ส่วนตัวผมว่าเรื่องนี้มันพูดลำบากในบริบทของประเทศไทยนะครับ คือผมเข้าใจดีในหลักการของ regulator ตามที่คุณว่ามาเลย และผมก็รู้สึกเช่นเดียวกับคุณในสถานการณ์ที่ผ่านมา

แต่ถ้าว่ากันจริงๆ แล้ว ถ้าจะให้ กสท. ทำหน้าที่ regulator 100% ตั้งแต่แรก ผมว่าตอนนี้ดิจิทัลทีวียังไม่ได้ตั้งไข่ซะด้วยซ้ำครับ กว่า กสท. จะผุดดิจิทัลทีวีได้ ทุกคนคงพอทราบว่าเค้าฝ่าด่านอะไรมาบ้าง ที่น่าจะหินที่สุดคือด่านของกองทัพบกนี่แหละครับ (ผมติดตามเรื่องนี้มาจะสิบปีแล้ว พอเข้าใจเรื่องราวพอสมควร อย่างเรื่องที่กว่า กสทช. จะเกิดได้หลังรัฐธรรมนูญปี 40 บัญญัติไปหลายปี อย่าให้พูดเลยนะว่าเพราะฝั่งใด ...นี่ก็จะรอดูพวกวิทยุต่อ อันนี้ก็งานช้าง) กว่าจะกลายเป็นการตกลงกับกองทัพบกจนกลายเป็นผลประโยชน์ที่ลงตัวแบบนี้ได้ ผมว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของ กสทช. เลยนะครับ แม้งานนี้ คุณสุภิญญาเองยังแอบบ่นๆ เลยว่าไม่เห็นด้วยกับผลประโยชน์ที่ให้กับช่อง 5 เรื่องประเภทของสถานีและเวลาโฆษณา (มันแปลกครับ ผมก็รู้สึก) แต่เพื่อให้ทุกอย่างมันเกิดและเดินหน้าได้ ก็ต้องยอมให้เป็นแบบนี้

จะเห็นว่างานฝั่ง diplomat มันก็จำเป็นสำหรับบริบทของ กสทช. ตอนนี้ในการเปลี่ยนผ่านจากสัมปทานไปสู่ระบบใบอนุญาต ไม่งั้นเราก็ไม่ได้ไปไหนกันพอดี เพราะกลุ่มผลประโยชน์เดิมเขาเกาะแน่นเลยนะ

อย่างฝั่งมือถือเอง สมัยที่บ่นๆ กันเรื่องประมูล ฝั่ง กทช. ก็บอกเองว่า "หน้าที่ของ กสทช." คือทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด อะไรเป็นทางที่จะเกิดประโยชน์ต่อประชาชนก็จะเลือกมางนั้นมากกว่าผลประโยชน์เข้ารัฐ ตรงนี้ผมว่า กสท. ก็ยึดหลักการเดียวกันคือทำให้ดิจิทัลทีวีเกิดให้ได้ทุกทาง เพื่อเปลี่ยนผ่านจากระบบสัมปทานและระบบทีวีอนาล็อกโบราณเสียที

งานนี้ถ้ามัวทำตัวเป็น regulator อย่างเดียวแบบที่ควรจะเป็น ได้เจ๊งกันหมดพอดีครับ เพราะพอมายุคช่อง 3 นี่ กลุ่มผลประโยชน์จากสัมปทานคือเค้าก็เกาะแน่นเหมือนกัน ถ้าไม่มีบทบาทด้าน diplomat ช่วยนี่ ขืนมานั่งบื้อๆ อยู่ สิ่งที่เคยดิ้นรนสมัยไปต่อรองกับเจ้าของสัมปทานเดิมอย่างยากลำบากจนกลายเป็นกลุ่ม MUX ในตอนนี้ได้ ก็เปล่าประโยชน์แน่

สังเกตว่า กสท. ก็ไม่ได้ทำอะไรเกินขอบเขตของกฏหมาย (ไม่งั้นก็ลงดาบช่อง 3 ดิจิทัลแบบดื่อๆ เพื่อบีบละ ง่ายกว่าเยอะ) และสุดท้ายคนที่ออกมาสั่ง ก็คือศาลนะครับ ออกมาเป็นคำสั่งศาล ดังนั้นสิ่งที่ช่อง 7 ออกมาโวยวายก็ไม่มีราคา เพราะเขาปฏิบัติตามคำสั่งศาลกัน ไม่ใช่ กสท. สั่งให้ทำเอง

งานนี้ผมว่า กสท. พลาดตรงที่ไม่ไปคุยวงในกับช่อง 7 ให้ดีๆ หรือขอฝากทางกองทัพบกช่วยเจรจากับช่อง 7 ก็ได้ (ช่อง 7 เป็นเด็กดีสำหรับกองทัพบกเสมอมา) กองทัพบกน่าจะเข้าใจบทบาทของ กสทช. ดีในการผลักดันทีวีดิจิทัล และก็คงรู้ว่าถ้า กสท. ไม่ทำแบบนี้ ทีวีดิจิทัลก็ล่มแน่จากฝีมือช่อง 3 (ซึ่งกองทัพบกที่เป็นผู้ได้รับผลประโยชน์จากทีวีดิจิทัลไปเต็มๆ ละตั้ง 2 MUX คงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์นั้นแน่) จริงๆ ของแบบนี้มันคุยกันได้ ไม่รู้ไปพลาดท่าไหนจนปล่อยช่อง 7 ออกมาฟ้องให้เป็นข่าวได้

ในอนาคตเมื่อทุกอย่างเดินหน้าไปได้อย่างลงตัวแล้ว หน้าที่ของ กสทช. ก็ต้องปรับบทบาทไปเป็น regulator เต็มตัวเพื่อไม่ให้เอื้อผลประโยชน์ให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ในช่วงนี้บทบาทของ กสทช. ต้องทำหน้าที่ "ตั้งไข่" "เปลี่ยนผ่าน" และ "ผลักดัน" ระบบใหม่ด้วย งานด้าน diplomat จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพราะไม่มีทางมานั่งเป็น regulator เฉยๆ แล้วจะทำให้กลุ่มผลประโยชน์เดิมมาเดินตามด้วยได้โดยไม่ต่อต้าน จริงมั้ยครับ?

ผมว่าไม่ได้ถ่วงนะครับ เพราะการออกคู่ขนานได้เกิดขึ้นแล้ว

แต่อย่า ๒ มาตรฐานเท่านั้นเอง