปจาก Play Store
แนวทางที่ Facebook คิดไว้รับมือก็มีทั้งการเปิดให้ดาวน์โหลดแอพมาลงบน Android ได้โดยตรงไม่ต้องผ่าน Play Store ไปจนถึงการสร้างความร่วมมือกับผู้ผลิตสมาร์ทโฟน Android ให้ลงแอพ Facebook เป็นพื้นฐานไว้เลย
อย่างไรก็ตาม แผนนี้เป็นการสมมติเหตุแย่ที่สุดที่อาจเกิดขึ้น และผู้บริหาร Facebook เองก็มองว่าคงไม่เกิดขึ้นในระยะอันใกล้นี้ เพียงแต่แค่มีการคิดออกมา ก็พอจะบ่งบอกได้ว่ายังระแวงอยู่ดีครับ
ที่มา: Business Insider
Comments
เตรียมทางหนีทีไล่พร้อม ในโลกที่ต้องพึ่งจมูกผู้อื่นหายใจ ช่างอันตรายจริงแท้
รับทำเว็บไซต์ ออกแบบเว็บไซต์
การบริการจัดการองค์กร => การบริหารจัดการองค์กร
http://m.pocketnow.com/2016/01/05/facebook-app-crashes
รู้สึกว่าไม่ใช่แค่ระแวงแล้วครับ
ต้นฉบับจากที่เดียวกันนิครับ
เนื้อหาคนละอย่างนะครับ หรือผมเข้าใจผิดหว่า
รู้สึกว่าหลังๆมา Google จะเป็นปีศาจขึ้นทุกวัน (สังเกตจาก App ดีๆที่ดีต่อผู้บริโภค แต่สร้างปัญหาต่อ google เอง อย่าง app ตระกูล Adblock หรือพวก Adaway ถูกถอดออกจาก playstore. เรื่อยๆ และหลายๆ app. ที่ใช้สำหรับเครื่อง. Root ก็ค่อยๆหายไป
แต่ขณะเดียวกัน Facebook ก็ทำตัวแปลกๆด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุการหลายๆอย่าง อย่างกรณีบังคับใช้ Messenger หรือ ขอสิทธิการเข้าถึงอุปกรณ์เยอะมาก
ซึ่งผมก็คิดว่านะ facebook จะระแวงก็ไม่แปลก หากมีวันใดวันหนึ่ง ที่เกิดแตกหักกับ google จริงๆขึ้นมา ก็ต้องมีแผนสำรองอยู่แล้วครับ
ดูคลิปนี้แล้วอาจจะมอง Facebook เป็นปีศาจแทนครับ
https://www.youtube.com/watch?v=t7tA3NNKF0Q
การตรวจจับลิขสิทธิ์ของ Facebook ถือว่าช้ามาก กว่าจะลบให้ก็หมดกระแสแล้ว
เหมือนจงใจให้ล่าช่าเพราะส่งผลดีต่อยอดผู้ใช้งาน
Facebook คงรีบกอบโกยก่อนที่จะหมดพลังเหมือนอย่าง Yahoo ในทุกวันนี้
รายได้หลักของ Google และ Facebook ก็มาจากโฆษณาทั้งคู่
ถ้า block โฆษณาไปเลยก็ต้องเดือดร้อนแน่นอน ไม่เป็นผลดีต่อผู้ผลิตคอนเทนท์ด้วยเพราะแบ่งรายได้กันแบบแฟร์ๆ ตามปรัชญา Don't be evil (ซึ่งเลิกใช้ไปแล้ว)
ผมว่าถ้า Google evil จริง app แรกที่น่าจะโดนคือ move to ios นะ
... แต่ก็มีเรื่องที่ Facebook ควรกลัวเหมือนกัน เพราะ Android 6.0 มีฟังชั้นประหยัดแบต Doze + App Standby ซึ่งอาจกระทบ app กินแบตอย่าง Facebook ใด้ง่ายๆ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
Google หากินกับ Services ครับ ไม่ใช่ Devices
Siri นี่ไม่กระทบมากหรอก เพราะ Safari ก็ตั้งค่า Google เป็น Default Search Engine
ป.ล. ถ้า Google ไม่ Evil จริง ป่านนี้เข็น YouTube ลง Windows แล้วล่ะครับ
แล้ว google search โดนแทนที่ด้วย bing (Siri/Spotlight) บน ios ไม่กระทบเหรอครับ ?
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ทำอย่างกับคุณใช้ อุปกรณ์ iOS ซะอย่างนั่นน่ะ - -)
*Spotlight Search ตาม Default Search Engine ที่ตั้งไว้นะ ซึ่งในไทยก็ Google
ส่วน Siri ไม่ใช้เนื่องจาก Google ไม่ใช่องค์กรการกุศล และหากินกับบริการ Services ครับ API บางอย่างคิดราคาแพงมากแถมนับตามจำนวนเครื่องในอัตราก้าวหน้ายิ่งเยอะยิ่งแพง บางอย่างดูเหมือนฟรีแต่มีเงื่อนไขที่ Customize เอาโฆษณาออกไม่ได้อีกต่างหาก ในขณะที่มีตัวเลือกอื่นที่ราคาถูกกว่า (บางเจ้าอาจจะแถมเงินให้ด้วยซ้ำ) ทำไม Apple ที่ไม่ใช่องค์กรการกุศลเหมือนกัน ถึงจะไม่ใช้ล่ะรายจ่ายน้อยกว่า
ยกไว้คนเถอะครับ คนนี้ไม่ว่าข่าวอะไรเขาลากเข้า Apple ได้ทุกข่าวนั่นแหละ ผมว่าหลายคนรู้ว่าแกเป็นขาประจำ Apple Hater อ่ะนะ
ตามนี้ครับ ตอนเลื่อนลงมาอ่านคอมเม้นท์ พอเห็นความเห็นคุณ peekung แวบแรกผมคิดเลยว่ามาแน่นอน (ฮา)
bing กลายเป็นองค์กรการกุศลเสียอย่างนั้น ... เค้าประมูลกัน apple ขายช่องทาง search ให้กับคนที่จ่ายเงินมากที่สุดตัวอย่างเช่น Google ซื้อการเป็น Default Search Engine บน ios ราคา $2.9 billion ช่วงต้นปี 2013 หมดสัญญาก็ประมูลใหม่.
เรื่องจริงมีแค่ google ห้ามเอาโฆษณาออก เพราะเป็นช่องทางการหารายใด้
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ตอนแรกที่พูดคือ Google search โดนแทนที่ด้วย Bing (Siri/Spotlight)ใช่มะ
แล้วจะลากออกทะเลมาที่ Default Search Engine ของ Safari ทำไมหว่า
*เริ่มต้นก็มั่วว่า Spotlight โดนแทนด้วย Bing อันนี้เข้าใจแล้วนะว่าไม่ใช่
*แต่จะแก้เขินด้วยลากคำว่า Bing กลายเป็นองค์กรการกุศล ไม่มีการกล่าวแม้แต่คำเดียวแต่ลากได้
อ๋อ ตัวที่ Siri มันใช้อยู่นะ เป็นการขอใช้บริการ Search Engine คนอื่นไม่ใช่ คนอื่นมาขอให้ใช้บริการนะ ดังนั้นฝั่งที่จ่ายเงินน่ะตรงข้ามกัน
Move to ios = (old android device+ new ios device) || new ios device;
The Last Wizard Of Century.
ส่วนตัวผมมองว่าเฟชบุ๊คน่ากลัวนะครับ เป็นที่ละเมิดสิทธิชั้นดี เช่น รูปหรือวีดีโอที่ถูกอัพขึ้นเฟสบุ๊คจะถือว่าเป็นของเฟสบุ๊ค แล้วก็มีพวกดูดอะไรดีๆจากยูทูปลงอัพใหม่ขึ้นเฟส เคยอ่านเจอมา ถูกผิดขออภัย
จริงครับ
ถ้าพูดถึงแอพ AdBlock ในฐานะที่ผมทำเว็บไซต์และรายได้ส่วนนึงมาจากโฆษณา แอพพวกนี้ก็สร้างปัญหาให้กับผมเหมือนกันครับ
AdBlock นี่หัวหน้าปิศาจเลยครับ ทำออกมาแบบไม่มีการประณีประนอมเพื่อความสมดุลทั้งสองฝั่งเลย ไปฝังตัวอยู่กับผลิตภัณฑ์ของคนอื่นให้เกิดความยุ่งยากแก่อีกฝั่ง อยากผ่านก็ต้องยอมจ่ายค่าผ่านทางก่อน
Adblock ในมุมมองนักพัฒนานี่ก็ปิศาจนะครับ ตัวใหญ่ด้วย
Welcome to Windows 10
+10
เหนื่อยนัก มาพักที่นี่ได้นะ
กับ Android ยังไม่เท่าไรเพราะแจกเป็น apk แบบ Amazon ได้ แต่ถ้าไปทะเลาะกับ Apple เมื่อไรนี่ยากละ ปิดซะมิดชิดขนาดนั้น
ขั้นสูงสุดคงต้องเปิด OS เอง หรือไม่งั้นก็ไปช่วยปั้น OS ที่ยังไม่ดังให้ดังขึ้นมาแล้วล่ะมั้งครับ
โอ๊ะ อาจจะมี Download จากหน้าเว็บ ของ FB ก็ได้...
ผมกลับคิดว่าเป็นเรื่องปกติของบริษัทใหญ่ๆ ที่ทำเคสเผื่อไว้เสมอ สำหรับทุกช่องทางที่ก่อให้เกิดรายได้
Warun.in.th
+1 อันนี้จริง เพราะเค้าต้องรายงานความเสี่ยงด้วย
งั้นทำแอพลง Windows 10 Mobile ไวๆเถอะช้าแท้
ที่แน่ ๆ หลังจากเจอการแยก App ของ FaceBook
ผมเลยตัดสินใจลบ App Facebook ออกจากมือถือทุกเครื่องเป็นการถาวร
รู้สึกชีวิตสบายขึนเป็นกอง
ถ้ามือถือเครื่องไหน Preload Facebook มาละก็
ไม่ได้เงินผมแน่ ๆ
จริงครับ เมื่อก่อนใช้ Mes กับ Face ไปด้วยแต่ก็ยังกินแรมแค่ 100กว่าๆ เท่านั้น
ตอนนี้ Facebook กินแรม 200+ กับ mes ของเค้ากินไป 50 - 80เลยทีเดียว พวกแรม1นี่ แทบจะง่อยกินครับ เพราะมันเหลือให้ใช้จริงๆ 400 - 500 mb เท่านั้นเอง
ข้าขอทรยศต่อคนทั้งโลก ดีกว่าให้ใครมาทรยศข้า
ไม่ต่างกับพี่กูเกิลซื้อหุ่นมาทำต่อ
กลัวว่า Facebook อาจจะเสื่อมความนิยมไปก่อนที่วันนั้นจะมาถึง
Contingency Plan เป็นธรรมดาครับที่จะต้องวิเคราะห์ความเสี่ยงให้รอบด้าน ตามหลักของบริษัทในตลาด จะว่าระแวงควรเรียกว่าถูกสั่งให้ระแวงมากกว่า อย่างบริษัทที่อยู่บนความเสี่ยงของภัยธรรมชาติ ก็ต้องทำแผนทางหนีทีไล่เช่นเดียวกัน
ดีมากเลยตามทฤษฎีทุกอย่างเลย ^^
ก่อนรับมือแผนถูกแบน รับมือกับแอพเด้งในแต่ละอัพเดตของบางรุ่นก่อนเถอะค่ะ ได้โปรดดด
กูเกิลจะหาเหตุผลอะไรมาแบน ร้องเรียนการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมได้ กีดกันทางการค้า
ผมว่าถ้าจะทำทำแบบ apple ได้ครับ คือต้องไม่ทำแอพหรือบรืการ ที่แอพเปิ้ลทำ ซึ่งแอพเปิ้ลก็ทำแอพตาม เจ้าอื่นที่ค้ำทำมาแล้ว แล้วก็ไปไล่บล็อกเค้า หรือไม่ใช่
ไม่ได้ใช้ App เปิดผ่าน Chrome บนมือถือตลอด
มันเป็นแผนบริหารความเสี่ยงของบริษัทใหญ่ๆ อยู่แล้วมั้งครับ เหมือนกรณีไฟไหม้ ภัยพิบัติ แผ่นดินไหว