วันนี้ HTC Thailand เชิญสื่อมวลชนไทยส่วนหนึ่งเข้าสัมภาษณ์คุณแจ็ค หยาง (Jack Yang) ประธานบริหารบริษัท เอชทีซี จำกัดภาคพื้นเอเชียใต้ (ดูแลภูมิภาคนี้ทั้งหมด) และคุณพลณรงค์ วัฒนโพธิธร ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เอชทีซี (ไทยแลนด์) จำกัด
ผมมีโอกาสได้เข้าร่วมสัมภาษณ์ด้วย เลยนำข้อมูลด้านยุทธศาสตร์สมาร์ทโฟนของ HTC มาฝากสมาชิก Blognone ครับ
คุณแจ็ค (ผู้ชายคนกลางในภาพ) เล่าถึงทิศทางของตลาดสมาร์ทโฟนในไทยว่าผู้บริโภคมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากเดิม คนใช้สมาร์ทโฟนมากขึ้นเยอะ (60% ของตลาดมือถือ) และวิธีการซื้อเครื่องเริ่มเปลี่ยนจากการซื้อเครื่องเปล่า มาเป็นการซื้อเครื่องกับโอเปอเรเตอร์ (เพราะได้ส่วนลดค่าแพ็กเกจเน็ต) มากขึ้น ทำให้ HTC ต้องปรับตัวตาม
HTC มองว่าตัวเองทำตลาดมือถือระดับบนมานาน มีชื่อเสียงในตลาดนี้ แต่นโยบายใหม่คือจะหันมาเน้นตลาดระดับกลาง (ราคาเครื่อง 10,000-20,000 บาท) มากขึ้นโดยใช้สินค้าตระกูล Desire มาบุกตลาดนี้ ส่วนตลาดระดับล่าง บริษัทจะไม่ลงไปสู้กับมือถือราคาถูกมากๆ แต่จะเริ่มลองตลาดด้วย Desire 310 ที่จะเปิดตัวในอีก 1-2 เดือนข้างหน้านี้ ด้วยระดับราคา "ต่ำกว่า 5,000 บาท"
คุณแจ็คบอกว่า HTC ยังมีมือถือตัวที่ต่ำกว่านั้นอีกคือ Desire 210 แต่จะเลือกทำตลาดเฉพาะบางประเทศ เช่น อินเดีย แต่ในส่วนของเมืองไทยจะลงไปต่ำสุดแค่ Desire 310 เท่านั้น
มือถือระดับกลางที่ HTC ตั้งใจทำตลาดในปีนี้คือ Desire 816 (ราคาเปิดตัว 12,900 บาท) ซึ่งน่าจะเป็นมือถือที่ลงตัวทั้งในแง่ขนาดหน้าจอใหญ่ตามสมัยนิยม (5.5 นิ้ว แต่ไม่ใหญ่เกินไปจนถือลำบากแบบ One Max) สเปกโอเค คุณภาพของงานประกอบดี ดีไซน์สวย และราคาจับต้องได้
ส่วนประเด็นเรื่องราคาของ HTC One M8 ในไทยที่เปิดตัวมาแรงมาก 25,900 บาทในตอนแรก คุณแจ็คบอกให้ดูแนวโน้มของสมาร์ทโฟนตัวท็อปของทุกค่ายที่ราคาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในช่วง 1-2 ปีให้หลัง เหตุผลเป็นเพราะเทคโนโลยีและวัสดุที่ใช้มีราคาแพงขึ้น ราคาเฉลี่ยของทั่วโลก (global pricing) จึงต้องเพิ่มตาม แต่ HTC ก็ยินดีรับฟังเสียงของลูกค้า และปรับลดราคาลงมาอยู่ที่ 23,500 บาทในวันนี้
ปัจจัยเรื่องราคาของมือถือ ตอนนี้ถือว่าไม่มีบริษัทใดมีอำนาจกำหนดราคาตายตัว กรณีของประเทศอินเดียนั้นกลับกัน เพราะ HTC เป็นฝ่ายปรับราคาก่อน ทำให้คู่แข่งต้องรีบลดราคาตามทันทีในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น
ยุทธศาสตร์เรื่องช่องทางการขายของ HTC Thailand ในปัจจุบัน ยอมรับว่าทีมบริหารทีมปัจจุบันเป็นทีมใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงาน และด้วยสภาพตลาดที่เปลี่ยนไปทำให้ HTC เลือกทำตลาดผ่านโอเปอเรเตอร์มากขึ้น เพราะช่วยได้ทั้งช่องทางการขายและการทำตลาด โดยกรณีของเมืองไทย HTC เลือกพาร์ทเนอร์หลักเป็น dtac ที่ทำงานร่วมกันมานาน และตลอดทั้งปีนี้เราจะเห็นแคมเปญการตลาดร่วมระหว่าง HTC และ dtac ตามมาอีกมาก
คุณแจ็คบอกว่าตลาดเมืองไทยถือเป็นตลาดสำคัญของ HTC โดยมีความสำคัญอยู่ใน Top 3 ของภูมิภาคเอเชียใต้ที่เขาดูแลอยู่ และมีความสำคัญติด Top 10 ของตลาดโลก
สุดท้ายคือตลาดอุปกรณ์เสริมที่ HTC ยังตามหลังคู่แข่งอยู่มาก ปีนี้ HTC กลับไปทำการบ้านมาใหม่และทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ด้านอุปกรณ์เสริมหลายราย (ทั้งกลุ่มพรีเมียมและผู้ผลิตจากฮ่องกง) ดังนั้นในภาพรวมแล้วน่าจะเห็นอุปกรณ์เสริมของ HTC วางขายแพร่หลายมากขึ้นกว่าเดิมครับ
Comments
เรื่องราคาที่แพงขึ้นเพราะวัสดุและเทคโนโลยีที่ใช้มีราคาแพงขึ้น ผมกลับคิดต่างว่ามือถือเดี๋ยวนี้รุ่นท๊อปแต่ละปีปรับโน่นปรับนี่นิดหน่อย ไท่ได้ล้ำมากนัก วัสดุและเทคโนโลยีไม่น่าแพงมากนัก
คิดให้มากขึ้นอีกนิดครับ
1. ค่าการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ(ที่ใช้งานได้จริง)
2. ค่าการคิดค้นโปรแกรมและรูปแบบการใช้งาน(ที่ใช้งานได้จริง)และต้องไปเก็บข้อมูลการใช้งานในลักษณะนั้นๆมา
3. ค่าการออกแบบ Hardward (ที่ใช้ได้จริง) กับรูปทรงใหม่ๆและวัสดุใหม่ๆที่ยังไม่มีใครเคยทำมาก่อน
คร่าวๆแค่ 3 ข้อที่ผมคิดออกแค่นี้ค่าใช้จ่ายพวกนี้ก็น่าจะเยอะไม่ใช่น้อยแล้วละ (ยกเว้นไป Copy ชาวบ้านเค้ามาขายก่อน)
ค่าไช้จ่ายพวกนี้ดูตัวเลขตรงๆ แล้วเยอะครับ ... แต่มันจ่ายครังเดียวสำหรับหลายสิบหลายร้อยล้านเครื่องที่ขายทั้วโลก หารเป็นต่อเครื่องยังไงก็ไม่เยอะ
ที่รีบลดน่าจะมาจากยอดจองต่ำ และที่ลดไปแล้วก็น่าจะอยู่ในช่วงที่มีกำไรมากอยู่ดี แต่ก็ยังดีที่ปรับตัวเร็ว
ที่น่าจะเกิดขึ้นคือ ตามข่าวที่รั้วออกมา htc มีแผนจะขายเครื่องที่ไช้ body พลาสติก ในราคาถูกในหลายประเทศแต่กะจะขายราคาเดิมในไทย เลยเพิ่มราคาเครื่อง body โลหะแทนมากกว่า
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ค่าออกแบบมันจะเท่าไหร่กันเชียวครับ พนักง่านก็กินเงินเดือนบริษัทอยู่แล้ว อย่างมากก็มีโบนัสให้ ผมดูยังไงมันก็ไม่น่าเกี่ยว นอกเสียจากเทคโนโลยีมันจะล้ำสมัยมาก แต่ไอ้ที่ประกาศออกมาแต่ละอย่างมันก็ไม่ได้ล้ำสมัยมาก แค่เอาของเก่ามาปรับปรุงใหม่ แต่ละเจ้าประกาศเทคโนโลยีในมือถือรุ่นท๊อป ผมไม่ได้ตื่นเต้นอะไรเลย แถมบางทียัดเยียดมาให้แบบไม่ตำเป็นอีก
ที่สำคัญคือแนวโน้มเทคโนโลยีมันถูกลง แต่ราคาที่ขายกลับแพงขึ้นทั้งๆ ที่เทคโนโลยียังเป็นตัวเดียวกับ 1 - 1.5 ปีก่อน บางครั้งแค่ทำไมเนอร์เชนจ์แล้วมาโขกกับลูกค้า ไม่น่ารักเลย
ที่สำคัญทำมือถือใหญ่ขึ้นด้วย น่าเบื่อมาก (บ่นเรื่องนี้ซ้ำๆ รัวๆ พอดีมือเล็ก)
อ่อ.. ลดราคาเพราะฟังเสียงลูกค้าเหรอครับ
ผมนึกว่าลดเพราะเจอราคาเปิดตัวของ Z2 กระหนาบกับราคาขายของ S5 ที่ออกมารอก่อนหน้าซะอีก :-p
เล่นอ้างว่าราคาสูงเพราะเทคโนโลยีและวัสดุแพงขึ้น แต่เจ้าอื่นเค้าไม่แพงตาม แบบนี้มันเพราะอะไรหนอ..??
เจ้าอื่นอาจเป็นพลาสติกเลยไม่แพงปะครับ?
แค่ Samsung ไม่ใช่หรือครับ ที่เป็นพลาสติก?
+1 ครับ
S5 ยังพออ้างเรื่องบอดี้พลาสติกได้ แต่เจอ Z2 ขอบอลูมิเนียม กระจกหน้าหลัง กันน้ำกันฝุ่น ลำโพงคู่หน้า ราคาถูกกว่า น่าจะทำให้น้ำหนักในการตั้งราคาสูง ๆ จากข้ออ้างเรื่องบอดี้หรือฮาร์ดแวร์ลดลง
A smooth sea never made a skillful sailor.
เรื่องวัสดุแพงขึ้นขอเถียงเลย ทำไมLG G2 เครื่องก็ใช้วัสดุดี สเปคเครื่องเทคโนโลยีก็เยี่ยมแต่ขายได้ในราค่า19990 บาทได้ แถมยังมีคนซื้อเยอะอีก
ค่าตัว Gary Oldman กับ Robert Downey Jr. มันแพงครับ
หลักการเดียวกับราคารองเท้าฟุตบอลที่ราคาสูงกว่ากีฬาอื่นเพราะค้องใช้จ่ายค่าตัวรักบอลด้วยสินะ