มันเหมือนกันไหมครับ...
บ้านเราใช้แค่จัดการกันเอง จัดการคนเห็นต่าง
และหน่วยงานที่จะมาดูแลตรวจสอบ ถูกกำกับด้วยประชาชนไหม
พอระเบิดพระพรม ออกมาเลยกลุ่มอำนาจเก่า จำเริญๆ เถิด
แค่จะไปดูอุทยาน ยังดิ้นโหนกันอยู่เลย

เอ้อ อันนี้คนบ้านเขาเอง (ที่มีคนเสียชีวิต) เขาก็มีการโต้แย้งกันนะครับ อย่างอันนี้ร่างเป็นร่างหลุด ข่าวเลยโพล่งออกมา ความเห็นยังไม่เยอะ อย่าง Power Bill ของอังกฤษหาอ่านความเห็นได้ตามหนังสือพิมพ์ทั่วไปเยอะเลย

บ้านเราต้องทำอย่างอเมริกาครับ

ไม่บอก ไม่พูด ไม่ประกาศ แต่ดักมันหมด

บ้านเรา ถ้าจะปิดคงไม่ได้สนใจชีวิตประชาชนนะครับ น่าจะเกี่ยวกับความมันคงของใครคนนึงคนนั้น

แนวๆ เกาหลีเหนือ จีนมากกว่า

ถ้าหากเป็นภัยก่อการร้ายผมว่าคนไทยเข้าใจกันได้ครับ

ผู้รักในเสรีภาพชาวไทยนี่น้องๆไปเลยถ้าเทียบกับพวกต่างชาติที่เรียกร้องกัน

ไม่เห็นด้วยครับ เพราะการทำแบบนี้กันการต่อการร้ายไม่ใด้ เพราะผมสามารถ post รูปที่ดูปลอดภัยในทะเล instagram แต่จริงๆ มีความหมายอื่น .. เพียงแค่นัดกันก่อนใด้

ถ้าไม่อยากให้มีระเบิด อย่างน้อยๆ ต้อง ban นาฬิกา (& pulse generator ทุกชนิด), microcontroller เกือบทั้งหมด, เครื่องรับส่งวิทยุ, มือถือ, ir recever (รวมถึงรีโหมดทีวีและรีโหมดอื่นๆ), motion sensor switch (สวิชไฟพวกที่ตรวจการเคลื่อนใหวแล้วเปิดไฟ), light sensor, hall effect sensor, ลวดบางๆที่มองเห็นใด้ยาก อาจต้องแบนที่ช่อนของอย่างกระเป๋าหรือช่องเก็บของในรถรวมถึงอาจต้องเปลี่ยนถังขยะทั้งประเทศให้เป็นแบบใส ... แต่แค่นั้นก็อาจจะยังไม่พออยู่ดี

ถ้าผู้ก่อการร้ายใช้โรงแรมในปารีส เราก็ควรปิดโรงแรมทั้งหมดในปารีส เพราะว่าผกกสามารถใช้โรงแรมไหนก็ได้ ?

ISIS created a world so chaotic that humanity is finally ready to sacrifice its freedom to gain its security.
- Arnim Zola

Mili**** gangsta ด้วยนะครับ แหม่

ผ่านไม่ผ่านก็เป็นแบบนี้มาตลอดแหละครับ เอาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาเป็นข้อแม้เพื่อหาอำนาจเพิ่มเติมแล้วชี้นิ้วโทษคนอื่น

nsa ดักข้อมูลเป็นวงกว้างก็เริ่มจาก 911 แล้วก็ไม่ช่วยอะไร เพราะจมข้อมูล

เสรีภาพกับความมั่นคงเป็นของที่ต้องสู้กันมาตลอดครับ ช่วงที่ประชาชนรู้สึกไม่ปลอดภัยก็อยากได้ความมั่นคงมากกว่า ถ้าฝรั่งเศสจะผ่านกฎหมายไปทางนั้นก็เป็นเรื่องเข้าใจได้

ส่วนประเด็นว่ามาตรการพวกนี้มีประสิทธิภาพแค่ไหน จำเป็นแค่ไหน เพื่อความมั่นคงของใคร ก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องถกเถียงกัน

พื้นฐาณของสิ่งมีชีวิตคือการอยู่รอด เป็นเลเยอร์ล่างสุด
พื้นฐาณของประเทศชาติ คืออธิปไตย และความอยู่รอด เป็นเลเยอร์ล่างสุด และสำคัญที่สุด

เมื่อเกิดดุลที่ต้องพิจารณาก็ต้องถามว่าอะไรสำคัญกว่า หน้าเค้ก หรือฐาณเค้ก

ประเทศก็เหมือน เรือลำนึงแล่นข้ามมหาสมุทร เจอคลื่นลมตลอดเวลา
วันนึงอาหารในเรือหมด ลูกเรืออยากได้เสรีภาพที่จะกิน 3 มื้อ
จนอาหารหมดเรือ ตายกันยกลำ นี่ก็เรียกว่าเสรีภาพเหมือนกัน

ต่อให้พรุ่งนี้ปิดเน็ตหมดทั้งประเทศ ผมก็มีอะไรทำอีกมากมาย
wifi มันก็แค่ 1 ใน 99999 อย่างของชีวิตคนเท่านั้น แต่อธิปไตยกับความมั่นคงมันแลกกันไม่ได้

ประเทศก็เหมือนสิ่งมีชีวิต ปรับตัวตามสภาพแวดล้อม เพื่อความอยู่รอด
มีเปิดมาก เปิดน้อย เพื่อประสงค์คืออยู่ให้รอด

สถานการณ์โลกในปัจจุบันมันปรกติเสียที่ใหน ถ้าหัดตามข่าวกันก้ดี
แต่พลเมืองไม่ค่อยสน สนแต่ ดารา ไอดอล เกม
ข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ สถานการณ์ปากี อินเดีย (เสิจคำว่า kali) เรือจีนแล่นผ่านแถวใหน
เหตุใดจีนต้องไปทำเกาะตรงนั้น usa บอกว่าจีนโลภ แต่โลภจริงหรือไม่ หรือจำเป็น ประเทศอื่นจะเอาไง
เวียดนามจะเอาไง สหรัฐไปให้ใครเกาะ ญี่ปุ่นก็เพิ่งจะแก้กฎการป้องกันประเทศ คนประท้วงเยอะแยะ แต่จำเป็นหรือไม่
บ่อน้ำมันโลก ตอนนี้ก็แย่งกันจะเป็นจะตาย พลังงานก็ใกล้หมด ต่อไปเอาไง

และทั้งหมด ไทยอยู่ตรงใหน จำเป็นต้องปรับตัวยังไง คิดเอา

ความฟุ้งเฟ้อแบบสุขนิยมทำให้พลเมืองลืม " ความอยู่รอด"
ไม่มีทั้งนั้น เสรีภาพ หรือเผด็จการ มีแค่ทางเลือกที่จะรอด

คนเราจิตใจแคบลงมั่งครับ หรืออาจจะเพราะพวก Troll เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ พวกนี้ชอบใช้ช่องว่างของ freedom ไปก่อกวนคนอื่น จนสุดท้ายคนคิดว่า freedom มันมากเกินไป

สถานะการ์ณโลกก็เช่นกัน ผมว่าความแค้นของชาวตะวันออกกลาง จู่ๆคงไม่คิดแค้นจากนิมิตในฝันหรอกนะ มันต้องเกิดมาจากความ Troll ของใครซักคนในอดีต

ตัวอย่างมีมากมายจริงๆในยุคนี้ ส่วนใหญ่เรื่องมาจากเหตุผลบ้าๆทั้งนั้น

ต้องนิยาม "สมัยนี้" ล่ะครับ ว่านับตอนไหน อย่าง Section 215 ที่เพิ่งยกเลิกไปนี่มีมาตั้งแต่ 9/11 ถ้าย้อนหลังไปจากนั้นเราคงได้เห็นการใช้กฎหมายในยุคสงครามเย็น สงครามโลก ฯลฯ

อันนี้ถ้าดูภาพรวมๆ ตามประวัติศาสตร์ ผมมองไม่ออกว่าสมัยก่อนดู "เสรี" มากกว่านี้ยังไงนะครับ

ย้อนไปไกลๆ นี่อย่าว่าเราพูดกันเรื่องเสรีภาพในการย้ายถิ่น ประกอบอาชีพ เลือกเจ้านาย เสรีภาพจากการเป็นทาส ฯลฯ