มีรายงานว่า Raspberry Pi 2 จะดับไปเองเมื่อถูกถ่ายภาพแบบเปิดแฟลช โดยปัญหานี้จะเกิดต่อเมื่อใช้แฟลช Xenon เท่านั้น ตัวอย่างของกล้องที่ทำให้เกิดปัญหาเช่น Samsung K Zoom และ Canon IXUS 60 จะทำให้ RPi 2 ปิดการทำงานและเริ่มใหม่หากถูกแสงแฟลชระยะใกล้กว่า 50 เซนติเมตร
ต้นตอของปัญหานี้คือชิปจ่ายไฟแบบสวิทชิ่ง ที่อยู่ข้างๆ กับพอร์ต HDMI ถ้าใครจะซื้อ RPi 2 ไปใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีแสงแรงๆ อาจจะต้องหาอะไรมาปิดชิปตัวนี้ครับ
ที่มา - Raspberry Pi Forum
Comments
มันเกี่ยวอะไรกันหรอครับ
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
นั้นซิ คงต้องให้นักฟิสิกส์อนุภาคมาช่วยตอบว่ามันเกี่ยวอะไร
router fttx ที่บ้านผมก็ออกอาการแปลกๆ ถ้าเอามือถือไปวางใกล้ๆแล้วโทรเข้าโดยไม่กดรับสาย ปล่อยไว้แบบนั้นละ ซักพักเน็ตจะหลุด ทดสอบ3หน เป็น3หน โลกนี้ช่างแปลก
ปกติบอร์ด RPi เขาเปลือยๆไว้เวลาใช้งานเหรอครับ
หรือต้องนำบอร์ดไปหาพระปัดรังควาน...!!
เป็นเพราะคลื่นความถี่ ที่เกิดจากหลอดซีนอน กระจายเข้าไปรบกวนการทำงานของตัวชิป
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ารบกวน chip ชัว ไม่เกี่ยวกับแสงแฟลชหรอก (ถ้าจริง ต่อให้ใส่ Case ก็ไม่หาย)
เคสอลูมิเนียมฝังลงกราน์น่าจะช่วยได้นะครับ
ชิปนั่นมัน sensitive เกิน หรือซีนอนมันแร็งส์ไปเนี่ย?
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
น่าจะเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านะครับมันน่าจะไปรบกวนตัวสวิชชิ่ง ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้จริง ต้อง Case โลหะเท่านั้น
+1 เห็นด้วยครับ
ระบบ Power on-off แบบไร้สายครับ ไม่ต้องหา Module Switch มาติดให้เมื่อย #ผิด
สั่งซื้อจ่ายตังไปแล้วของยังไม่มา แล้วมีข่าวแบบนี้แล้ว รู้สึกเจ็บ
^
^
that's just my two cents.
เจ็บแบบเดียวกันเลยครับ T-T
รอของอยู่เช่นกันครับ
--
ไปดูจากเว็บเมืองนอกที่เค้าคุยกันมาครับ มี 2 สมุติฐานครับ
1.เนื่องจากหลอด xenon flash เป็นหลอดที่ต้องการกำลังขับสูงมาก ก่อนที่แฟลชจะถูกยิงออกมามันจะต้องชาร์จกำลังให้สูงพอที่จะขับหลอดได้ในระยะเวลาอันสั้น และเมื่อยิงแฟลชออกไปแล้วก็จะมีการคายประจุอย่างรวดเร็ว จังหวะนี้จะเกิดสนามแม่เหล็กสูงในระดับหนึ่ง และทำให้วงจร Oscillator ที่อยู่ใน Switching Regulator ถูกรบกวนจนทำงานผิดพลาด
2.มีคนเห็นค้านว่าน่าจะเป็นเพราะแสงแฟลชตามหลัก Einstein's Photoelectric Effect (อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ส่องสว่างได้ จะมีการปล่อยโฟตอนออกมาด้วย เมื่อปะทะเข้ากับผิวโลหะจะทำให้เกิดพลังงานในระดับหนึ่ง) ก็เลยมีการทดสอบยิงแฟลชใส่ตรงๆ กับเอาบอร์ดไปใส่ไว้ในกล่องพลาสติกทึบแสงแล้วยิงแฟลชอีกครั้ง แล้วเอา Oscilloscope วัดค่า ปรากฏว่า บอร์ดที่อยู่ในกล่องทึบแสงไม่มีผลกระทบใดๆ แต่บอร์ดเปลือยเปล่าได้รับผลเต็มๆ แรงดันแกว่งอยู่ที่ 0-7V. จากปกติเป็นกระแสตรง 3.3V (http://imgur.com/hG86pRy) ผมคิดว่าสมมุติฐานนี้น่าเชื่อถือมากที่สุด
อ้างอิง
http://www.physic2u.com/Topic2/ModernPhysic/PhotoElectric.html
https://news.ycombinator.com/item?id=9015663
http://it.slashdot.org/story/15/02/08/0643254/xenon-flashes-can-make-new-raspberry-pi-2-freeze-and-reboot
วิธีการแก้ไข
หากแก้ไขสมมุติฐานที่ 2 ก็เพียงแค่เอาบอร์ดไปใส่ไว้ในกล่องทึบแสงก็พอ แต่หากต้องการป้องกันการรบกวนของสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้า ก็เอาอลูมิเนียมฟลอยมาห่อไว้อีกชั้น (แต่ถ้ามีโมดูลสื่อสารไร้สายอยู่ในกล่องด้วย อลูมิเนียมฟลอยคงไม่เหมาะ)
คล้ายๆ หนังอวกาศ ที่ยิงคลื่นไฟฟ้า อะไรสักอย่างทำให้ยานแถวๆ นั้นบินไม่ได้สินะครับ
อันนั้นน่าจะเรียกว่าemp ครับ effect หมดทุกอุปกรณ์อิเลคทรอนิค
นึกถึงตอนนีโอและพวกออกจากไซออน เอา EMP ยิง squiddy
กำลังสั่งซื้อเลย แต่ปัญหานี้ก็คงไม่ส่งผลอะไรมากนัก
คงต้องเป่าออกแล้วเอาตัวอื่นมาใส่แทนสินะ
ซัมซุงอยู่เบื้องหลังข่าวนี้แน่ ๆ ใช่ไหมครับ...
พี่พวก cpu ไมโครคอนโทรลเลอร์ MCS-51, 68HCxx, Z80, PIC, AVR, ARM ที่มันวิ่ง 20Mhz มันแรงกว่าเครื่อง famicom super famicom ยังครับ
ผมจำได้ลางๆว่า
Nin Snes 3.7 MHz
Sega md 7.2 MHz
นะครับ
สรุปเฉพาะ cpu ไมโครคอนโทรลเลอร์ แรงกว่าใช่ป่าวครับ ไม่นับรวมพวกแรม ที่ไมโครคอนโทรลเลอร์มีแรมน้อยกว่าใช่ป่าวครับ
ออกโปรซื้อพายแถมกล่องใส่พายก็จบ ฮ่าๆๆ
พี่ที่บริษัทบอกมาให้ครับ ปัญหาเกิดจากมีชิปสองตัวคือ Power Management กับ HDMI เป็นน Silicon เปลือยไม่ได้เคลือบเพื่อป้องกันครับ ทำให้โดนแสงแฟลช Xenon ยิงเข้าใส่ได้เต็มๆ
ok แปลว่าหาอะไรปิด chip 2 ตัวนี้ไว้ก็ใช้ได้ จบข่าว
เทปพันสายไฟทีเดียวจบ
แจ่ม
สงสัยว่าในวงจรสวิทชิงของเจ้าบอร์ดนี้มันมี optical transistor ไหมนะ ถ้ามีแล้วจะเกี่ยวกับปัญหานี้ไหม ?
ผมเคยเจอเหตุการณ์คล้ายๆกันนี้ครับ. ผมมีโน๊ตบุ๊ค lenovo g450 อยู่ เวลาที่ผมเอา ipad mini เข้าไปไกล้เพื่อถ่ายรูป หมายความว่าจะถ่ายรูปหน้าจอของ g450 เครื่องโน๊ตบุ๊คก็ดับเฉยเลย. ผมลองทดสอบมื่อไรก็ได้ผลเหมือนเดิมบ่อยๆ แต่ไม่ทุกครั้ง. พอเดาออกเลยข่าวนี้น่าจะคล้ายๆกัน
อันนี้น่าจะเป็นเพราะสวิตช์แม่เหล็กมากกว่านะครับ?
Dream high, work hard.
สนามแม่เหล็กอยู่ใกล้กับ LCD Inverter ลองยก Case iPad ให้สูงกว่าขอบล่างของจอดูครับ
ปล. โดนมากๆ ระวังจอดับถาวรนะครับ
จอดับกันเลยทีเดียว