Tags:
Node Thumbnail

หากยังจำกันได้ เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา โมโตโรลาทำการเปิดตัวโทรศัพท์มือถือตระกูล Droid โดยจำหน่ายกับ Verizon เป็นพิเศษ (exclusive) เพียงเจ้าเดียวเท่านั้น ซึ่งถือเป็นโทรศัพท์มือถือกลุ่มแรกของโมโตโรลาที่ได้ใช้งานระบบประมวลผล X8 Mobile Computing System ซึ่งต่อมา คุณสมบัติเหล่านี้ก็ถูกบรรจุลงไปใน Moto X ที่เปิดตัวหลังจากโทรศัพท์กลุ่มนี้ไม่นานนักเช่นกัน

ผมมีโอกาสได้ซื้อเครื่องมือสองที่อยู่ในสภาพดีมากจากต่างประเทศ เพื่อเอามาใช้งานในชีวิตประจำวัน จึงถือโอกาสรีวิวเครื่องไปในคราวเดียว

คุณสมบัติของเครื่อง

ผมเชื่อว่าผู้อ่านหลายท่านคงสามารถหาคุณสมบัติของเครื่อง หรือสเปคของเครื่องได้ไม่ยาก (สำหรับคนที่อยากอ่านอย่างละเอียด) แต่เนื่องจากเครื่องนี้มีคุณสมบัติอย่างหนึ่งที่อยากกล่าวถึงเป็นพิเศษในจุดนี้ คือ ความสามารถในการรองรับทั้งคลื่น 2G (800/900/1800/1900) 3G (850/900/1900/2100) 4G LTE (700/1700) และ CDMA 1x EVDO Rev.A เครื่อง Droid Mini จึงสามารถใช้ได้แทบจะทุกที่ในโลกนี้ สำหรับในบ้านเรา ตัวเครื่องจะมีข้อจำกัดก็ตรงที่ไม่สามารถใช้ LTE ได้ครับ (ซึ่งถ้าคิดว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่ก็ถือว่าโอเคอยู่ครับ)

อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจและผมอยากหยิบยกมากล่าวคือ เครื่องของ Verizon ที่จำหน่ายและรองรับ 4G LTE นั้นเป็นเครื่องที่ปลดล็อคเครือข่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นผลพวงจากการประมูลคลื่น 700 MHz เมื่อปี 2008 ที่มีกฎ open access อยู่ ซึ่งไม่ได้มีความหมายจำกัดแค่ห้ามกีดกันการขอซื้อคลื่นต่อเท่านั้น แต่รวมไปถึงการห้ามตั้งค่าเพื่อกีดกันการใช้งานอุปกรณ์ของลูกค้าบนเครือข่ายอื่นด้วย กล่าวอย่างง่ายๆ คือห้ามทำการล็อคมือถือกับเครือข่ายของตัวเองนั่นเอง ซึ่งทำให้เครื่องของ Verizon ที่รองรับ LTE ทั้งหมด ไม่ถูกล็อคกับเครือข่ายอีกต่อไป

นอกเหนือจากนั้นภายในก็ใช้ระบบประมวลผล X8 Mobile Computing System พร้อมกับหน่วยความจำ 2 GB และรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ (อ่านเอาได้จากข่าวเก่าครับ)

ตัวเครื่องภายนอก

การออกแบบของ Droid Mini นั้นยังคงรูปแบบและแนวทางเดิมของโมโตโรลาที่จำหน่ายกับค่าย Verizon มาโดยตลอด นั่นก็คือการรักษาหน้าตาให้มีทิศทางที่เน้นความเรียบแต่ดูแข็งแรง (ลองดูจากชุดที่เปิดตัวเมื่อปี 2012 เป็นตัวอย่าง) และยังคงเอกลักษณ์ที่ใช้วัสดุ Kevlar บนตัวเครื่องในฐานะส่วนประกอบ

แต่ในงวดของปี 2013 ความแตกต่างคือการใช้ Kevlar เป็นวัสดุตัวเครื่องทั้งหมดในรูปแบบ Unibody ก่อนที่จะพ่นพลาสติกเคลือบเงาอีกชั้นหนึ่งเพื่อให้คงทน ส่วนตัวกระจกหน้าจอใช้ Corning Gorilla Glass โดยขนาดหน้าจออยู่ที่ 4.3 นิ้ว แม้จะออกแบบมาสวยงามอย่างไร แต่ในเวลาใช้จริงแล้วต้องกล่าวว่าการออกแบบเช่นนี้ทำให้เครื่องเต็มไปด้วยรอยลายนิ้วมือจำนวนมากได้ง่ายๆ

โดยส่วนตัวแล้ว ความรู้สึกในด้านน้ำหนักของเครื่องนั้นค่อนข้างเบาในระดับ Sony Xperia Z ที่ใช้อยู่ และเบากว่า Moto G อย่างชัดเจน เครื่องให้สัมผัสที่แน่นหนา หน้าจอให้สีที่สดใสกว่า Xperia Z แม้ว่าจะใช้หน้าจอแบบเดียวกัน (TFT) ก็ตามที

alt="IMG_20140306_155931"

alt="IMG_20140306_160020"

ด้านบนเครื่องมีเพียงช่องเสียบหูฟัง ส่วนด้านล่างเป็นช่องเสียบพอร์ต USB

alt="IMG_20140305_214520"

alt="IMG_20140305_214541"

ด้านซ้ายของเครื่องไม่มีอะไร ส่วนด้านขวามีปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง และปุ่มปรับเสียง ซึ่งในจุดนี้เองที่น่าสนใจตรงที่ หากดึงปุ่มปรับเสียงด้านข้างของเครื่องออกมา จะพบถาดใส่ซิมที่เป็น Nano SIM ซ่อนอยู่ ซึ่งคำถามก็คือ การใส่ซิมแบบนี้หากตัวปุ่มปรับเสียงที่เป็นถาดใส่ซิม ไม่สามารถยึดซิมได้ดี ในระยะยาวจะเป็นอย่างไร?

alt="IMG_20140305_214448"

alt="IMG_20140305_214713"

ขนาดเมื่อเทียบกับ Moto G จะเห็นว่าขนาดเล็กกว่าอยู่เล็กน้อย

alt="IMG_20140305_221058"

ซอฟต์แวร์ภายใน

เมื่อใส่ซิมและเปิดเครื่องไปตั้งแต่ตอนแรก เครื่องจะขึ้นหน้าจอแจ้งว่าซิมที่ใส่ในเครื่องนั้นไม่ทราบที่มา ซึ่งสำหรับคนที่เปิดหรือปิดเครื่องบ่อยๆ อาจจะรำคาญบ้าง แต่โดยส่วนตัวก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด

alt="Screenshot_2014-03-05-21-48-19"

เนื่องจากตอนรับเครื่องมา ภายในใช้แอนดรอยด์ 4.2 อยู่ แต่ก็ถูกแจ้งเตือนให้ทำการอัพเดตเป็นรุ่นล่าสุด (4.4) ทันที จึงมีโอกาสรีวิวเครื่องเมื่อเป็น KitKat แล้วครับ ซึ่งหน้าตาโดยทั่วไป แทบไม่ต่างจากแอนดรอยด์แบบ AOSP ที่แทบจะไม่ได้ปรับแต่งหน้าตาอะไรเลย เพียงแต่คุณสมบัติบางอย่างเช่นแถบด้านบนโปร่งใส ซึ่งเป็นของที่มากับ KitKat ไม่ถูกเปิดใช้งานด้วย (ไม่รู้ว่ากลัวซ้ำรอยแบบเดียวกับ Nexus 10 หรือไม่)

alt="Screenshot_2014-03-05-23-44-53"

ที่น่าสนใจคือ Droid Command Center ซึ่งเป็นวิดเจ็ตอันหนึ่งที่อยู่หน้าแรก สามารถแสดงได้ทั้งเวลาและข้อมูลอื่นๆ ได้ภายในอันเดียว ซึ่งอันนี้ก็ดีสำหรับคนที่ไม่ต้องการมีวิดเจ็ตมากมายอยู่ในหน้าจอครับ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหน้าตาจะไม่ได้ปรับแต่งอะไรมาก แต่ด้วยนโยบายของ Verizon ทำให้โมโตโรลาไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ จึงมีโปรแกรม/แอพจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้ใช้งานและติดมาด้วย ซึ่งเพื่อไม่ให้เป็นการเปลืองหน่วยความจำ ผมจึงสั่งปิดการใช้งานโปรแกรมเหล่านี้เอาไว้ (ที่เห็นในภาพเป็นเพียงบางส่วน)

alt="Screenshot_2014-03-07-00-24-08"

หน่วยความจำภายในที่ได้มาในเครื่องอยู่ที่ 16 GB ก็จริง แต่ตัวระบบปฏิบัติการใช้จริงไปเสียแล้วถึงเกือบๆ 5 GB จึงเหลือพื้นที่ใช้ประมาณ 11 GB ซึ่งก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก

alt="Screenshot_2014-03-07-00-24-37"

ความจริงอย่างหนึ่งคือ Droid Mini นั้น ออกแบบโดยใช้ปุ่มจริงที่ตัวเครื่อง ดังนั้นย่อมจะต้องเจอปัญหาโลกแตกของปุ่มเมนู แบบที่ HTC One ต้องประสบ ซึ่งแนวทางในการแก้ไขของ Droid Mini คือการทำให้ปุ่มที่เอาไว้ใช้สำหรับสลับโปรแกรม (เรียกว่า task key) ทำหน้าที่ปุ่มเมนูดังกล่าวด้วยการกดค้างไว้ ซึ่งถือว่าเป็นการแก้ไขปัญหาที่ค่อนข้างชาญฉลาดพอสมควร

alt="Screenshot_2014-03-06-21-56-59"

ความสามารถพิเศษของเครื่อง

ตัว Droid Mini มีความสามารถพิเศษอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งมีความน่าสนใจอยู่พอสมควร โดยจะหยิบยกมากล่าวถึงในรีวิวนี้จำนวน 3 อย่างด้วยกัน นั่นก็คือ Active Display, Touchless Control และ Motorola Connect

Active Display

ในคำจำกัดความที่สั้นที่สุดของ Active Display มันคือ Glance screen แบบเดียวกับ Nokia Lumia เพียงแต่ว่า Glance screen ปกตินั้นจะไม่สามารถดูได้ว่าเนื้อหาของการเตือนนั้นมีอะไรบ้าง แต่ Active Display ทำได้ครับ วิธีการเรียกใช้หากเครื่องวางราบหงายขึ้น ให้เคาะหน้าจอสองที (ซึ่งมักจะเรียกขึ้นได้บ้าง ไม่ได้บ้าง) หรือง่ายกว่านั้นคือเพียงแค่หยิบขึ้นมาดูเท่านั้นครับ

alt="IMG_20140305_214320"

alt="IMG_20140305_214303"

เราสามารถกำหนดได้ว่าจะให้แสดงอย่างไรบ้าง แอพไหนมีสิทธิแสดงการเตือนบนหน้าจอบ้าง รวมถึงการไม่แสดงรายละเอียดต่างๆ ด้วย ในกรณีที่เราไม่ต้องการให้คนมาเห็น

alt="Screenshot_2014-03-05-23-45-25"

โดยภาพรวมจากการใช้งานจริงก็ทำให้ใช้งานได้สะดวกขึ้นกว่าเดิม อย่างไรก็ตามหากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมก็ต้องเข้าไปด้านในอยู่ดี เรียกว่ามีไว้ก็ไม่เสียหายแต่อย่างไร

Touchless Control

คำจำกัดความของ Touchless Control ที่ง่ายที่สุดที่พอจะนึกออกคือ มันเป็น Google Now แบบที่พร้อมใช้งานตลอดเวลานั่นเอง กล่าวคือ ปกติเราสามารถเรียกใช้ Google Now ผ่านทางปุ่มโฮมหรือผ่านหน้าแรกโดยใช้ Google Now Launcher พร้อมกับพูดว่า "OK Google" แต่ในกรณีของ Touchless Control เราสามารถเรียกใช้งานทั้งในหน้าจอปกติและตอนปิดหน้าจอได้ด้วย เรียกว่า สามารถใช้ได้ตลอดเวลานั่นเอง

alt="IMG_20140305_214202"

alt="Screenshot_2014-03-05-23-45-04"

เราสามารถตั้งค่าเพิ่มเติมได้ว่าจะให้ทำอะไรเพิ่มได้บ้างเช่นกันในนี้ ซึ่งสามารถทำได้เท่าที่ Google Now จะทำได้ครับ แต่จะมีสองคำสั่งเพิ่มพิเศษ อันแรกคือ "What's up" ที่จะอ่านการเตือนทั้งหมดที่เรายังไม่ได้อ่าน และอีกอันที่ผมชอบใช้หามือถือ (ท่ามกลางกองเอกสารที่ยุ่งๆ) คือ "Find my phone" โดยอันหลังจะส่งเสียงร้อง เพื่อให้รู้ว่าโทรศัพท์อยู่ตรงนี้

alt="Screenshot_2014-03-05-23-46-06"

Motorola Connect

ความสามารถนี้คือการที่นำเอาข้อความและบันทึกการโทรของเครื่อง ขึ้นไปแสดงบนหน้าจอคอมพิวเตอร์โดยผ่านส่วนเสริมใน Chrome ครับ โดยสามารถพิมพ์ข้อความได้จากหน้าจอคอมพิวเตอร์เราเลย ลดการที่เราต้องหยิบเครื่องโทรศัพท์ขึ้นมาตอบได้มากพอสมควรเลยครับ

alt="Screenshot_2014-03-05-23-47-09"

alt="droidextension01"

alt="droidextension02"

นอกจากนั้นเรายังสามารถตั้งค่าการเตือนของ Motorola Connect บนเครื่องได้เช่นกัน

alt="droidextension03"

กล้องและคุณภาพของภาพถ่าย

สำหรับกล้องโดยรวมให้ภาพที่ออกมาดูดีในระดับแสงปกติ อย่างไรก็ตามเมื่อใช้ตอนเวลากลางคืนก็ยังมีภาพแตกหรือการรบกวน (noise) พอสมควร และดูเหมือนจะออกฟุ้งๆ ด้วย

alt="IMG_20140305_230808066"

alt="IMG_20140306_123548102"

alt="IMG_20140306_144401405"

alt="IMG_20140306_213344280"

ส่วนกล้องหน้าก็ทำรายละเอียดมาใช้ได้ดีพอสมควรครับ เอาไว้คุยกันทาง Skype ก็พอได้อยู่ทีเดียวครับ (ผมไม่ได้แนบภาพมาด้วยกับรีวิวนี้นะครับ)

ประสิทธิภาพ การใช้งาน และบทสรุป

ผมไม่ได้วัดเรื่องการใช้งานจริงจังในแง่ประสิทธิภาพนัก แต่ต้องถือว่าไม่ต่างจาก Xperia Z ที่ใช้อยู่มากมายนักเท่าไหร่ ซึ่งถือว่าใช้งานได้ดีและให้ผลลัพธ์ที่ดี ข้อดีที่ดีจนเห็นชัดกว่า Xperia Z แน่ๆ อย่างน้อยในสองจุดคือ อายุของแบตเตอรี่ที่ยาวนานกว่า Xperia Z เป็นไหนๆ แต่ก็ยังคงพ่าย Moto G ที่อยู่ได้นานกว่าอยู่ดีครับ อีกจุดหนึ่งคือหน้าจอที่ให้โทนสีดีกว่า และไม่มีอาการหน้าจอซีดให้หงุดหงิดหัวใจ

ความแม่นยำของ GPS นั้นอยู่ในระดับที่แม่นยำมาก แต่ต้องยอมรับว่ายังเป็นรอง Moto G อยู่ระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ทิ้งห่างกันมากมายนัก

alt="Screenshot_2014-03-06-21-33-04"

นอกจากนั้นแล้ว เรื่องของการชาร์จไร้สายที่ใช้มาตรฐาน Qi นั้นผมก็มีโอกาสลองไม่นานนัก แต่ก็ใช้ได้จริง เพียงแต่ว่าจะจ่ายไฟได้ค่อนข้างช้า จึงพบว่าการใช้สายเสียบให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วกว่า ในแง่นี้ถ้าคิดว่าซื้อความสะดวกอาจจะดี แต่ถ้าคิดถึงการจ่ายไฟแล้ว การชาร์จไร้สายอาจจะยังไม่ใช่คำตอบที่ดีเท่าไหร่นัก

ส่วนเรื่องการใช้โทรศัพท์ทั่วไปนั้น Droid Mini ให้เสียงที่คมชัดมากทั้งฝั่งผู้โทรและฝั่งผู้รับ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีมากๆ เมื่อเทียบกับประสบการณ์ในการโทรโดยใช้ Xperia Z ที่ไม่ค่อยชัดเจนและมีสัญญาณรบกวนอยู่พอสมควร และลำโพงของเครื่องด้านหลังให้เสียงที่ดังอยู่ในระดับที่ดีใช้ได้ทีเดียว แต่ก็ยังพ่าย Moto G ที่ดังสุดๆ (ผมตั้งไว้ชั้นสองของบ้าน เครื่อง Moto G ดังทะลุลงมาถึงชั้นหนึ่ง)

alt="IMG_20140305_213649"

ถ้าหากถามผมว่า ต้องการมือถือที่มีขนาดหน้าจอประมาณ 4 นิ้ว ซึ่งก็คือขนาดมาตรฐานย้อนกลับไปสักเมื่อราว 3 ปีที่แล้ว (ซึ่งปัจจุบันเรียกกันว่า Mini) โดยไม่เสียคุณสมบัติอื่นๆ ไป Droid Mini ถือเป็นตัวที่อยู่ในอุดมคติและดีมาก (มาก่อน Xperia Z1 Compact เสียอีก) และการทำงานโดยทั่วไปก็ให้ผลลัพธ์ที่ดีมาก โดยส่วนตัวแล้วชอบเครื่อง Droid Mini เป็นอย่างมาก หากมีกำลังทรัพย์เพียงพอ ก็ไม่ควรพลาดที่จะหันมามองและหามาใช้งานครับ และราคาเครื่องมือสองในเวลานี้หากเทียบกับค่าส่งแล้ว ราคาพอๆ กับ Moto G เครื่องหนึ่งเลยครับ ในแง่นี้จึงมีความน่าสนใจพอสมควรสำหรับคนที่แสวงหามือถือแปลกๆ มาใช้งานในบ้านเราครับ

(ของแถม) สำหรับผู้เล่น Ingress

คนที่เล่นเกม Ingress อาจจะพอทราบว่า โทรศัพท์มือถือเครื่องนี้จะมีเกมติดตั้งมาพร้อมกับเครื่อง ซึ่งนอกจากจะมีมาพร้อมกับเครื่องแล้ว ยังมีอาวุธพิเศษอีกชิ้นซึ่งถือเป็นสิทธิพิเศษของผู้ใช้ Droid รุ่นเปิดตัวปี 2013 (ที่แม้แต่ Moto X และ Moto G ก็ไม่มี) ซึ่งก็คือ Ultra Strike อันเป็นปืนที่มีขนาดทำการที่แคบมากๆ แต่มีความแรงสูงมาก ไว้กำจัดขาของป้อม ขาใดขาหนึ่งเป็นการเฉพาะ

ผู้เล่นเมื่อแรกเปิดเครื่องด้วย Droid Mini จะได้รับชุดอุปกรณ์พิเศษต่างๆ ในภาพครับ

alt="Screenshot_2014-03-04-16-28-26"

ส่วนตัวแล้ว Ultra Strike ใช้ยิงอย่างไรก็ไม่มีทางมันเท่ากับสาดปืนปกติครับ เพราะต้องไปยืนทับขา (Resonator) ที่ต้องการ แล้วต้องกดยิงอีกครับ เหนื่อยเอาการ

ป.ล. ภาพทั้งหมดที่ใช้ในรีวิวนี้ดูได้จากที่นี่ครับ

Get latest news from Blognone

Comments

By: nuclearlab
In Love
on 7 March 2014 - 09:39 #685739
nuclearlab's picture

น่าสนใจมากครับ แต่น่าเสียดายที่ร้านตู้มาบุญครองหาคนที่หิ้วเครื่องค่ายนี้ยากซะแล้ว

By: panurat2000
ContributorSymbianUbuntuIn Love
on 7 March 2014 - 10:25 #685752
panurat2000's picture

ซึ่งก็คือขนาดมาตราฐานย้อนกลับไปสักเมื่อราว 3 ปีที่แล้ว (ซึ่งปัจจุบันเรียกกันว่า Mini)

มาตราฐาน => มาตรฐาน

By: nrad6949
WriterAndroidBlackberryWindows
on 7 March 2014 - 10:59 #685772 Reply to:685752
nrad6949's picture

ขอบพระคุณที่ชี้แนะครับ เรียบร้อยแล้ว


I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.

By: Elysium
ContributorWindows PhoneSymbianWindows
on 7 March 2014 - 14:59 #685863 Reply to:685752
Elysium's picture

หรือไม่ง่ายกว่านั้น

ลองเปลี่ยนเป็น "หรือให้ง่ายกว่านั้น, หรือง่ายกว่านั้น"


คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ

By: nrad6949
WriterAndroidBlackberryWindows
on 7 March 2014 - 15:39 #685872 Reply to:685863
nrad6949's picture

ขอบพระคุณสำหรับคำชี้แนะครับ ดำเนินการเรียบร้อย


I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.

By: buzdesign on 7 March 2014 - 11:02 #685773

อยากได้แบบสุดๆ