Tags:
Node Thumbnail

บทความนี้เป็นตอนสุดท้ายในชุด "พาเที่ยวซิลิคอนวัลเลย์" ครับ คราวนี้เป็นคิวของอินเทล บริษัทที่ร่วมก่อร่างสร้างตัวมาอย่างยาวนาน พร้อมกับซิลิคอนวัลเลย์และอุตสาหกรรมไอทีของสหรัฐ (อีกบริษัทที่มีสถานะคล้ายๆ กันคือเอชพี)

สำนักงานใหญ่ของอินเทลอยู่ในเมืองซานตาคลารา (Santa Clara) ใต้ลงมาจากสำนักงานใหญ่ของแอปเปิลอีกหน่อย และอยู่ใกล้กับเมืองซานโฮเซ (San Jose) ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในเขตเบย์แอเรีย (Bay Area)

การเข้าชมบริษัทไอทีอื่นๆ ที่เคยเขียนไปแล้วจำเป็นต้องอาศัยพนักงานช่วยพาเข้า แต่กรณีของอินเทลนั้นกลับกัน เพราะสำนักงานใหญ่ของอินเทลมีพิพิธภัณฑ์ Intel Museum เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวเลย ถือเป็นบริษัทที่ต้อนรับผู้มาเยี่ยมชมมากที่สุดเท่าที่ได้ไปสัมผัสมา

alt="Intel Museum"

สำนักงานใหญ่ของอินเทลประกอบด้วยอาคารหลายหลัง มีพื้นที่กว้างพอสมควร ส่วนของพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ที่ชั้นหนึ่งของอาคาร Robert E. Noyce Building (แผนที่ Google Maps) สามารถเข้าชมได้ฟรีเลย ป้ายทางเข้าสำนักงานดังภาพครับ

alt="Intel Museum"

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะบอกเล่าประวัติความเป็นมาของอินเทล นับตั้งแต่ก่อตั้งใน ค.ศ. 1968 แต่จริงๆ แล้วตำนานของอินเทลเริ่มก่อนหน้านั้นหลายปี

ประวัติความเป็นมาของอินเทล - จาก Shockley สู่ Fairchild และ Intel

ประวัติแบบสั้นๆ คือเริ่มจาก William Shockley นักฟิสิกส์ผู้คิดค้นทรานซิสเตอร์ ก่อตั้งบริษัท Shockley Semiconductor Laboratory ใน ค.ศ. 1956 โดยดึงนักศึกษาปริญญาเอกของเขามาร่วมงานด้วย แต่เมื่อทำงานไปสักพัก นักศึกษากลุ่มหนึ่งกลับมีปัญหาในสไตล์การทำงานของ Shockley จนลาออกมาเปิดบริษัทเองในชื่อว่า Fairchild Semiconductor (ตามชื่อของนักลงทุน Sherman Fairchild) ในปีถัดมา

นักศึกษากลุ่มนี้มีทั้งหมด 8 คน และถูกขนานนามว่า "ผู้ทรยศทั้งแปด" (Traitorous Eight) ได้แก่ Julius Blank, Victor Grinich, Jean Hoerni, Eugene Kleiner, Jay Last, Gordon Moore, Robert Noyce, Sheldon Roberts

จากภาพ Gordon Moore นั่งซ้ายสุด ส่วนคนตรงกลางที่เด่นที่สุดคือ Robert Noyce

No Description

Shockley Semiconductor Laboratory ไม่สามารถฟื้นตัวจากการสูญเสียยอดฝีมือ จนต้องขายกิจการในปี 1960 แต่ฝั่งของ Fairchild กลับดีวันดีคืนจนกลายเป็นผู้นำของโลกเซมิคอนดักเตอร์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง คนในกลุ่ม Traitorous Eight ก็แตกกระจายไปคนละทาง โดยแกนนำกลุ่มสองคนคือ Gordon Moore กับ Robert Noyce ออกมาก่อตั้งบริษัทใหม่ชื่อ NM Electronics (ตามตัวย่อของนามสกุล) ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น Intel ซึ่งย่อมาจาก Integrated Electronics

Eugene Kleiner สมาชิกอีกคนของกลุ่มแปดทรยศ ผันตัวไปเป็นนักลงทุน และก่อตั้งบริษัท Kleiner Perkins Caufield Byers (KPCB) บริษัทลงทุนในตำนานอีกแห่งหนึ่งของซิลิคอนวัลเลย์

หมายเหตุ: Fairchild Semiconductor เป็นต้นกำเนิดของบริษัทเซมิคอนดักเตอร์มากมาย รวมถึง AMD ที่เกิดจากพนักงานอีกกลุ่มหนึ่งของ Fairchild แยกตัวมาในภายหลังด้วย

alt="Intel Museum"

alt="Intel Museum"

Gordon Moore และ Robert Noyce ถือเป็นสองผู้ก่อตั้งอินเทล แต่จริงๆ แล้วคีย์แมนคนสำคัญอีกคนของอินเทลคือ Andrew Grove อดีตพนักงานของ Fairchild ที่มาย้ายร่วมงานกับอินเทลตั้งแต่วันแรกที่เปิดทำการ (เขาไม่ได้สถานะผู้ก่อตั้ง) ซึ่งภายหลัง Grove ก็ขึ้นเป็นซีอีโอของอินเทลอยู่นานหลายปี และมีบทบาทสำคัญในการพาอินเทลสู่ยุครุ่งโรจน์ในช่วงทศวรรษ 90s

alt="Intel Museum"

Gordon Moore

เมื่อพูดถึงผู้ก่อตั้งอินเทล คนส่วนใหญ่มักนึกถึง Gordon Moore เนื่องจากความดังของ "กฎของมัวร์" (Moore's Law) ที่กำหนดกรอบอัตราการเติบโตของโลกเซมิคอนดักเตอร์มานานหลายทศวรรษ

alt="Intel Museum"

alt="Intel Museum"

Robert Noyce

แต่เอาเข้าจริงแล้ว Moore มีบทบาทในฐานะนักคิด-นักวิทยาศาสตร์เสียมาก ส่วนแกนหลักตัวจริงของอินเทลในยุคตั้งต้น (และผู้นำของกลุ่มแปดทรยศ) คือ Robert Noyce

พิพิธภัณฑ์อินเทลแห่งนี้จึงมีเรื่องของ Noyce เยอะเป็นพิเศษ (เขาเสียชีวิตตั้งแต่ปี 1990 ส่วน Moore ยังอยู่นะครับ)

alt="Intel Museum"

alt="Intel Museum"

ภาพถ่ายในปี 1953 สมัยที่ทุกคนยังดีกัน รูปข้างล่างเป็นงานฉลองให้กับ William Shockley (คนที่นั่งด้านขวาสุด) ได้รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ ส่วน Noyce ที่ตอนนั้นเป็นนักศึกษาปริญญาเอก คือคนที่ยืนตรงกลาง ถือแก้วไวน์

alt="Intel Museum"

นามบัตรของ Noyce สมัยอยู่ Fairchild

alt="Intel Museum"

ตอนก่อตั้ง Fairchild Semiconductor ผู้ก่อตั้งทั้งแปดคนต้องลงเงินกันคนละ 500 ดอลลาร์ ตอนนั้น Noyce ไม่มีเงินก้อน เลยต้องเขียนจดหมายไปขอให้ครอบครัวของเขาช่วยสนับสนุนเงิน ซึ่งเขาก็สามารถจ่ายคืนได้ทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยในเวลาไม่นาน

alt="Intel Museum"

ลูกค้ารายแรกของ Fairchild คือ IBM โดยขายทรานซิสเตอร์ตัวละ 150 ดอลลาร์จำนวน 10 ตัว เช็คฉบับแรกที่ IBM จ่ายให้ก็ยังเก็บรักษาไว้ดังภาพ

alt="Intel Museum"

บัตรพนักงานและนามบัตรภาคภาษาญี่ปุ่นของ Noyce

alt="Intel Museum"

ย้อนรอยสินค้าอินเทล

หมดช่วงประวัติศาสตร์อินเทลแล้ว คราวนี้มาดูของที่โชว์ในพิพิธภัณฑ์กันดีกว่าครับ ใครทำสายฮาร์ดแวร์มาดูคงซาบซึ้งน้ำตาไหลแน่นอน

อินเทลยุคแรกๆ ทำธุรกิจชิปหน่วยความจำเป็นหลัก ก่อนจะผันตัวมาทำหน่วยประมวลผลในภายหลัง ชิปหน่วยความจำยุคแรกๆ อย่าง 3101 ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นแรกสุดของอินเทลด้วย

alt="Intel Museum"

3101 เป็นแรมที่วางขายในปี 1969

alt="Intel Museum"

ฝั่งของ EPROM ก็มีของจริงให้ดูกัน

alt="Intel Museum"

alt="Intel Museum"

ฝั่งของหน่วยประมวลผลก็เริ่มจากตัวในตำนาน (บนบอร์ดยังเขียนว่า legend เลย) คือ Intel 4004 ในปี 1971

alt="Intel Museum"

ภาพขยายของชิป 4004 ให้เห็นเส้นวงจร

alt="Intel Museum"

4004 เป็นตำนานจริงๆ มีการแสดงเลเยอร์ของ 4004 โดยวาดเส้นบนกระจก ซ้อนกันหลายๆ ชั้นไว้ให้ดูด้วย

alt="Intel Museum"

ไมโครคอนโทรลเลอร์ 8784 และ 8048

alt="Intel Museum"

แผงเวเฟอร์ของ 8748/8048 ใครไม่เคยเห็นของจริง ก่อนตัดเป็นแผ่นเล็กๆ หน้าตามันเป็นแผ่นกลมๆ แบบนี้ครับ

alt="Intel Museum"

8080 ซึ่งถือเป็น general-purpose microprocessor ตัวแรก ออกปี 1974

alt="Intel Museum"

ช่วงนี้กำลังฮิตสมาร์ทวอทช์กัน รู้หรือไม่ว่าอินเทลทำมาก่อนตั้งแต่ปี 1972

alt="Intel Museum"

alt="Intel Museum"

Intel 286

alt="Intel Museum"

Intel 386

alt="Intel Museum"

ไล่ยุคกันมาเรื่อยๆ ครับ Intel 486

alt="Intel Museum"

ในขณะที่โลกเฝ้ารอ Intel 586 อินเทลก็ช็อควงการโดยเปลี่ยนชื่อมันเป็น Pentium ซะงั้น (สอดคล้องกับยุคที่พีซีเริ่มเข้าสู่ตลาดแมส ต้องมีชื่อการค้าเรียกง่ายๆ)

alt="Intel Museum"

Pentium Pro และ MMX ชุดคำสั่งมัลติมีเดีย

alt="Intel Museum"

Pentium II ตัวใหญ่สะใจมาก (ตัวนี้เป็น Xeon)

alt="Intel Museum"

Pentium III ยังใช้หน้าตาแบบตลับเกม

alt="Intel Museum"

Pentium 4 เปลี่ยนมาใช้อินเทอร์เฟซแบบซ็อคเก็ตเหมือนเดิม เลิกใช้แบบสล็อต เริ่มมีเทคโนโลยี Hyper-Threading (HT) เข้ามา

alt="Intel Museum"

นอกจากหน่วยประมวลผลแล้ว ในช่วงเดียวกันอินเทลก็ยังเข้ามาผลักดันชิปไร้สาย เทคโนโลยี Wi-Fi ในชื่อแบรนด์ Centrino

alt="Intel Museum"

หน่วยประมวลผลสำหรับอุปกรณ์พกพา (ในสมัยนั้นแปลว่าโน้ตบุ๊ก) ก็แตกมาเป็นแบรนด์ Pentium M

alt="Intel Museum"

ระยะต่อมาก็เป็นยุคของ Core ที่มีทั้ง Core เฉยๆ และ Core 2

alt="Intel Museum"

ปี 2008 เป็นยุคของ Core i7 และในอีกทางก็หันไปลุยตลาดชิปขนาดเล็กในแบรนด์ใหม่ Atom

alt="Intel Museum"

Core i5

alt="Intel Museum"

นอกจากประวัติของชิปแล้ว ยังมีของอื่นๆ ให้ดูอีก ที่น่าสนใจคือสติ๊กเกอร์ Intel Inside ที่แปะมากับซีพียูที่แยกขายเป็นกล่องหรือโน้ตบุ๊ก มีให้ดูกันเยอะมาก

alt="Intel Museum"

alt="Intel Museum"

alt="Intel Museum"

ขั้นตอนการทำซิลิคอนครับ เริ่มจากหลอมให้เป็นโลหะทรงกระบอกแบบที่เห็น แล้วค่อยตัดเป็นแผ่น

alt="Intel Museum"

alt="Intel Museum"

กระบวนการทำชิปในขั้นตอนต่างๆ

alt="Intel Museum"

หน้าตาของแผ่นเวเฟอร์ในยุคต่างๆ

alt="Intel Museum"

กระบวนการในโรงงานผลิตชิป ชุดสำหรับห้องคลีนรูมที่กลายเป็นมาสค็อต Bunny People ของอินเทลในอดีต

alt="Intel Museum"

คลิปโฆษณา Intel Bunny ในอดีต (ถ้ายังจำกันได้)

ร้านขายของที่ระลึก

นอกจากส่วนของพิพิธภัณฑ์แล้ว ยังมีร้านขายของที่ระลึกที่อยู่ติดกัน สำหรับให้แฟนพันธุ์แท้อินเทลมาซื้อของติดไม้ติดมือกลับบ้าน

สินค้าก็มีมากมายทั้งเสื้อ กระเป๋า ถุงผ้า

alt="Intel Museum"

หมวก แก้วน้ำ กระบอกน้ำ ร่ม เข็มกลัด

alt="Intel Museum"

เสื้อยืด เสื้อเชิ้ต เสื้อแจ็คเก็ต มีให้เลือกหลากหลาย

alt="Intel Museum"

อินเทลเพิ่งซื้อ McAfee มาก็เลยมีสินค้าแบรนด์ McAfee ขายด้วย

alt="Intel Museum"

ปิดท้าย

พิพิธภัณฑ์ Intel Museum ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงความรู้ดีที่มาก โดยเฉพาะคนที่สนใจประวัติของหน่วยประมวลผล ถ้ามีโอกาสแวะมาเยือนแถบ San Jose แล้วมีเวลามาเที่ยวชม ก็ไม่ควรพลาดครับ

Intel Museum เปิดทุกวันจันทร์-ศุกร์ (9:00-18:00) และเสาร์ (10:00-17:00) การเดินทางด้วยรถสาธารณะคงต้องหาข้อมูลกันเอง ส่วนตอนที่ผมไปใช้วิธีเช่ารถขับเอง แล้วไปตามพิกัดใน Google Maps ได้ไม่ยากครับ (ใครจะเช่ารถขับบ้าง ลองอ่านบทความที่เขียนไว้)

alt="Intel Museum"

Get latest news from Blognone

Comments

By: tanapon000 on 6 June 2015 - 18:35 #818156
tanapon000's picture

อ่านสนุกดี
อ่านจบ อยากรู้มากว่าสมัยเริ่มแรกเขาทำชิพกันยังไง สมัยที่ยังมีกัน8คนผลิตทรานซิสเตอร์จนกระทั่ง ทำเป็นชิพสำเร็จรูป เขาไปคิดค้นวิธีทำมาจากไหน

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 6 June 2015 - 18:55 #818160
hisoft's picture

ขั้นตอนการทำซิลิคอนครับ เริ่มจากหลอมให้เป็นโลหะทรงกระบอกแบบที่เห็น แล้วค่อยตัดเป็นแผ่น

ถ้าผมจำไม่ผิด ซิลิคอนไม่ใช่โลหะนี่ครับ

By: Kerberos
AndroidRed HatUbuntuWindows
on 6 June 2015 - 19:38 #818170 Reply to:818160
Kerberos's picture

ซิลิคอน เป็นธาตุกึ่งโลหะ (Metalloid) ครับ

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 6 June 2015 - 21:37 #818189 Reply to:818170
hisoft's picture

ใช่ครับ ผมนึกคำว่ากึ่งโลหะไม่ออก นึกออกแต่สารกึ่งตัวนำ แต่จำได้ว่ามันเป็นธาตุคงไม่ใช่สารกึ่งตัวนำ - -" ขอบคุณครับ

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 6 June 2015 - 18:56 #818161
hisoft's picture

ดีใจเลยครับ คิดว่าหมดช่วงพาเที่ยวไปแล้ว แถมเป็นที่สำคัญมากด้วย

ลูกค้ารายแรกของ Fairchild คือ IBM โดยขายทรานซิสเตอร์ตัวละ 150 ดอลลาร์จำนวน 10 ตัว เช็คฉบับแรกที่ IBM จ่ายให้ก็ยังเก็บรักษาไว้ดังภาพ

ตายละ ตอนนี้ CPU ตัวนึงมีทรานซิสเตอร์กี่ตัวนะครับ คูณ 150 ดอลลาร์เข้าไป #ช็อคตาย

คลิปโฆษณา Intel Bunny ในอดีต (ถ้ายังจำกันได้)

เพิ่งเคยเห็นเลยครับ 555

By: weareloso
AndroidRed HatSUSESymbian
on 6 June 2015 - 19:17 #818166

ขอบคุณมากเลยครับได้รู้อะไรหลายอย่างเลย

By: aunnop
iPhoneWindows PhoneAndroidSUSE
on 6 June 2015 - 19:44 #818172

สนุกมากครับ
น้ำตาจะไหล อยากรู้จริงๆตอนแรกเค้าคิดวิธีทำกันได้ยังไง

pentium xeon นี่คือต้นกำเนิดของ xeon ในปัจจุบันใช่รึปล่าวครับ?

By: BouncingBreasts
AndroidUbuntuWindows
on 6 June 2015 - 20:00 #818173
BouncingBreasts's picture

ผมก็นึกว่า Intel = Intelligence มาตั้งนมนาน

มีพิพิธภัณฑ์ AMD บ้างไหมครับ :P

By: Elysium
ContributorWindows PhoneSymbianWindows
on 6 June 2015 - 20:17 #818175
Elysium's picture

เข้าใจ (ไปเอง) ว่า Intel ย่อมาจาก Intelligence
#รู้สึกผิดมาก


คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ

By: at1987
ContributorAndroidWindows
on 6 June 2015 - 21:03 #818180
at1987's picture

เพิ่งได้ดูวิดีโอพาเที่ยวสนง.ของ Intel ไม่นาน ก็ได้มาดูพาเที่ยวแบบจริงจังที่ Blognone อีกที ทำให้อยากไปดูของจริงมากเลยครับ


My life and hobbies blog!

Technology and Gadget blog!

By: watana-design
ContributoriPhone
on 6 June 2015 - 21:34 #818188
watana-design's picture

ขอบคุณมากครับ ทำให้ต้องไปหาประวัติอ่านกันต่อเลยทีเดียว


รับทำเว็บไซต์ ออกแบบเว็บไซต์

By: Mekokung
ContributorAndroidWindows
on 6 June 2015 - 21:36 #818190
Mekokung's picture

ผู้ทรยศทั้งแปด ชอบชื่อนี้อ่ะ


Mekokung's Story บล็อกส่วนตัวที่ย้ายไป Blogger แล้วนะ

By: 9rockky
AndroidIn Love
on 6 June 2015 - 22:00 #818195

โลโก้ Fairchild เฟี้ยวมาก

By: TeamKiller
ContributoriPhone
on 6 June 2015 - 23:38 #818214
TeamKiller's picture

คอมเครื่องแรก จำได้ช่างเคยเปิดให้ดูข้างในเป็นตลับ แปลกดี ฮ่าๆ

By: PH41
ContributorAndroidUbuntuWindows
on 7 June 2015 - 15:37 #818279 Reply to:818214
PH41's picture

CPU ก็ต้องต่อผ่าน PCI
HDD ก็ต้องต่อผ่าน PCI
Floppy ก็ต้องต่อผ่าน PCI

By: Kittichok
Contributor
on 6 June 2015 - 23:49 #818219

ดูพวกฮาร์ดแวร์แล้วรู้สึกคุ้นเคยยังไงอยู่นะ อืม... :)

By: viroth
ContributorBlackberryIn Love
on 7 June 2015 - 01:26 #818232
viroth's picture

Pentium Pro หนักมากเกือบครึ่งโล

By: zerost
AndroidWindows
on 7 June 2015 - 04:34 #818236
zerost's picture

ประโยคปิดท้าย "เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงความรู้ดีที่มาก" >> "ที่ดีมาก" รึเปล่าครับ

By: Aphorist
AndroidUbuntuWindows
on 7 June 2015 - 12:11 #818258
Aphorist's picture

ไมโครคอนโทรลเลอร์ 8784 และ 8048

8748 มั้งครับ ....

By: secure on 8 June 2015 - 09:19 #818346

Pentium III ก็มี socket นาา แต่ไม่มีรูป

By: Hiroki-san
iPhoneWindows PhoneAndroidWindows
on 8 June 2015 - 10:16 #818356

แล้ว ARM มีเอี่ยวตำนานนี้ด้วยมั้ยครับ ขนาด AMD ยังแตกหน่อมาจากที่เดียวกัน

By: echo
Windows Phone
on 8 June 2015 - 12:10 #818369
echo's picture

แปดทรยศ ถ้าไม่ทรยศก้อคงไม่มีอินเทลในวันนี้สินะ เหอ ๆ

By: iammeng
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 8 June 2015 - 13:14 #818389
iammeng's picture

3101, EPROM, 8XXX
แทบจะลืมหมดละครับ คืนอาจารย์ไปหมดเบย T-T