Verizon โอเปอเรเตอร์รายใหญ่ของสหรัฐ ประกาศเริ่มทดสอบเทคโนโลยี 5G ในปีหน้า 2016 โดยจะร่วมมือกับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์อย่าง Alcatel-Lucent, Cisco, Ericsson, Nokia, Qualcomm, Samsung วางแผนและเตรียมคณะทำงานเรื่องนี้แล้ว
Verizon จะลองสร้างโครงข่าย 5G แบบจำกัดพื้นที่ในสำนักงานของบริษัทเอง เพื่อทดสอบการใช้งานด้วยตัวเองก่อน และจะเริ่มทดสอบในพื้นที่จริงตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นไป
ผู้บริหารของ Verizon บอกว่าวงการโทรคมนาคมมองว่าเทคโนโลยี 5G จะเริ่มเปิดบริการในปี 2020 เป็นต้นไป แต่บริษัทมองว่าน่าจะเร็วกว่านั้น และพยายามเร่งการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้เข้าสู่ตลาดเร็วขึ้น คาดว่าเทคโนโลยี 5G น่าจะมีอัตราการส่งข้อมูลสูงกว่า LTE ถึง 50 เท่า และมีอัตรา latency ต่ำมากในระดับไม่กี่มิลลิวินาทีเท่านั้น
ที่มา - Verizon
Comments
เราเห็นจุดจบของยุค lte อยู่ตรงหน้า lte ที่เขาว่าเพียงพอในระยะยาว ในขณะที่บ้านเราเพิ่งจะมีใช้มันก็จะตกรุ่นแล้ว อ้อลืมไป กว่าบ้านเราจะมี 5g คงไม่น้อยกว่า 20 ปี
เพื่อขายโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ
บ้านเราที่เทคโนโลยีตามประเทศอื่นช้าเพราะว่า operator ไม่มีคลื่นครับ และที่สำคัญสัญญาสัมปทานก็ล็อคเอาไว้ด้วยว่าห้ามอัพเกรดเทคโนโลยี แต่เมื่อใดที่เราประมูลใบอนุญาตเยอะๆ และใบอนุญาตก็ไม่จำกัดเทคโนโลยีด้วย เราก็จะพัฒนาได้ตามไปพอๆกันกับประเทศอื่นๆ
"และที่สำคัญสัญญาสัมปทานก็ล็อคเอาไว้ด้วยว่าห้ามอัพเกรดเทคโนโลยี"
พอทราบเหตุผลไหมครับ ทำไมถึงห้ามอัพเกรดครับ
ผมคิดว่าตอนที่ร่างสัญญาสัมปทาน มันไม่มีเทคโนโลยีใหม่ๆก็เลยเขียนไว้ในเงื่อนไขสัญญาสัมปทานแบบนั้นครับ
มันเป็นการผิดเงื่อนไขสัญญาอะครับ ว่ากันตามเนื้อผ้าแล้วเราให้คุณไปทำอันนี้ ถ้าคุณไปทำอย่างอื่นมันก็ได้กำไรกว่า แต่กำไรมันไม่ได้ตกมายังรัฐที่ให้สัมปทานด้วย หรือถ้าให้แล้วไม่ทำตามที่สัญญาอาจมีผลกระทบกับผู้บริโภคได้ มันก็เป็นการเขียนแบบมองในแง่ร้ายครับ ซึ่งก็มีข้อดีข้อเสียอยู่
อันนี้ความเห็นส่วนตัวและไม่ได้ตั้งใจจะว่าใครนะ แต่ผมสังเกตเห็นได้จริงๆว่า 3G และสมาร์ทโฟนที่มีกล้องวิดีโอเปลี่ยนแปลงการข่าวในสังคมไปมาก ทุกคนเป็นหูเป็นตาได้ เรื่องเล็กๆกลายเป็นเรื่องใหญ่ง่ายขึ้น เช่นเด็กใช้แอพถ่ายภาพ UFO มาโพสก็เป็นข่าวได้ เรื่องที่เป็นกรณีอ่อนใหวอย่างกรณีสมัยที่ กปปส กับ นปช ยังตั้งประท้วงกันอยู่ ที่มีเหตุการณ์ใช้ระเบิดและปืนปะทะกับนักศึกษา ม.ราม ที่ถ้าเป็นเมื่อก่อนคนนอกก็จะถูกกันออก คนในจะติดต่อข้างนอกไม่ได้ แถมตอนนั้นตำรวจไม่รับแจ้งความ ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดเร็วกว่านี้แค่ปีเดียวตอนยังไม่มี 3G เรื่องคงถูกปิดเงียบสนิทไปแล้ว การควบคุมสื่อในเรื่องแบบนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป ส่วนเรื่องใหญ่จริงๆก็จะมีข่าวล้นหลามแบบไฟลามทุ่งมากขึ้น เหตุระเบิดราชประสงค์มีภาพวิดีโอแม้แต่ขณะเกิดเหตุการณ์เยอะมาก แม้ไม่ต้องนับหลังเหตุการณ์ แต่ปริมาณข่าวลือก็เยอะขึ้นเช่นกัน ผมจะไม่สรุปว่ามันดีหรือไม่ดีกับใครนะครับเพราะมันส่งผลหลายทางหลายแบบ แต่ความเห็นผมคือมันเห็นได้ชัดว่าการข่าวมันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
อะไรนะ จะเอาเข้าไทยปี 2017 ไทยจะได้ใช้ 5g ประเทศแรกของโลก