Tags:
Topics: 
Node Thumbnail

Zappos เว็บอีคอมเมิร์ซขายรองเท้ารายใหญ่ (ปัจจุบันเป็นบริษัทลูกของ Amazon รายละเอียดอ่านใน รีวิวหนังสือ "ใช้ความสุขทำกำไร" เรื่องราวเบื้องหลังเว็บขายรองเท้า Zappos) ประกาศ "หักดิบ" ปรับองค์กรไปใช้โครงสร้างบริหารแบบใหม่ที่ไร้ซึ่งโครงสร้าง ไม่มีแบ่งฝ่ายความรับผิดชอบ และไม่มีตำแหน่งผู้จัดการ พนักงานทุกคนมีลำดับชั้นเท่ากัน (ยกเว้นซีอีโอที่ยังเหลือไว้ตัดสินความขัดแย้งภายในบริษัท)

ปรัชญาของ Zappos ต้องการเป็นองค์กรที่พนักงานทุกคนขับเคลื่อนงานได้เอง บริหารจัดการตัวเองได้ (self-organization, self-management) ก่อนหน้านี้บริษัทนำหลักการบริหารที่เรียกว่า Holacracy ที่มองกลุ่มงานเป็น circle แบบหลวมๆ และนำซอฟต์แวร์เข้ามาช่วยให้พนักงานรับรู้ความเป็นไปขององค์กร

No Description

อย่างไรก็ตาม Zappos บอกว่าพบปัญหาเมื่อนำหลัก Holacracy มาใช้กับโครงสร้างการบริหารแบบเดิม เพราะหลายจุดขัดกันเอง บริษัทจึงตัดสินใจเดินหน้าให้สุด ยกเลิกโครงสร้างองค์กรทั้งหมด เพื่อมุ่งสู่ความเป็น self-organization เต็มตัว

Tony Hsieh ซีอีโอของ Zappos ยอมรับว่าวิธีการทำงานแบบนี้ไม่เหมาะสำหรับทุกคน และพนักงานคนใดที่คิดว่าไม่พร้อมสำหรับการทำงานแบบนี้ก็สามารถยื่นใบลาออกได้ โดยบริษัทจะจ่ายเงินชดเชยให้เยอะเป็นพิเศษ แต่พนักงานจำเป็นต้องอ่านหนังสือหลักการบริหารชื่อ Reinventing Organizations ให้จบก่อนด้วย

ปัจจุบัน Zappos มีพนักงานราว 1,500 คน ถือเป็นบริษัทใหญ่ที่สุดที่นำหลัก Holacracy มาใช้งาน ใครสนใจวิชาการบริหารองค์กรแนวใหม่ๆ ก็สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดได้ตามลิงก์ที่มาครับ

ที่มา - Zappos via Business Insider

คลิปอธิบายหลักการ Holacracy

Get latest news from Blognone

Comments

By: devilblaze
iPhoneAndroidWindows
on 13 May 2015 - 19:25 #812541
devilblaze's picture

อ่านแล้วไม่เข้าใจ อ่านอีกทีก็ไม่เข้าใจ รอคนใจดีมาสรุปข้อดีข้อเสีย T_T

By: tumsd923
iPhoneWindows PhoneAndroidWindows
on 13 May 2015 - 19:45 #812548
tumsd923's picture

คือทุกคนสามารถทำหน้าที่เบื้องต้นแทนกันได้หมด ?

By: hostingdigg
Windows Phone
on 13 May 2015 - 20:00 #812555

น่าสนใจดีครับ เป็นการท้าทายโครงสร้าองค์กรธุรกิจแบบเก่า ที่เลียนแบบองค์กรทหาร ที่ในกองทัพที่มีผบ.ทบ.เป็นผู้นำ (องค์กรมี CEO เป็นผู้นำ) ต้องมีหมวด กองร้อย กองพัน กองพล (ในองค์กรมีผู้จัดการ ผู้อำนวยการ) ซึ่งจริงๆ มันก็ได้พิสูจน์มาเป็นร้อยๆ ปี แล้วว่าโครงสร้างองค์กรธุรกิจแบบทหารนี้..มันเวิร์ค เพราะปัจจุบันธุรกิจขนาดใหญ่ทั่วโลกใช้โครงสร้างนี้ ถ้าทำโครงสร้างให้มันแบนลง ส่วนหนึ่งก็หมายถึงพนักงานแต่ละคนต้องมีศักยภาพสูงมากพอสมควร ทั้งความรู้ ความสามารถ ความรับผิดชอบเป็นมืออาชีพ และปฎิภาณไหวพริบในการตัดสินใจ ต้องมาดูว่าโครงสร้างแบบนี้จะสำเร็จขนาดไหน

By: Jessy
Red HatUbuntuWindows
on 13 May 2015 - 22:05 #812591 Reply to:812555

เมื่อทุกคนเท่ากัก็คงต้องใช้โหวตออก?

By: ketting
Android
on 14 May 2015 - 10:12 #812671 Reply to:812555

แบบ knights of the round table ก็เวิร์กครับ พิสูจน์มาแล้ว :)

By: tisana
iPhoneAndroidUbuntuWindows
on 14 May 2015 - 10:54 #812690 Reply to:812671

ปัญหาคือ knights of the round table มัน scale เล็กน่ะสิครับ ปัญหามันเลยน้อย
ถ้า round table ระดับพันคนนี่ ผมไม่แน่ใจว่าปัญหาจะน้อยจริงรึเปล่า

By: NgOrXz
iPhoneAndroidWindows
on 13 May 2015 - 20:02 #812556
NgOrXz's picture

อ่า อาจจะเกิดนวัตกรรม อะไรเปล่า ทุกอย่างมีดี มีเสียหมดแหละต้องลอง

By: Aize
ContributorWindows PhoneAndroidWindows
on 13 May 2015 - 20:42 #812563 Reply to:812556
Aize's picture

ข้อเสียน่าจะทำให้คนที่ไม่ชอบทำอะไรนอกจากงานตัวเองทนไม่ไหว เพราะปกติจะทำอะไรก็ต้องค่อยให้หัวหน้าสั่ง ไม่สั่งก็ไม่ทำ ถึงรู้ว่าควรทำอะไรก็ตาม ข้อดีก็ตรงกนข้ามคือไม่ต้องรออนุมัติจากหัวหน้า เห็นอะไรควรทำ และนำเสนอถ้าคนอื่นเห็นด้วยก็ทำได้ ง่ายสะดวกทำให้คนอยากทำอะไรดีมากขึ้นด้วยมั้ง


The Dream hacker..

By: nrml
ContributorIn Love
on 13 May 2015 - 20:53 #812567 Reply to:812563
nrml's picture

เค้าน่าจะเห็นถึงศักยภาพและให้ความสำคัญกับคนที่อยากจะพัฒนาตัวเองพัฒนาองค์กรมากกว่าพวกเช้าชามเย็นชามมั้งครับ

By: wichate
Android
on 13 May 2015 - 20:57 #812569 Reply to:812563

เหมือนเลื่อนตำแหน่งให้ทุกคนเป็นผู้จัดการน่ะครับ แต่ไม่มีลูกน้อง เลยกลายเป็นว่าทุกคนไม่ต้องมีตำแหน่งอะไรเลย (พนักงานทุกคนก็จะมีวิสัยทัศน์แบบผู้จัดการ พวกไม่พัฒนาก็ลาออกไป)

By: readonly
iPhone
on 14 May 2015 - 07:27 #812626 Reply to:812563
readonly's picture

ถ้าต้องประสานงานกับคนนอกองค์กร ทั้งผู้ซื้อ ผู้ขายมันจะเกิดปัญหาการตัดสินใจที่ไม่เท่าเทียมหรือเปล่า เช่นลูกค้าส่งรองเท้ามาเคลม พนักงาน A บอกไม่ให้เคลม ส่งกลับมาอีกรอบพนักงาน B บอกเคลมได้

By: TeamKiller
ContributoriPhone
on 13 May 2015 - 21:26 #812577
TeamKiller's picture

ถ้าไปทำงานส่วนที่ไม่ถนัดหรือไม่ชอบ. แย่เลยฮ่ๆ

By: Zew on 13 May 2015 - 21:34 #812578

ทำไมผมรู้สึกว่ามันคล้ายๆ Scrum ??

By: pepporony
ContributorAndroid
on 13 May 2015 - 21:57 #812586

มันจะดีมากถ้าพนักงานทุกคนสามารถทำงานได้ด้วยตนเอง อุดมคติสุดๆ

แต่ถ้าไม่ ก็ต้องมีคนสั่งอยู่ดี..

By: Jessy
Red HatUbuntuWindows
on 13 May 2015 - 22:09 #812593 Reply to:812586

ต้องมีแนวทางปฏิบัติให้สอดคล้องนโยบายองค์กรอยู่แล้วครับ ทำเองได้ครับ แต่ท้ายที่สุดมันก็เสี่ยงที่จะสร้างปัญหา แต่สามารถขอความเห็นจากเพื่อนรวมงาน ที่อยู่ในระดับเดียวกันได้เพื่อลดความขัดแย้ง ในกรณีที่ผลตอบรับไม่ดี แต่ถ้าพร้อมรับผลกระทบ ก็สามารถฉายเดี่ยวได้นะผมว่า

By: GooEng
ContributorWindows PhoneAndroidUbuntu
on 4 October 2015 - 15:19 #849459 Reply to:812586
GooEng's picture

ก็ต้องใช้ระบบ IT เข้าช่วยไงครับ พวก ERP จะเข้าสู่ยุค Internet of Things ---> Internet of Everything แนวการบริหารองค์กรก็ต้อง KAIZEN - พนักงานทุกคนมีส่วนร่วมคิดในการพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ปล่อยให้ผู้จัดการคิดคนเดียว มนุษย์เงินเดือนสมัยใหม่แสวงหาความเป็นอิสระทางความคิด เปิดโอกาสให้ได้แสดงออก ควบคุมงานของตัวเองได้ ไม่ใช่งานลักษณะขี้ข้า รอคนชี้นิ้วสั่ง เพราะไม่อยากทำงานแบบโดนสั่งให้ทำ แต่ได้เงินอันน้อยนิด คนทำไม่ได้เงิน คนสั่งใช้แต่ปากได้เงิน เลยผันตัวเองเป็น Startup ซะเยอะ


คำตอบของข้า คือ ประกาศิต

By: sid
Writer
on 13 May 2015 - 22:07 #812592

ล่าสุดมีพนักงาน Zappos เลือก แยกทางไป 210 คน (จากทั้งหมด 1,503 คน) ก็ดูอาจจะเยอะ แต่ถ้าคิดว่าคนที่เหลือคิดเป็น 86% ก็ยังสนใจจะไปต่อในแนวทางนี้ (via FastCompany)

โดยส่วนตัวคิดว่านี่เป็นแนวทางสำคัญที่จะพาบริษัทใดบริษัทหนึ่งไปยังยุคใหม่ได้ หลาย ๆ บริษัทก็เริ่มจะไปในแนวทางนี้ เพียงแต่ Zappos ดูลงทุนเยอะหน่อย

By: Thai.hacker
ContributoriPhoneAndroidUbuntu
on 14 May 2015 - 06:15 #812619
Thai.hacker's picture

แล้วจะประเมินผลเพื่อขึ้นเงินเดือนยังไง? คนไหนได้มาก ได้น้อย แล้วจะประเมินผลงานยังไง?


ไม่มีลายเซ็น

By: Architec
ContributorWindows PhoneAndroidWindows
on 14 May 2015 - 07:04 #812624

บริษัทที่ผมทำก็เป็นแบบกึ่ง ถึงจะมีหัวหน้าแต่ศักดิ์และสิทธิ์ก็เท่ากันหมด (โดนด่าได้) เวลาที่เริ่มโปรเจคจะมีคนออกแนวคิดมาและก็แยกย้ายไปทำ แต่ทุกคนต้องมีฝีมือพอสมควรและต้องพิจารณาตัวเองเป็นว่าสมควรที่จะได้รับผลตอบแทนรึเปล่า ถ้าฝีมือไม่ถึงก็จะลาออกไปเอง

บริษัทฝรั่งแนวนี้ที่รู้จักก็เห็นจะเป็น Valve ล่ะมั๊ง

By: readonly
iPhone
on 14 May 2015 - 07:29 #812627 Reply to:812624
readonly's picture

หัวหน้าขาดบารมีหรือไม่เป็นที่ยอมรับในความสามารถหรือเปล่าครับ

By: Architec
ContributorWindows PhoneAndroidWindows
on 14 May 2015 - 12:29 #812717 Reply to:812627

เค้าเรียกว่าหน้าที่ของใครของมันครับ ถ้าเสนอออกมาแล้วมันเป็นประโยชน์ก็จะเดินหน้าโปรเจคต่อ ถ้ามันขัดกับเสียงส่วนมากก็จะถูกปัดตกไปเลยครับ

อย่างที่ reply ข้างล่างกล่าวมาครับ คนที่ไม่เชี่ยวชาญจริงๆเขาจะลาออกไปเอง ส่วนคนที่เหลือก็ไม่ได้เสียขวัญอะไร ก็ยังทำงานตามปกติครับ

By: waroonh
Windows
on 14 May 2015 - 10:03 #812667 Reply to:812624

สมัยต้มยำกุ้ง เกือบสิบห้าปีก่อน เคยมี บ.นึง
จ้างที่ปรึกษา ฝรั่งมาทำ แฮคัท (ไล่คนออก)

ฝรังบอก ให้พนักงานนั่งเฉยๆ ไม่ต้องทำงาน
จ่ายเงินครึ่งนึง เดี๋ยวคนทะยอยลาออกเอง
จะได้ไม่ต้องจ่ายชดเชยมาก

พวกสบายเลย
นั่งกินกาแฟ อ่าน นสพ กินข้าว บ่ายๆอ่านนิตยาสารเย็นกลับบ้าน
ลากไปเกือบปี สรุป โดนไล่ออกหมด โดยเฉพาะที่ปรึกษา
โดนก่อนเพื่อนเลย
เหอะๆๆ

By: pro.it
iPhoneWindows PhoneAndroidBlackberry
on 14 May 2015 - 08:28 #812639

เยี่ยมเลยครับ แนวนี้เริ่มบูมจริงๆ

By: 100dej
AndroidWindows
on 14 May 2015 - 09:14 #812654

น่าจะมั่วดีนะ

By: loptar on 14 May 2015 - 11:48 #812702
loptar's picture

สงสัยเรื่องผลตอบแทนของพนักงานแต่ละคน จะคิดกันแบบไหนดีล่ะ

By: nrml
ContributorIn Love
on 14 May 2015 - 12:17 #812710 Reply to:812702
nrml's picture

เรื่องนี้อาจจะไม่ยากมั้งครับ เพราะในเมื่อทุกคนมีตำแหน่งเท่าๆ กัน เมื่อแต่ละคนประเมินเสร็จก็เอาคะแนนมาหารเฉลี่ยได้เลย

By: pepporony
ContributorAndroid
on 16 May 2015 - 07:55 #813151 Reply to:812710

ตำแหน่งเท่ากัน แต่ทำงานไม่เท่ากัน คุณภาพไม่เท่ากันแน่ๆครับ

จะเกิดปัญหาละ ว่าทำเยอะกว่าดีกว่า ทำไมได้เท่ากัน (หรือถ้าจะได้ไม่เท่ากัน แล้วใครประเมิน)

By: nrml
ContributorIn Love
on 16 May 2015 - 11:11 #813182 Reply to:813151
nrml's picture

ตรงนี้คงขึ้นอยู่กับหลักเกณฑ์และวิธีการในการนำมาประเมินมั้งครับ ว่าทำยังไงถึงจะดูเป็นธรรมและสะท้อนความเป็นจริงกับทุกฝ่ายมากที่สุด ตัวงานมันก็คงฟ้อง performance ของแต่ละคนอยู่แล้ว ผมว่าด้วยความที่มันเปิดขนาดนี้ตัวคนที่หวังคอยจะกินแรงคนอื่นก็คงจะทำอะไรไม่สะดวกใจสักเท่าไหร่