Tags:
Node Thumbnail

Mark Russinovich วิศวกรระดับสูงของไมโครซอฟท์ (มีตำแหน่งเป็น Microsoft Technical Fellow) และซีทีโอของ Azure ขึ้นเวทีงานสัมมนา ChefConf (Chef เป็นซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สด้านบริหารเซิร์ฟเวอร์อัตโนมัติ)

เขาถามผู้ฟังว่ามีใครใช้วินโดวส์เพียงอย่างเดียวหรือไม่ ในบรรดาผู้ฟัง (ที่เป็นสายโอเพนซอร์ส) มีคนยกมือเพียงคนเดียว ซึ่ง Russinovich ก็กล่าวต่อไปว่าโลกไอทีในปัจจุบันพึ่งพาซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สกันมาก บริษัทเหล่านี้เป็นลูกค้าของไมโครซอฟท์ นั่นแปลว่าไมโครซอฟท์ต้องปรับตัวตามโลกด้วยเช่นกัน

Russinovich บอกว่าไมโครซอฟท์เองเห็นแนวโน้มนี้ และเปิดให้รันลินุกซ์บน Azure มานานแล้ว ปัจจุบันเครื่องบน Azure มีสัดส่วนการใช้ลินุกซ์ประมาณ 20% แต่ในอนาคตไมโครซอฟท์อาจไปได้ไกลกว่านั้น คือไปถึงระดับการเปิดซอร์สวินโดวส์ด้วย เขาบอกว่าเรื่องนี้มีความเป็นไปได้แน่นอน (definitely possible) เพราะปัจจุบันไมโครซอฟท์เข้าสู่ยุคใหม่ เป็น "New Microsoft" แล้ว

อย่างไรก็ตาม เขาบอกว่าการเปิดซอร์สวินโดวส์ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะตัวโค้ดมีความซับซ้อนสูงมาก และไมโครซอฟท์เองก็ต้องปรับตัวเรื่องโมเดลธุรกิจอีกขนานใหญ่

ที่มา - Wired

No Description

Get latest news from Blognone

Comments

By: bluezip
AndroidUbuntuWindows
on 4 April 2015 - 08:26 #804454

ไม่ใช้เพราะ android หรือ chrome os รุกคืบเข้ามาในตลาดของตนเองนะ

By: menu_dot on 4 April 2015 - 08:40 #804456 Reply to:804454

ก็โลกมันเปลื่ยนไงครับ เลยต้องเปลื่ยนตาม

แต่ยุคใหม่ ไม่ได้หมายความว่าดีเหมือนเก่า

By: jaideejung007
ContributorWindows PhoneWindows
on 4 April 2015 - 08:58 #804457 Reply to:804456
jaideejung007's picture

+1

By: bluezip
AndroidUbuntuWindows
on 4 April 2015 - 10:19 #804468 Reply to:804456

ถ้าไม่มีตัวกระตุ้นมันก็ไม่เปลี่ยนง่ายๆหรอก

By: obnetarena
Windows PhoneWindows
on 4 April 2015 - 14:33 #804529 Reply to:804468

จริง ๆ แล้ว ไม่ว่าจะบริษัทไหนก็ตาม ถ้าไม่มีตัวกระตุ้นก็คงไม่เปลี่ยนหรอกครับ

เหมือนมือถือ ถ้าไม่มีรุ่นใหม่ออกมาหรือเครื่องเก่าพังหรือเมมกำลังจะเต็ม เราก็คงไม่เปลี่ยน

By: songwut on 7 April 2015 - 22:03 #805033 Reply to:804468

Microsoft ได้เกิด ก็เพราะส่วนใหญ่คิดว่า พิมพ์ดีดไฟฟ้ายังหากินได้อีกนาน
สุดท้าย Microsoft ก็ฆ่าเทคโนโลยีเก่าด้วยของใหม่

บัดนี้กงกำกงเกวียน เริ่มจะสนอง Microsoft แล้ว
ถ้าไม่หนี กรรมตามสนองทัน สักวันก็จะเหลือแต่ชื่อบริษัทเป็นตำนาน

By: pro.it
iPhoneWindows PhoneAndroidBlackberry
on 4 April 2015 - 09:18 #804459

เยี่ยม วิสัยทัศน์ดีเลยครับ แต่ไม่ว่ายังไงก็อยากให้คงรักษา OS ดีๆ ไว้สักตัวเถอะครับ อย่า Open หมดเลย ไม่งั้นมันจะเจาะกันง่ายเกินไป

By: doanga2007
AndroidSymbianUbuntu
on 4 April 2015 - 09:26 #804460 Reply to:804459
doanga2007's picture

จริงๆ แล้ว เรื่องอย่า Open หมดเลย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเจาะง่าย เพราะ Microsoft ในยุคระบบปิด ก็โดนเจาะอยู่เรื่อยๆ ตามความเป็นจริง ควร Open หมด แบบเดียวกับ Linux หรือ Elicpse เพราะผมคิดว่า ช่วยให้ Microsoft ตื่นตัวในการแก้ Bug มากขึ้นครับ

By: pro.it
iPhoneWindows PhoneAndroidBlackberry
on 5 April 2015 - 13:21 #804653 Reply to:804460

ครับ ถ้าเรื่องตื่นตัวผมเห็นด้วยนะ แต่กลับกันผมกลับชอบการ Support ของ MS มากกว่า เนื่องจากทุกอย่างอยู่กับ MS หมดทำให้ภาระมันตกกับ MS มากกว่า คนอื่นๆ โทษก็ง่ายกว่า ถ้า Open มากๆ กลัวแบบปัดความรับผิดชอบง่ายๆ เพราะ MS ไม่ได้ทำหมด เหมือนกับเวลาผมทำ Software ถ้าผมเปิด Code แล้วคุณเอาไปแก้ไขแม้จะนิดเดียว ก็จะไม่รับผิดชอบทันที ซึ่งข้อนี้แหละที่กลัว มันกลายเป็นบ่อให้โทษ MS ก็ได้หรือ MS ก็พูดได้เต็มปากว่า ไม่เกี่ยวกับทาง MS แล้วเนื่องจากเวอร์ชั่น Open มันเปิดหมด แต่ทั้งหมดทั้งมวลอาจจะเป็นเพราะผมเคยใช้แต่ Windows และจับ Linux มาน้อยก็ได้นะครับ แต่ปัจจุบันผมก็ใช้ Windows แท้นะครับ เลยกล้าพูดนิดหน่อย

อีกอย่างผมคิดว่าปัญหาของ MS ไม่ใช่เรื่อง Open แต่เป็นเรื่องค่า License มากกว่าที่เป็นปัญหา มันมีต้นทุนและคนทั้งหลายก็ไม่อยากเสียต้นทุน เพราะมันสูงเลยหนีไปใช้ Opensource ทั้งที่จริงๆถ้าไม่ต้องOpensource แต่หากเปลี่ยนการตลาดเป็นฟรี OS เวอร์ชั่นเพิ่มขึ้น Free Software MS Office และหารายได้กับทางอื่นเช่นพวก โฆษณาหรือ Cloud Service, Azure น่าจะทางออกดีกว่าครับ ดีกว่า Opensource Windows

By: จักรนันท์ on 5 April 2015 - 20:51 #804714 Reply to:804653

คุณเข้าใจ Concept ของ OSS ผิดไปเยอะเลยนะครับ ทำให้ความเห็นที่คุณแสดงออกมา เป็นผลจากความเข้าใจผิดที่ผูกไปเองครับ

Windows ซับซ้อน เพราะ "ยุ่งเหยิง" ครับ

ถามทุกคนที่เคยทำงานกับ M$ มาก่อนได้เลยครับ ไม่มีใครมีสิทธิได้เห็น Code และ API มากกว่าขอบเขตของงานที่ตัวเองได้รับมอบหมายให้ทำครับ มัน Close source ทั้งกับนักพัฒนาภายในด้วยนะครับ จึงทำให้ "ซับซ้อน" จน "ยุ่งเหยิง" (เหตุเพราะมันเป็นธุรกิจไปหมดทุกอณูนั่นเอง)

OSS จึงเป็นระบบระเบียบมากกว่า Close source software มากครับ เนื่องจาก OSS พัฒนาโดยจำนวนนักพัฒนาที่มากกว่าบริษัทใดๆ จะมีจำนวนสู้ได้ ระบบและระเบียบของโครงสร้างจึงวางดีกว่ามาก และเพราะความ Open จึงทำให้ลดความซับซ้อนได้มาก (ไม่ยุ่งเหยิง)

อืมมม์... ถ้าพูดต่อไปผมก็คงต้องพิมพ์ยาวจนคนอ่านเบื่ออีกแน่เลย

แนะนำนี่ดีกว่าครับ http://linux.thai.net/~thep/catb/cathedral-bazaar มีผู้แปลเป็นไทยไว้ให้แล้ว น่าจะทำให้คุณเข้า OSS ได้ดีขึ้นครับ

By: obnetarena
Windows PhoneWindows
on 6 April 2015 - 14:37 #804809 Reply to:804714

ความยุ่งเหยิงของ Microsoft ไม่ใช่การ Close Source อย่างเดียวหรอกครับ

แต่มันคือ Compatibility ด้วย การคงโค้ดเดิมไว้ไม่ให้ไปยุ่ง ไม่ใช่แค่ว่าความลับอย่างเดียวครับ แต่เพราะถ้าเห็นแล้วอาจจะคันไม้คันมืออยากไปแก้ จนส่งผลให้อย่างอื่นมีปัญหา ถ้าไม่ใช่ Bug โค้ดชุดเดิมก็ควรจะไม่มีการแก้ไขอะไร

Opensource ที่คง Compatibility สูง ๆ นี่ก็น่าจะเจอปัญหานี้นะครับ เพราะมันแก้โค้ดเก่าไม่ได้อยู่ดี แต่ถ้าเรื่องแก้บั๊ก อันนี้ก็เหมือนกันหมดครับก็ต้องแก้โค้ดเก่า แต่ให้การทำงานเหมือนเดิม

ส่วนตัวไม่เคยใช้ Linux นะครับ Linux อาจจะไม่มีปัญหา
แต่พวก jQuery อะไรพวกนี้ ผมเคืองมาก

By: readonly
iPhone
on 4 April 2015 - 09:45 #804463
readonly's picture

เอ่อ... ผมงงกับคนเดียวที่ยกมือนั่น เค้าเป็นสาย OpenSource แต่ใช้ Windows เพียงอย่างเดียว???

Windows มัน OpenSource เหรอครับ

By: Hadakung
iPhoneWindows PhoneAndroidWindows
on 4 April 2015 - 09:50 #804464 Reply to:804463

OpenSource != ไม่ใช้ Windows นะครับ ซอฟท์แวร์ตัวอื่นก็ OpenSource คนสายนี้ก็ไม่จำเป็นต้อง OpenSource ไปหมดเสียทุกอย่าง อย่างผมก็ใช้ OpenSource ซะส่วนใหญ่ แต่บางอย่าง(OS กับ Office)ก็พึ่ง Windows เพราะชอบลักษณะการใช้งานเท่านั้นเอง

By: readonly
iPhone
on 4 April 2015 - 11:48 #804479 Reply to:804464
readonly's picture

เข้าใจล่ะครับ

By: Architec
ContributorWindows PhoneAndroidWindows
on 4 April 2015 - 10:16 #804467

เอ่อ เปิด Source แล้วสาย Server โดนไปด้วยเนี่ยผมคงหนาวๆร้อนๆแน่ และยากที่จะหาตัวอื่นมาแทน (จ่าย RHEL รายปีก็ไม่ต่างอะไรจากซื้อ Windows Server ทุกปี)

By: deaw on 4 April 2015 - 10:38 #804471 Reply to:804467
deaw's picture

ขอถามเอาความรู้หน่อยครับ เปรียบเทียบการซัพพอร์ตเวลามีปัญหาแล้ว ตัวไหนคุ้มค่ากว่ากันครับ

By: Architec
ContributorWindows PhoneAndroidWindows
on 4 April 2015 - 11:33 #804476 Reply to:804471

ถ้าเป็นสายธุรกิจ Windows Server ยังไงก็คุ้มกว่าครับ จ่ายครั้งเดียวใช้ยัน EOL แต่ต้องอุดเป็น(Hardening) พวกอุดไม่เป็นก็ซื้อมาให้สูญเงินเปล่าๆ

By: peat_psuwit
ContributorAndroidUbuntuWindows
on 4 April 2015 - 10:39 #804473

นี่ถ้าเปิดมาจริงๆ นะ ReactOS นี่แทบหมดความหมายเลย

By: songwut on 7 April 2015 - 22:05 #805034 Reply to:804473

ออก Version 1 ให้ได้ก่อนแล้วค่อยคุยกัน

By: iambodin
Ubuntu
on 4 April 2015 - 12:03 #804481

"...First they ignore you,
then they laugh at you,
then they fight you,
then you win."

ใครบางคนอ้างว่า มหาตมะคานธีเป็นคนพูด บางคนก็ว่าไม่ใช่
สาวก FOSS เปรยลอยๆ