Tags:
Node Thumbnail

หากจะตอบคำถามข้างต้นว่าต้องเป็นคนที่เก่งพอจะเข้าไปทำงานวิจัยที่ MIT ก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะวันนี้โปรแกรมที่แก้บั๊กด้วยตนเองได้เกิดขึ้นจริงแล้วจากฝีมือนักวิจัยของสถาบันแห่งนี้

แนวทางที่เหล่าโปรแกรมเมอร์ที่ MIT ร่วมกันพัฒนา คือโปรแกรมที่พวกเขาเรียกว่า CodePhage มันคือซอฟต์แวร์ที่จะตรวจหาจุดผิดในโค้ดที่ถูกเขียนขึ้น แล้วไปหยิบยกเอาโค้ดบางส่วนของโปรแกรมอื่น (ซึ่งมีทั้งบรรดาโปรแกรมแบบ open source และโปรแกรมที่มีผู้บริจาคมาให้เพื่องานพัฒนานี้โดยเฉพาะ) มาทำการ "ซ่อมแซม" จุดผิดพลาดเหล่านั้น

Stelios Sidiroglou-Douskos หนึ่งในทีมวิจัยสร้าง CodePhage กล่าวว่าซอฟต์แวร์ของโครงการ open source ต่างๆ ที่มีโค้ดจำนวนมหาศาลนั้น มีโค้ดอยู่ไม่น้อยที่มีองค์ประกอบยิบย่อยบางส่วนที่ทำหน้าที่คล้ายคลึงกันอยู่ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการเขียนโค้ดใหม่ๆ และนำมาใช้แก้บั๊กได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการทดสอบใช้งาน CodePhage กับซอฟต์แวร์ open source ที่มีบั๊ก และพบว่ามันสามารถค้นพบและเริ่มการแก้ไขบั๊กดังกล่าวได้ทันที โดยใช้เวลาอยู่ในช่วง 2-10 นาทีต่อการแก้ไขบั๊กแต่ละจุด

เป้าหมายถัดไปของทีมวิจัยจาก MIT ก็คือย่นเวลาที่ CodePhage ใช้ในการตรวจสอบงานให้สั้นลง และปลายทางในฝันของงานพัฒนานี้ ก็คือช่วยลดภาระของโปรแกรมเมอร์ ด้วยการให้ CodePhage ช่วยเอาโค้ดจากซอฟต์แวร์ที่เคยมีคนเขียนไว้ก่อนแล้วมาปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน ซึ่งจะเหลืองานให้โปรแกรมเมอร์เพียงแค่การเขียนโค้ดใหม่ที่ยังไม่เคยมีคนเขียนเท่านั้น

ที่มา - SDTimes

Get latest news from Blognone

Comments

By: panurat2000
ContributorSymbianUbuntuIn Love
on 5 July 2015 - 23:43 #824846
panurat2000's picture

ก็คือย่นเวลาที่มี CodePhage ใช้ในการตรวจสอบงานให้สั้นลง

ที่มี CodePhage ใช้ => ที่ CodePhage ใช้

By: tontpong
Contributor
on 7 July 2015 - 15:13 #825392 Reply to:824846

เข้าใจว่าใช้แค่โค้ดจาก opensrc นะครับ.. อ่านย้อนไปที่โพสของ mit, ผมเข้าใจว่าเค้าเรียกคุ่ของโค้ดต้นทางกับปลายทางว่า donor/recipient (ล้อมาจากการผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ)

https://newsoffice.mit.edu/2015/automatic-code-bug-repair-0629

By: basz
Android
on 5 July 2015 - 23:48 #824848
basz's picture

ถ้ามันพัฒนาตัวเองใวขึ้นจนหยุดไม่ได้ขึ้นมา ถ้ามันต้องการสร้างความสมบูรณ์แบบที่สุดแล้วคนพบว่ามนุษย์คือที่สุดของความไม่สมบูรณ์แบบ แล้ว...... ไปดูหนังดีกว่า

By: eol
Android
on 5 July 2015 - 23:51 #824851
eol's picture

เจ๋งมาก!!!

By: itpcc
ContributoriPhoneRed HatUbuntu
on 5 July 2015 - 23:56 #824852
itpcc's picture

เดี๋ยวนี้ BigData กลายเป็นส่วนสำคัญของโปรเจ็กโหดๆ ไปแล้ว ตัวนี้ก็ด้วย ต่อไปโลกก็คงได้กลับไปยุค terminal แน่เลย


บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P

By: mr_tawan
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 6 July 2015 - 00:04 #824855
mr_tawan's picture

ดีนะไม่ตั้งชื่อโปรเจคว่า Genisys :)


  • 9tawan.net บล็อกส่วนตัวฮับ
By: Aoun
AndroidWindows
on 6 July 2015 - 06:42 #824890 Reply to:824855

ของผมนี่ Skynet ลอยมาเลย

By: jaideejung007
ContributorWindows PhoneWindows
on 6 July 2015 - 08:25 #824902 Reply to:824855
jaideejung007's picture

อย่าเปล่อยให้มันนับถอยหลัง

By: Matibul
UbuntuWindows
on 6 July 2015 - 15:33 #825084 Reply to:824855

"ไม่ว่าใคร ก็พัฒนาได้อีก" Ultron

By: AdmOd
iPhoneWindows
on 6 July 2015 - 00:27 #824857

"ซึ่งจะเหลืองานให้โปรแกรมเมอร์เพียงแค่การเขียนโค้ดใหม่ที่ยังไม่เคยมีคนเขียนเท่านั้น"

....

By: readonly
iPhone
on 6 July 2015 - 04:26 #824879 Reply to:824857
readonly's picture

ตกงานสิครับ

By: waroonh
Windows
on 6 July 2015 - 08:09 #824898 Reply to:824857

เจอ user ไทยเข้าไป
เดี๋ยวก็จ๋อยเองแหละฮะ

By: Sephanov
iPhoneUbuntu
on 6 July 2015 - 00:30 #824858
Sephanov's picture

นึกถึงกระบวนการถ่ายแบบ DNA ที่มี DNA polymerase I คอยตรวจสอบระหว่างการถ่ายแบบ แถมมีซ่อมให้ด้วยแน๊~

By: Psykocinezys
AndroidWindows
on 6 July 2015 - 01:14 #824866
Psykocinezys's picture

ผมว่าแก้หัวข่าวหน่อยก็ดีนะครับ พาดหัวยังกะ Click bait

By: makeithard
iPhoneAndroid
on 6 July 2015 - 02:41 #824876 Reply to:824866

หัวข้อข่าวแบบนี้ชวนให้ไม่คลิกเข้ามาอ่านที่สุดสำหรับผม ดีนะที่ Blognone มีเนื้อข่าวโชว์ก่อนคลิกเข้าไปอ่านด้วย

By: Persuader
iPhoneWindows PhoneAndroidBlackberry
on 6 July 2015 - 11:33 #824993 Reply to:824876
Persuader's picture

แต่เวลาเอาลิงค์ไปแชร์ในเฟสบุ๊กนี่ดูเหมือน clickbait สุด ๆ เลยครับเพราะไม่เห็นเนื้อหา

By: tgst
ContributoriPhoneWindows PhoneWindows
on 6 July 2015 - 06:12 #824882 Reply to:824866
tgst's picture

หัวข่าวนี่เอาไปแปะเพจ #จบข่าว ได้เลย

By: errin on 6 July 2015 - 08:17 #824900 Reply to:824866

ผมว่าเหมือนพันทิป

By: darthvader
Windows PhoneWindows
on 6 July 2015 - 04:32 #824880
darthvader's picture

Skynet.. / มัน​คงจะเป็​น​เรื่อง​ยากของโปรแกรม​เมอร์​เจ้าของโปรแกรม​ไปเลยถ้าเอา​ code คนอื่นมาปะเข้าใน​ code​ เรา​ อีกอย่างอาจทำให้เราเสียประสบการณ์​ในการแก้ปัญหา​ bug ต่างๆ

By: nununu
Windows Phone
on 6 July 2015 - 06:14 #824883

ทีนี้จะหา bug ก็จะเป็น bug ที่ไม่เคยพบไม่เคยเจอมาก่อนเลย

By: hus
In Love
on 6 July 2015 - 06:43 #824891

เป็นอีกแนวคิดนึงที่มีโอกาสใช้จริงได้ยาก เพราะโปรแกรมมิ่งไม่ใช่แต่ศาสตร์แต่เป็นศิลป์ด้วย
อาจจะประยุกต์ใช้ในงานที่ไม่ค่อยมีความซับซ้อน

By: cmmadnat
iPhoneUbuntuWindows
on 6 July 2015 - 07:32 #824895

ถ้าแอพนี้มันเกิดบั๊กเสียเอง ใครจะรู้ว่ามันจะแอบแก้บั๊กเราจนโค้ดไปตกส่วนไหนของดาวอังคารแล้วละเนี่ย น่าหวั่นใจจริงๆ

By: semicolonth
ContributoriPhoneAndroidRed Hat
on 6 July 2015 - 08:12 #824899
semicolonth's picture

ใกล้ถึงเวลาแล้วสินะ


blog.semicolon.in.th

By: 100dej
AndroidWindows
on 6 July 2015 - 08:52 #824910

เขียน code ไม่สวยนี่ถือเป็น bug ด้วยหรือเปล่า?

อยากรู้คำจำกัดความของคำว่า bug ที่ program ตัวนี้เห็นว่าเป็น bug จัง

By: Tg on 6 July 2015 - 08:57 #824911 Reply to:824910

ถ้าแก้เรื่องไม่สวยมันก็มีแล้วนี่ครับ พวก linter ทั้งหลาย

ผมว่าอันนี้ไม่น่าจะแก้เรื่องพวกนั้นนะ (ยังไม่ได้อ่าน) 

By: spiritstorm
iPhoneAndroidWindows
on 6 July 2015 - 09:41 #824927 Reply to:824910
spiritstorm's picture

ผมว่าคอมพิวเตอร์มันดูไม่ออกหรือครับว่าเขียนโค้ดแบบไหนสวยไม่สวย

By: madmod on 6 July 2015 - 10:48 #824974 Reply to:824910

ไปเขียน python จะได้สวยครับ มันดูออก อิอิ

By: zipper
ContributorAndroid
on 6 July 2015 - 11:02 #824979 Reply to:824910

ถ้าในมุมมองผม ตัวโปรแกรมน่าจะพิจารณาตรง performance มากกว่าว่าเขียนแบบนี้กับเขียนแบบนั้นแบบไหนจะได้ performance ดีกว่ากัน เพราะยังไงๆ ตัวโปรแกรมก็เป็นตัวเช็คโค้ดเองอยู่แล้ว

By: inkirby
ContributoriPhoneAndroidIn Love
on 6 July 2015 - 09:01 #824914
inkirby's picture

ถ้า​โปรแกรม​แก้​บั๊ก​มัน​บั๊ก​ซะ​เอง​แล้ว​ตรง​ที่​มัน​ไม่​บั๊ก​จะ​บั๊ก​มั้ย​ครับ?


Dream high, work hard.

By: Nate River
UbuntuWindows
on 6 July 2015 - 09:37 #824926 Reply to:824914
Nate River's picture

bugception มากครับ

By: NiNeMarK
AndroidWindows
on 6 July 2015 - 09:42 #824929

ถ้าเก่งขนาดนั้น ก็ต้องไม่มีบักดิ สูตรคำนวนผิดจะวิเคราะห์ว่ามันเป็นบักด้วยรึป่าว

By: gingtalk
Windows PhoneAndroidWindows
on 6 July 2015 - 09:50 #824934
gingtalk's picture

งัยก็ใส่ backdoor ใว้ด้วยละกัน

By: I3assy on 6 July 2015 - 10:02 #824941
I3assy's picture

เป็น function หนึ่งในหัว AI !!!

By: mossila
iPhoneWindows PhoneAndroidBlackberry
on 6 July 2015 - 10:33 #824966
mossila's picture

ถ้าโปรแกรมนี้มี bug แล้วมันแก้ bug ให้โปรแกรมนี้ bug ที่มันแก้ bug ที่มี bug มันจะมี bug หรือไม่มี bug

By: comdevx
AndroidUbuntu
on 6 July 2015 - 12:07 #825005
comdevx's picture

SAO cadinal ลอยมาเลย อิอิ

By: akira on 6 July 2015 - 13:13 #825022

แล้วถ้า Code ต้นทางมี Bug มันจะ patch ให้ด้วยไหมเนี่ย

By: watch99
AndroidRed HatUbuntu
on 6 July 2015 - 16:02 #825045
watch99's picture

โปรแกรมเมอร์ รุ่นหลังจะโง่ขึ้นมาอีกขั้นไหมน่ะ ( หรือว่าผมคิดไปเอง )

By: PathSNW
iPhoneAndroidSymbianWindows
on 6 July 2015 - 16:56 #825103
PathSNW's picture

เห็นพาดหัวครั้งแรกนึกว่าจะเขียนโปรแกรมบอกมันว่าแอพนี้มีหน้าที่อะไรบ้าง ถ้าอยู่ ๆ มันทำผิดหน้าที่หรือผิดขั้นตอนอะไรที่ตั้งไว้มันจะแก้ไขด้วยตัวมันเอง แก้ไขบัคด้วยตนเองไม่ได้หมายถึงแก้บัคตัวเองสินะ

By: maoIndie
Ubuntu
on 6 July 2015 - 17:23 #825116 Reply to:825103
maoIndie's picture

ผมอ่านหัวข่าวผมก็คิดเหมือนคุณนะ นึกว่าแก้บั๊กตัวเองตามฟีเจอร์ที่เรากำหนด ซึ่งมันโคตรเจ๋งเลย ไม่ต้องเขียนโปรแกรม บอกแค่ความต้องการพอ