แม้ว่า Oculus จะประกาศมาอย่างเป็นทางการแล้วว่าจะพร้อมขายแว่นตา Oculus Rift รุ่นจริงภายในครึ่งปีแรกนี้ และน่าจะมีมาโชว์ตัวในงาน CES 2016 เป็นจำนวนมาก แต่ผู้เชี่ยวชาญในวงการก็ยังมองว่าตลาด VR ในปี 2016 ยังจะไม่เติบโตพรวดพราดนัก ด้วยเหตุผลหลายๆ ประการ
ความเห็นดังกล่าวมาจาก Jason Paul ผู้จัดการทั่วไปของ NVIDIA แผนก VR และ Shield ซึ่งสัมภาษณ์โดย GamesBeat ซึ่งพูดถึงทิศทางที่น่าสนใจของวงการ VR ไว้หลายเรื่องดังนี้
คำแนะนำจาก Paul สำหรับผู้ที่ต้องการเตรียมความพร้อม ขั้นต่ำต้องใช้การ์ดจอรุ่นรองท็อปอย่าง GeForce GTX 970 รวมกับอุปกรณ์อื่นๆ จะค่าตัวประมาณ 1,000 เหรียญ ส่วนการใช้งาน VR บนโน้ตบุ๊กก็เป็นไปได้เช่นกัน แต่จะจำกัดกับรุ่นใหญ่สเปคแรงๆ เท่านั้น
สำหรับคู่แข่งในตลาด VR ตอนนี้นอกจาก Oculus และ HTC Vive ที่แชร์ตลาดพีซีร่วมกันแล้ว ฝั่ง Sony เองก็มี PlayStation VR ซึ่งใช้งานได้กับเครื่อง PS4 ที่ตอนนี้มียอดขายมากกว่า 30 ล้านเครื่อง แต่ยังไม่ประกาศราคาของแว่นตาออกมา
ที่มา - VentureBeat
Comments
ยังฝันว่าสักวันจะพาพ่อไปเดินเที่ยว Louvre หน้าคอมด้วยกันอยู่......
คอมเร็วขึ้น 7 เท่าก็แค่ 2-3 ปี หวังว่า VR จะไม่ดับไปแบบ Kinect ก่อนนะ
รวมแล้ว เกม ที่จะเล่นแบบ นี้ ในอนาคตคงเป้นสอง กลุ่ม เพราะ เกมบางเกม
ต่อให้พัฒนาไปมาก รูปแบบเกมเปลี่ยนไป ความนิยมจะลดลง คงไม่มีใคร เจาะรูท้องตัวเองหลอกครับ
เพื่อเทคโนโลยี
สำหรับผม VR ก็ดีครับ ครับ แต่สำหรับผม โอโลแกรม น่าติดตามมากกว่า ลองคิดถึง ห้องในบ้านเรา เป็นโฮโลแกรม
มันจะ เยี่ยมขนาดไหน
เห็นอย่างนี้แล้ว เห็นแวววงการ "VRสำหรับเกม"จะไม่รุ่งตามวงการแว่น3Dเสียแล้วเพราะ
1.วิดิโอเกมทั้งหลายในโลก ยังไงก็จะต้องยึดการแสดงผลพื้นฐาน บนจอ 2มิติธรรมดาๆ เป็นอันดับแรก เพราะมันเป็นมาตรฐาน แทบทุกอุปกรณ์ในโลก แสดงผลในลักษณะนี้
นอกเสียจากว่า แว่น VR จะสามารถมาทดแทนการแสดงผลแบบเดิม แบบ จอ 16:9 มาแทน 4:3 อะไรแบบนั้น
2.และเมื่อคอมพิวเตอร์ แรงขึ้นไป 7เท่า คนทำเกมก็จะเลือกทุ่มทรัพยากรณ์ไปทำภาพบนจอ2มิติธรรมดาๆ มากกว่าทุ่มไปกับสภาพแวดล้อมVR
ลองนึกดูว่า ถ้าเรามีคอมที่แรงขึ้นกว่าปัจจุบัน 7 เท่า เราจะอยากเล่นเกมที่กราฟฟิค สวยละเอียดละออกว่านี้7เท่า หรือ ภาพเท่าเดิม เท่าปัจจุบันทุกวันนี้แหละ แต่ไปอยู่ในVR
แค่วงการแว่น 3D ใช้ที่พยากรณ์เพิ่มขึ้นแค่ประมาณ2เท่า คนเอามาเปิดเล่นตื่นตาตื่นใจแป้บๆ ไม่เกินเดือนก็เลือกปิด3D กลับไปเล่นแบบเดิมๆ แต่ขอเฟรมเรทเพิ่มขึ้น detailมากขึ้นดีกว่า
ผมว่าข้อ 1 มันเป็นเรื่องไก่กับไข่แล้วล่ะครับ
คนทำเกมก็รอให้ VR มีคนใช้เยอะๆ จะได้ทำเกมมาขายแล้วคุ้ม คนเล่นเกมก็รอให้มีเกม VR ออกมาเยอะๆ เล่นแล้วคุ้มถึงค่อยลงทุนซื้อ ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะมีฝ่ายไหนกล้าลงทุนก่อนมั้ย แล้วอีกฝ่ายจะตามมาเอง แต่ถ้ามัวรอดูท่าทีทั้งคู่ก็ดับครับ
ส่วนข้อ 2 เรื่อง ภาพสวย VS VR ผมว่าถ้าพัฒนาเกมที่ใช้ประโยชน์จาก VR ได้เต็มที่ แบบที่จอ 2 มิติทำไม่ได้ (หรือได้แต่ไม่สนุกเท่า) เรื่องความสวยของภาพก็คงเป็นประเด็นน้อยลงครับ ลองนึกภาพเกมขับเครื่องบินที่เรามองไปรอบ Cockpit ได้ หรือ Rollercoaster Tycoon ที่ใส่ VR ไปเล่นเครื่องเล่นได้ดูครับ
1 ถ้าแพลตฟอร์ม VR รุ่งผมว่ามีเกม รอรีเมค อีกเพียบครับ โดยเฉพาะเกมส์บน Stream หรือไม่ก็มี Mod / Plugin ในเกมส์ที่จะช่วยให้เล่นได้แบบ พอขำขำ ถ้าไม่สามารถรีเมคได้ทัน
2 ความแรงของ คอมสมัยใหม่ ต้องแรงขึ้น อันนี้ ท่าทาง น่าจะต้องไปทางนั้น คงลดความแรงไม่ได้ อย่าง น้อยๆ จอแบบ 4K 8K นี่ก็กินพลังไปเยอะแล้ว แต่ผมมองว่า เราคงไม่ต้องใช้ ทุกแอย่างแรงขึ้นทั้งหมด เจ็ดเท่ากระมัง อาจจะ CPU แรงขึ้น 2เท่า การ์ดจอ แรงขึ้น 3-4 เท่า มีแพตฟอร์มทั้งฝั่ง 3D และฝั่ง VR แรงขึ้นอย่างละเท่า เท่าครึ่ง รวมๆแล้วก็คง จะ ช่วยทุกอย่างได้มากโข อยู่
แต่กว่าจะไปถึงจุดนั้น จะใช้เวลาสักเท่าไรก็ไม่รู้นี่สิ
เกมบางเกมก็เอื้อให้เป็นระบบ VR อยู่แล้ว เช่น FPS อาจจะไม่จำเป็นต้อง 360 องศา แต่แค่หันหน้าแล้วมุมมองเปลี่ยนแค่นั้นก็ปลื้มแล้ว
ลองนึกถึง VDO บน Youtube ก็ได้ที่มีแบบ VR แล้วตอนนี้ มันช่วยเติมเต็มประสบการณ์ในการชมจริง ๆ ถึงแม้จะไม่มาก
กลับกันซะอีกครับ ลองคิดว่า คุณมีคอมที่แรงขึ้นกว่าเดิม 7 เท่า ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า คุณจะมานั่งเล่นเกมเดิม ๆ หรือจะไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ บน VR มากกว่า และเมื่อมี Demand ย่อมมี Supply ครับ ไม่งั้นเกมสมัยนี้ก็ยังเป็น 8 Bit อยู่
แต่ส่วนตัว VR ก็ยังเป็นแค่ทางเลือกของคนบางกลุ่มซะมากกว่า เว้นแต่ว่าอนาคต MS ออก Windows 10 VR Edition. ถึงตอนนั้น VR ก็อาจจะมาแทนที่จอ 16:9 ได้ ก็จะกลายเป็นขนาดจอไม่จำกัดแล้วไปสู้กันที่ Pixel แทน
ผมเห็นคล้ายๆ กับคุณนะครับ คือมันดูน่าตืนตาตื่นใจก็จริง แต่ข้อจำกัดและอุปกรณ์มันดูยุ่งยากไปนี่แหละที่จะทำให้มันไม่แพร่หลายในวงกว้าง ก็เหมือนบางเกมเช่นเกมแข่งรถที่มีอุปกรณ์ออกมาตอบสนองต่อแค่เฉพาะกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น คนทั่วไปก็ไม่ได้สนใจจะซื้อมาใช้กันสักเท่าไหร่
ครับ ผมก็ลืมมองข้อนี้ไปเลย
น่าจะไปได้ในลักษณะอุปกรณ์เฉพาะทาง เพื่อเกมที่ทำมาเฉพาะทาง
ถ้าองค์ประกอบลงตัว มีอุปกรณ์ครบๆ ก็จะให้ประสบการณ์ที่สุดยอดมาก เหมือนคอกพิทเกมขับเครื่องบิน คอกพิทไฮโดรลิคเกมซิม
แต่ก็ต้องแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า ยุ่งยากกว่า เกมปกติ ซึ่งยิ่งแพงกว่ามากเท่าไหร่ ก็คนเล่นน้อยลงเท่านั้น
ตามข่าวเจ้าVRนี้มาหลายปี มารู้สึกว่ามันจะเฟลตามแว่น3Dเอาตอนประกาศว่าต้องใช้ PC เสปคสูงกว่าปกติ ไม่ใช่แค่ซื้อแว่นแล้วจบนี่แหละครับ
ที่คุณอ้างอิงเรื่องแว่นตา 3D นั่นก็เห็นด้วยเหมือนกันครับ อย่างที่พูดไว้คืออะไรที่มันต้องใช้อุปกรณ์ยุ่งยากเกินไปมันมักจะไม่เกิด อย่างผมนี่นานๆ เข้าโรงหนังดูแบบสามมิติสักที แต่ถ้าให้ดูแบบนี้ตลอดเช่นเปิดทีวีดูที่บ้านซึ่งก็แค่อยากนั่งดูนอนดูให้สบายใจ การมีแว่นมันเกะกะมากเกินไปจริงๆ สำหรับผม
ปัญหาคือ CPU ก็เริ่มจะตัน ๆ แล้ว
VR น่าจะเหมาะสำหรับ shopping ตามบ้านนะ อย่าง Amazon เอาไปทำเนี้ยะ ห้างใหญ่ๆอาจเงียบได้
ถ้าซื้อของนี่ผมอยากได้ แบบ hololens เลย มาลองวางที่บ้านก่อนว่าเข้าใหม่ ฮ่าๆ
ตอนแว่น 3D มานี่ research อย่างบ้าคลั่งเอาเป็นเอาตาย ผ่านมา 5-6 ปี ได้ทำจริงๆ อยู่ สองงานในไทย
ส่วน VR ตอนนี้ขอดูแบบผ่านๆ ตาไปพลางละกันครับ เรียนแล้วไม่ได้ใช้นี่มันลืมได้นะ
ทั่้วไป => ทั่วไป
สำหรับ Pual สำหรับ ?
...จาก Pual สำหรับ
ผจก. คนนี้เคยเล่นเรื่องดราก้อนบอลไหมเนี่ย ?
ตัวที่แปลงร่างได้?
ผมมองว่า 2d display ต่างหากที่ตัน
เช่น 4K หรือ จอ240 Hz กับ 1080p ที่ 60 Hz
ไม่คุ้มที่จะ update ไม่มี point
แต่ oculus มี
แถมมีเยอะด้วย
ถ้าว่ากันที่ราคา gtx970 ก็ไม่ถือว่า
แพงเกินไปจนจ่ายไม่ไหว
น่าจะไปได้ดีกว่า 2d
เรื่องความละเอียดผมเห็นด้วย แต่เรื่อง Refresh Rate ผมมองว่า 60 Hz มันยังไม่พอสำหรับการเคลื่อนไหวเร็วๆ นะครับ คือเล่นได้ไม่มีปัญหาแหละ แต่มันยังลื่นไหลสวยงามได้อีก
"ไม่เป็นไร ด้วยเทคโนโลยีที่มีเฉพาะในชิปค่ายเขียว เราจะออกการ์ดจอสเปคแรง 7 เท่า ในราคาแค่ 2 เท่าของ Titan X เท่านั้น" Nvidia ไม่ได้กล่าวไว้
อย่าง oculus จริง ๆ ก็น่าจะเอา dk2 มาทำให้เรียบร้อยแล้วขาย ๆ ไปก่อนนะ แล้วอีกหลาย ๆ ปีค่อยออกความละเอียด 2-3k มาทีหลังก็ได้
รอคอมพิวเตอร์ควอนตัมใช้งานได้จริงก่อน VR ก็บูมเองครับ