Tags:
Node Thumbnail

♫ ♪ ปั่นปั่นจักรย้านไป ปั่นปั่นจักรย้านกัน... เมื่อต้นเดือนธันวาคมหลายท่านคงได้มีโอกาสไปร่วมกิจกรรมปั่นจักรยานระดับชาติกันมา บ้างก็ถือโอกาสนี้หาพาหนะสองล้อนี้มาลองปั่น หากใครที่เพิ่งเข้าวงการแล้วคิดอยากจะเอาจริงเรื่องสุขภาพ นอกจากจะอัพล้อ อัพชุดขับ อัพเฟรม และอัพแรงแล้ว อุปกรณ์อย่าง bike computer หรือคอมพิวเตอร์ติดจักรยานก็เป็นอีกสิ่งที่น่าลงทุน เพราะเป็นอุปกรณ์ที่เอนกประสงค์และใช้ประเมินความก้าวหน้าด้านสุขภาพของผู้ใช้ได้ดี

วันนี้ผมในนาม Blognone มีโอกาสได้ลองใช้ Garmin Edge 520 จะขอมารีวิวให้ฟังในส่วนที่ได้ลองใช้ในระยะเวลาหนึ่ง ถ้าใช้ครบเกรงว่าจะกลายเป็นคู่มือไป และขอเทียบประสบการณ์กับ Edge 510 ที่ผมเองใช้อยู่ประจำด้วยครับ

Garmin Edge 520 เป็นคอมพิวเตอร์ติดจักรยานที่เอาไว้วัดความเร็ว เวลา ระยะทาง การเผาผลาญ การเต้นของหัวใจ นำทางด้วย GPS/GLONASS และเก็บข้อมูลเหล่านี้ไปประมวลผลในโปรไฟล์ของผู้ใช้บน Garmin Connect และแชร์ต่อไปยัง Strava, Endomondo และที่อื่นๆ ได้อีก ทำงานกับเซนเซอร์จุดต่างๆ ที่ตัวรถด้วยโปรโตคอล ANT+ และต่อกับสมาร์ทโฟนด้วยบลูทูธ คร่าวๆ ตามนี้ก่อนครับ

alt="upic.me"

รูปลักษณ์ภายนอก - ตัวเล็กลง จอใหญ่ขึ้น ลาก่อนทัชสกรีน

alt="upic.me"

Edge 520 วางตัวเป็นคอมพิวเตอร์ติดจักรยานเบอร์กลางค่อนล่างนะครับ มาแทน Edge 510 ในไลน์ของ Garmin ที่จำหน่ายตอนนี้จะเป็น Edge 20/25, 520, 810 และ 1000 ตามลำดับ

alt="upic.me"

Garmin Edge 520 กล่องนี้มากับอุปกรณ์ครบพร้อมใช้ เวอร์ชั่นที่จำหน่ายในไทยจะมากับตัวเครื่อง สายรัด ตัวยึดกับแฮนด์ แป้นยึดกับสเต็มหรือท่อนอนของเฟรม เซนเซอร์ชนิดต่างๆ เดี๋ยวจะทยอยกล่าวต่อไปครับ และมากับสายรัดหน้าอกพร้อมเซนเซอร์วัดการเต้นของหัวใจมาในชุดเลย ไม่ต้องหาซื้อแยก

alt="upic.me"

มิติของ Edge 520 เมื่อเทียบกับ 510 และสมาร์ทโฟนขนาด 5 นิ้ว จะมีขนาดกะทัดรัดลงเยอะทีเดียว อารมณ์คล้ายๆ นาฬิกาจับเวลาของครูพละ จอมีขนาด 1.4x1.9 นิ้ว ที่ความละเอียด 200x265px จอสี หนัก 60 กรัม

alt="upic.me"

ขอเทียบอีกมุมกับ Edge 510 ด้านหลังมากับจุกยางปิดพอร์ต USB (กันน้ำระดับ IPX7) และจุดยึดกับ barfly เหมือนกัน ใช้งานร่วมกันได้

alt="upic.me"

Edge 520 ใช้พอร์ต Micro-USB แล้ว ไว้ทั้งชาร์จไฟและส่งข้อมูลกับคอมพิวเตอร์ ข้อดีคือแชร์สายชาร์จไฟกับสมาร์ทโฟนได้ เวลาเดินทางไกลจะได้พกสายแค่เส้นเดียว แบตเตอรี่ตามสเปกเคลมว่าใช้ได้ 15 ชั่วโมงครับ

alt="upic.me"

alt="upic.me"

alt="upic.me"

สาระสำคัญด้านกายภาพของ Garmin Edge 520 ที่เปลี่ยนไปคือ เลิกใช้ระบบทัชสกรีนแบบ Edge 510, 810 และ 1000 แล้ว เป็นปุ่มสั่งการรอบตัวเครื่องแทน (เหมือนนาฬิกา G-SHOCK) นิ้วมือจะเปียก ลื่น แข็ง (เพราะอากาศเย็น) ก็สามารถใช้งานได้ตามปกติ

การติดตั้ง - เซนเซอร์แบบรัดดุมและขาจาน ไม่เกาะ chainstay แล้ว

alt="upic.me"

Garmin Edge 520 มากับ barfly แบบใหม่ ที่ยึดกับแฮนด์เส้นผ่าศูนย์กลางดูเหมือนจะ(ไม่ยืนยัน)กว้างขึ้น น่าจะเอาไว้รองรับพวกแฮนด์เสือหมอบแบบแอโร่ด้วย และเป็นแขนยื่นล็อกตัวเครื่องทางด้านขวา ซึ่งของเดิมจะอยู่อีกด้าน กลไกตัวล็อกยังเหมือนเดิมหมด คือสวม หมุน ก็ล็อกแน่นหนาแล้ว หรือถ้าแฮนด์ไม่มีพื้นที่แล้ว อาจยึด Edge 520 ไว้กับสเต็มหรือท่อนอนของเฟรม ด้วยแป้นและยางรัดที่เหนียวและแข็งมากก็ได้เช่นกันครับ

alt="upic.me"

การทำงานของ Edge 520 จะสมบูรณ์แบบไม่ได้ถ้าไม่ติดตั้งเซนเซอร์วัดความเร็วเพิ่มเติม ซึ่งมารอบนี้ตัวเซนเซอร์มาในแบบยางรัดดุมล้อและรัดขาจานเพื่อวัดรอบขา (cadence) ครับ จากเดิมตัวเซนเซอร์นี้เป็นเครื่องเกาะที่หางหลังของเฟรม แล้วอ่านค่าจากตุ่มแม่เหล็กที่ซี่ล้อและขาจาน (ของผมที่ขาจานหลุดหายไปแล้ว 555+) เซนเซอร์ทั้งหมดนี้จะคุยกับตัวเครื่อง Edge 520 ผ่านโปรโตคอล ANT+ ที่ระบุไปตอนต้น อาจต้องมีสแกนจับคู่ก่อนออกปั่นพักหนึ่ง และครั้งต่อไปก็จำกันได้แล้วไม่ต้องสืบค้นใหม่ทุกครั้ง นอกจากย้ายเครื่องใหม่มาใช้กับรถคันเดิม อ้อ หรือถ้าใครใช้พวก Power Meter ที่จานหน้าหรือขาจาน ก็ส่งข้อมูลมาให้ Edge 520 วัดกำลังวัตต์ของขาขณะปั่นได้ด้วยครับ

alt="upic.me"

เซนเซอร์วัดรอบขาซ่อนอยู่ตรงนี้

จากการทดลองใช้เซนเซอร์แบบรัดดุมนี้ผมว่าตัวเครื่อง detect ง่ายและไวขึ้น ตัววัดรอบขาไม่มีงอแง ไม่พบปัญหาสัญญาณหายระหว่างปั่นเหมือนเซนเซอร์แบบเดิมที่ผมใช้ประจำ (ท่านอื่นอาจไม่เจอปัญหานี้นะครับ) แต่ถ้าใครชอบโชว์สเปกดุมล้อ (เช่น Chris King, Enve, DT Swiss, Phil) เจอเซนเซอร์แบบนี้เข้าไปอาจใจคอไม่ค่อยดี

alt="upic.me"

เซนเซอร์วัดแบบเดิมกับตุ่มแม่เหล็กที่ชอบขัดกันตอนปั่นดังแป๊กๆ

และจากการได้ถามมิตรสหายนักปั่น เขาบอกว่าเซนเซอร์แบบใหม่สู้แบบเดิมไม่ได้ อันนี้ผมไม่มีโอกาสได้ใช้ยาวๆ แต่ผมยังเชื่อว่าแบบใหม่ตอบสนองได้ดีกว่า (จนเผลอใจกดสั่งชุดเซนเซอร์นี้จาก AliExpress มาแล้วหลังคืนชุดทดสอบไป)

alt="upic.me"

Garmin Edge 520 กับการใช้งานบนถนนจริงกับ barfly รุ่นเก่า ก็ใช้งานได้ไม่มีปัญหาอะไร อาจไม่คุ้นเพราะมันดูเล็กลงไปสักนิด

การใช้งาน - ได้ลองสองทริปกับฟังก์ชั่นเดิมๆ เพิ่มเติมคือความสะดวก

alt="upic.me"

เมื่อเปิดเครื่องครั้งแรก ก็จะพาเข้า wizard บอกอายุ ส่วนสูง น้ำหนัก ชีพจรโซนต่างๆ และให้ประมาณตนด้วยว่าเป็นคนปั่นจักรยานเก่งประมาณไหน

alt="upic.me"

Garmin Edge 520 รองรับภาษาไทยแล้ว ในฐานะที่ทำงานสาย copywriting มาบ้าง ก็ต้องบอกว่ามีความกระท่อนกระแท่นนิดหน่อย แต่เชื่อว่าทำดีที่สุดแล้ว เพราะบางคำหาคำไทยอธิบายยากครับ

alt="upic.me"

หน้าจอขณะที่ Edge 520 กำลังทำงาน ก็สามารถปรับตั้งได้ว่าจะให้แสดงค่าอะไรบ้าง

alt="upic.me"

สิ่งหนึ่งที่คิดว่ามีประโยชน์มากคือ Edge 520 สามารถตั้งเตือนอัตราการเต้นของหัวใจและรอบขาที่สูงหรือต่ำเกินไปได้ เช่นช่วงที่ยิงหนีสุนัขหรือยืนโยกให้ทันไฟเขียว ตัวเครื่องก็ร้องระงมเลย เพราะทั้งรอบขาและหัวใจเกินที่ตั้งไว้แล้ว ฟังก์ชั่นนี้ผมหาไม่เจอใน Edge 510 ที่ใช้อยู่ แก้ไข: เจอแล้วครับ อยู่ใน Profile > Activity > Alert

จริงๆ Garmin Edge 520 มากับอีกหลายลูกเล่นที่ผมยังไม่ได้ลอง อาทิ smart notification โชว์เบอร์สายเรียกเข้าจากสมาร์ทโฟนที่ต่อบลูทูธอยู่ด้วยกันขณะปั่น, ฟังก์ชั่น live segments ที่วัดผลงานกับผู้ร่วมเส้นทางนี้ในอดีตที่บันทึกไว้ใน Strava, การใช้ Edge 520 ควบคุมกล้องแอ๊กชั่นแคม VIRB และกระทั่งการปั่นอยู่กับที่ด้วยการต่อเทรนเนอร์ก็ยังวัดค่าสุขภาพได้ และถ้าอยากให้สิ่งนี้นำทาง บอกเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาก็สามารถโหลดแมพเข้าไปได้ครับ ฯลฯ

alt="upic.me"

alt="upic.me"

ด้านการตั้งค่าเริ่มใช้กับคอมพิวเตอร์ ไม่มีอะไรยุ่งยากนัก ติดตั้งโปรแกรม Garmin Express แล้วเพิ่ม Edge 520 เข้าไปอีกหนึ่งอุปกรณ์ ผูกกับบัญชี Garmin Connect ของตนเอง เพื่อดึงค่าน้ำหนักส่วนสูงเดิมมาปรับใช้ได้ทันทีครับ หรือถ้าจะอัพเดตเฟิร์มแวร์อะไร โปรแกรมตัวนี้จะคอยสืบค้นและอัพเดตให้เองอัตโนมัติ

ผลงานการปั่นแบบขาอ่อน (เอาแต่แวะกิน) อันนี้ปั่นแถวบ้าน ให้ Garmin Edge 520 เก็บค่าขึ้น Garmin Connect และสั่งแชร์ไป Strava อัตโนมัติครับ

สรุป

ในราคา 15,800 บาทของ Garmin Edge 520 ทั้งชุดนี้ ผมมองว่าเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์น่าอัพเกรดจักรยานเพื่อให้รู้คุณภาพและประสิทธิภาพการปั่นของตัวเองก่อนที่จะใช้งบเท่ากันนี้ไปลงทุนกับอุปกรณ์อย่างอื่น อาจดูราคาสูงสักนิด แต่ผมมองว่าอุปกรณ์ประเภทนี้ตกรุ่นช้าและใช้งานกันได้ยาวๆ ครับ แม้จะเปลี่ยนรถใหม่หลายรอบ หรือมีรถหลายคันในเวลาเดียวก็สลับเปลี่ยนไปใช้ได้ แค่ตั้งโปรไฟล์ตัวรถให้แยกกันไว้

ทว่า ถ้าคุณเป็นเจ้าของ Edge รุ่นก่อนหน้าอยู่ ไม่ว่าจะเป็น 500, 510 หรือ 810 ผมยังไม่เห็นความคุ้มค่าของฟังก์ชั่นใหม่บนรุ่นนี้ ถ้าคิดว่าสิ่งที่เพิ่มมายังไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้ ใช้ของเดิมต่อไปก่อนได้เลยครับ

จริงอยู่ที่ระบบการควบคุมด้วยปุ่มล้วนของ Edge 520 จะเข้าใจง่ายและไม่เผอเรอกดหยุดหรือลบทริปง่ายแบบทัชสกรีนก็ตามที ส่วนความลื่นไหลและความเร็วของการเข้าออกเมนู เปลี่ยนหน้าจอ ผมว่าเร็วกว่า 510 อยู่ไม่มาก (แต่ไม่ลื่นเท่า Edge 1000 ที่เคยใช้เช่นกัน) ส่วนกรณีของคนที่กำลังลังเลว่าจะจัด Edge 520 หรือเลือก Edge 810 ที่อยู่ค้างฟ้าในราคาชิดๆ กัน อันนี้แนะลำบาก ลองอภิปรายกันดูครับ

Get latest news from Blognone

Comments

By: panurat2000
ContributorSymbianUbuntuIn Love
on 26 December 2015 - 22:43 #871353
panurat2000's picture

เซนเซอร์ / เซ็นเซอร์

  • ต้องมีความสม่ำเสมอ (consistency) สะกดชื่อคำใดไปแล้ว ต้องเขียนให้เหมือนกันทุกครั้ง

เพราะเป็นอุปกรณ์ที่เอนกประสงค์

เอนกประสงค์ => อเนกประสงค์

จะมีขนาดกะทัดรัดลงเยอทีเดียว

เยอ => เยอะ

จะสมบูรณ์แบบไม่ได้ถ้าไม่ติดตั้งเซ็นเซอร์วัดความเร็วของ ซึ่งมารอบนี้

วัดความเร็วของ ?

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 26 December 2015 - 22:52 #871355
hisoft's picture

/me กด follow Strava

สามารถตั้งเตือนอัตราการเต้นของหัวใจและรอบขาที่สูงหรือต่ำเกินไปได้ เช่นช่วงที่ยิงหนีสุนัขหรือยืนโยกให้ทันไฟเขียว ตัวเครื่องก็ร้องระงมเลย เพราะทั้งรอบขาและหัวใจเกินที่ตั้งไว้แล้ว ฟังก์ชั่นนี้ผมหาไม่เจอใน Edge 510 ที่ใช้อยู่

เชื่อว่ามีนะครับ Edge 500 ผมมีครับ

จริงๆ อยากเข้ามาอ่านรีวิวระบบ smart notification ครับ ภาษาไทยได้ไหม หน่วงไหม ฯลฯ ถูกตัดความหวังเลย orz (ที่มี 500, 810, 910 ไม่มีตัวไหนรองรับเลย)

เซ็นเซอร์วัดความเร็วเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไรนะครับ แต่เอาเข้าจริง รัดดุมล้อผมไม่ได้ทั้งสองคันเฉยเลย เสือหมอบรัดไม่ได้เพราะดุมผมใหญ่มาก (PowerTap G3) ต้องเอาหนังยางมารัดขยายขนาดก่อน รถพับก็รัดไม่ได้เพราะดุมแคบเกินใส่เข้าไปไม่ได้ orz

By: kHoONySAnG
iPhoneAndroidWindowsIn Love
on 27 December 2015 - 00:16 #871363 Reply to:871355

ถ้าผมจำไม่ผิด แสดงชื่อคนโทรเข้าเป็นภาษาไทยได้ครับ ผมตั้งเมนูเป็นภาษาอังกฤษแต่ก็แสดงภาษาไทยได้ครับ ตามชื่อที่เราบันทึกไว้ในโทรศัพท์

เห็นเพื่อนๆในกลุ่มบอกว่าเซ็นเซอร์ใส่ล้อหน้าก็ได้ครับ ผลไม่ต่างกัน แต่ผมใส่ล้อหลังยังไม่เคยลองล้อหน้าครับ

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 27 December 2015 - 00:36 #871370 Reply to:871363
hisoft's picture

ใช้กับเทรนเนอร์น่ะครับ

By: ZeaBiscuit
iPhoneAndroidUbuntuWindows
on 27 December 2015 - 00:21 #871367 Reply to:871355
ZeaBiscuit's picture

Powertap ส่งข้อมูลไป Garmin ได้ครบเลยครับทั้งรอบขา ความเร็ว วัตต์ ไม่ต้องติดอะไรเพิ่มครับ

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 27 December 2015 - 00:39 #871371 Reply to:871367
hisoft's picture

ต้องติดครับ เพราะผมดึงข้อมูลผ่าน ANT+ มาเข้าคอมใส่โปรแกรมที่เขียนน่ะครับ - -" ล้อผมรายงานได้แต่เครื่องเป้าหมายลูกค้าไม่มี (อ้อ วัดรอบขาได้แต่ก็มั่วเป็นพักๆ นะครับ ดูเองงพอได้ ไปลงโปรแกรมโปรแกรมจะรวนเอา

อ้อใช่ครับ ติดปัญหาอีกเรื่องนึง ไหนๆ ก็ใช้ตัววัดมุมมาวัดรอบแล้ว ไม่ยอมส่งค่าเป็นองศาการหมุนมาให้เลยครับ (T^T) ล้อหมุนไม่ครบรอบไม่รู้ผลอีก

By: twometre
WriterAndroidWindows
on 27 December 2015 - 06:47 #871382 Reply to:871371
twometre's picture

ท่าน hisoft กี๊คมากๆ ขอบคุณที่แชร์กันครับ /ว่าแต่ระบบเตือน HR/Cadence สูงมันอยู่ตรงไหนอะครับ ._.

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 27 December 2015 - 07:05 #871386 Reply to:871382
hisoft's picture

ผมไม่แน่ใจสำหรับ 510 นะครับ แต่ 500 อยู่ที่ Menu => Training (ผมเดาว่าตัวนี้เป็นชื่อ profile มั้งครับ ผมจำได้ว่าไล่ลบออกเหลือไว้อันเดียว แต่ไม่แน่ใจ) => Alerts => HR Alert หรือ Cadence Alert (หรืออื่นๆ) ครับ

ส่วน 810 จะอยู่ที่ Settings (รูปประแจไขว้ไขควง) => Activity Profiles => (ชื่อ profile ที่จะปรับ) => Alerts => Heart Rate หรือ Cadence (หรืออื่นๆ) ครับ

By: twometre
WriterAndroidWindows
on 27 December 2015 - 19:41 #871441 Reply to:871386
twometre's picture

เจอแล้วครับ ขอบคุณครับ :-)

By: peacedev
AndroidUbuntuWindows
on 27 December 2015 - 00:16 #871362

เทรนจักรยาน ยังไม่ไป

By: Hexsense
ContributorAndroidRed HatSUSE
on 28 December 2015 - 12:23 #871527
Hexsense's picture

อื้อหือ หรูไปครับ ห่างชั้นจาก XLC wireless computer ราคา 37$ ที่ผมใช้มาก
No Description
ของผม บอกได้แค่ Cadence, Speed และ เวลาทั่วไปเอง แถมจอไม่มี backlight มืดก็มองไม่เห็น แดดแรงไปก็อ่านไม่ค่อยออก แต่ผมต้องการแค่ดูและคุม Cadence ให้นิ่งๆในช่วง 80-100 RPM อย่างเดียว และไม่ต้องการติดแบบมีสายให้รกจักรยาน มันเลยพอใช้แล้ว

ว่าแต่ ท่านช่วยอธิบายเพิ่มเติมได้ไหมครับว่าข้อมูลที่เพิ่มขึ้นขนาดนี้ พัฒนาการปั่นท่านได้ยังไงบ้าง (เผื่อผมอัพเกรดในอนาคต)

By: twometre
WriterAndroidWindows
on 28 December 2015 - 12:33 #871534 Reply to:871527
twometre's picture

อุปกรณ์ประมาณนี้ช่วยดูฮาร์ทเรทได้, แชร์ค่าขึ้นโซเชียลได้, เอาข้อมูลมาพล็อตกราฟกำลังตัวเองที่ผ่านมาได้ วัดความชันเส้นทางที่ปั่นมา ไม่ต้องตามดูตามจดเอง จริงๆ มันทำอะไรได้เยอะกว่านี้มากครับ ยิ่งสายนักกีฬา สายซ้อมหนักๆ วัดวัตต์ น่าจะยิ่งคุ้มค่า ถ้าคิดว่า Garmin เยอะไป ลองดู Bontrager Node อะครับ ตัวเล็กกว่า รองรับ ANT+ ใช้วัดหัวใจได้เหมือนกัน

ซึ่งแอพในมือถือพวก Strava, Endomondo จริงๆ ก็ทำได้แหละ แต่มันไม่ค่อยเที่ยงในความเห็นผมครับ เครื่องร้อนและแบตหมดไว ส่วนตัวผมปั่นจักรยานมาสองปี ก็ลดได้ประมาณ 10kg ครับ (105->95)

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 28 December 2015 - 16:09 #871581 Reply to:871527
hisoft's picture

ก็นะครับ

ผมเลือก Garmin ด้วยเหตุผลที่สนองตัณหาล้วนๆ ครับ
- มันเก็บข้อมูลได้ และเก็บแบบ sync อัตโนมัติกับคอมด้วย แค่คอยเสียบชาร์จไฟกับคอมเรื่อยๆ ก็ sync เอง
- ถ้ารุ่นมี Bluetooth แบบ Edge 810 ปั่นเสร็จก็ auto upload ผ่านโทรศัพท์เลย (ถ้ามีโทรศัพท์อยู่) เสียบชาร์จกับอะไรก็ได้เพราะมัน sync แล้ว
- พอมัน sync แล้วจะมาดูประวัติเมื่อไหร่ก็ได้ ช่วงขึ้นเขา ความชันเท่านี้ๆ เราทำความเร็วได้เท่านี้นะ ช่วงทางเรียบ ฯลฯ ยิ่งมีวัตต์มิเตอร์ด้วยยิ่งรู้เยอะครับ เพราะมันตอบสนองต่อแรงทุกแบบรวมถึงแรงที่วัดไม่ได้อย่างแรงลมด้วย เราดูว่าเราใช้วัตต์เท่าไหร่ไปเรื่อยๆ ก็จะคงแรงเพื่อให้จบเส้นทางสบายๆ ได้ เพราะดูความเร็วอย่างเดียวไม่สามารถบอกได้ว่าวันไหนต้องใช้แรงเยอะกว่าปกติ หรือหัวใจที่ขึ้นกับสภาพร่างกายวันนั้นๆ ด้วย
- Garmin Connect (cloud service ของ Garmin) มันจะส่งต่อให้ Strava แบบอัตโนมัติได้ด้วยครับ ซึ่งมันจะจับว่าเส้นที่เราปั่นมาเนี่ย ผ่านจุดไหนที่เป็น segment ที่มีคนสร้างไว้หรือเปล่า แล้วจัดอันดับว่าเราอยู่ลำดับที่เท่าไหร่จากกี่คน ใครทำเวลาได้เท่าไหร่ใน segment นั้นบ้าง ความเร็วเฉลี่ยเท่าไหร่ ก็สนุกไปอีกแบบครับ
- มีบางเว็บดึง Strava ไปใช้ต่ออีกทอด แบบเว็บนี้ที่สรุปข้อมูลประจำปีให้

ว้า ปีนี้ปั่นน้อยจริงๆ นึกถึงสมัยปั่นเดือนละ 1 Megameter นิ (ใครเค้าให้ใช้หน่วยนี้ :p )

Posted by Ittipol Thirasat on Sunday, December 27, 2015

แต่โดยสรุปคือผมใช้เพื่อสนองตัณหาตัวเองล้วนๆ ครับ ไม่ได้เพื่อพัฒนาตัวเองเลย 5555

By: twometre
WriterAndroidWindows
on 28 December 2015 - 16:46 #871583 Reply to:871581
twometre's picture

กิเลส สร้างแรงจูงใจครับ (ผมก็เช่นกัน)

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 28 December 2015 - 23:02 #871623 Reply to:871583
hisoft's picture

เรื่องแรงจูงใจไม่ค่อยมีผลกับผมเท่าไหร่ครับเพราะผมแทบจะไม่ได้ออกไปปั่นเพื่อซ้อมอะไรเลย ปีๆ นึงน่าจะไม่ถึงห้าครั้ง ปกติผมปั่นเดินทาง ไปทำงาน ไปเรียน อะไรพวกนี้แค่นั้นครับ

เพิ่มเติมอีกนิดครับ Strava นี่ถ้าไปปั่นตามงานหรือสถานที่ที่คนปั่นเส้นทางเดียวกันหลายคน มันจะรวมกันไว้ให้ด้วยนะครับ แล้วกดเล่นได้ว่าเราปั่นไปทางนี้ๆๆ แล้วคนอื่นเค้าถึงที่ไหนกันแล้ว สร้างแรงจูงใจและสนุกดีครับ แบบที่ผมไป Tour de Farm 5 มาปีนี้ก็ได้ตัวนี้มาด้วย => http://labs.strava.com/flyby/viewer/#449215767?c=7zzzzzzz&z=4&t=1MRBnU

อ้อ Tour de Farm 3 ก็มีครับ นี่ => http://labs.strava.com/flyby/viewer/#450484960?c=7zzzzzzz&z=4&t=1IhGbD

ตอน Tour de Farm 2 ใช้ไมล์มีสายธรรมดาครับ บันทึกไม่ได้ Tour de Farm 1 ไม่ทันรู้จักงานนี้ ส่วน Tour de Farm 4s โดนรถชนก่อนงานแค่ไม่กี่วันครับ orz