Eric Schmidt ประกาศความร่วมมือกับองค์กร CANVAS บริจาค Raspberry Pi จำนวน 5,000 เครื่องในญี่ปุ่นเพื่อสนับสนุนให้มีโปรแกรมเมอร์รุ่นใหม่ๆ ในอนาคต พร้อมกับความช่วยเหลือครูผู้สอนให้สามารถสอนนักเรียนในชั้นเพื่อใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ความร่วมมือนี้น่าจะเป็นความร่วมมือแบบเดียวกับที่กูเกิลบริจาค Raspberry Pi 15,000 เครื่องในอังกฤษ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
Schmidt ระบุว่าที่ผ่านมาญี่ปุ่นมีปัญหาขาดแคลนโปรแกรมเมอร์ความสามารถสูง โดยเขาเคยอ่านบทความหนึ่งอธิบายว่าในสังคมซามูไรแบบญี่ปุ่นนั้นมักจะละเลยที่จะสร้างสรรค์งานที่จับต้องไม่ได้อย่างซอฟต์แวร์และการให้บริการ แต่ในความเป็นจริงคือเราไม่สามารถสร้างฮาร์ดแวร์ที่ดีได้ หากไม่มีซอฟต์แวร์ที่ดี
ที่มา - +Eric Schmidt
Comments
หัวเรื่องขาดตัว y
บริจาคทั้งที ก็ดันไปบริจาคให้คนรวย กำ
มีส่วนไหนในบทความบ้างครับ ที่บอกว่า "คนรวย" ?
เขาคงหมายความถึง "ประเทศญี่ปุ่น" ที่มีระดับจัดเป็นประเทศร่ำรวยล่ะครับ
อย่าจ้องจะตีความเป็นรายตัวอักษรสิครับ
บริจาคไม่ใช่ภาษีครับ ใครใคร่ทำตรงไหนก็ทำ
lewcpe.com, @wasonliw
เริ่มจากประเทศพัฒนาก่อนก็ดีนะผมว่า นำร่องไปก่อน การศึกษาเค้ามีคุณภาพ เด็กมีวินัย ถ้าเวิร์คค่อยไปโลกที่สาม
ผมอ่านประโยค
"สังคมซามูไรแบบญี่ปุ่นนั้นมักจะละเลยที่จะสร้างสรรค์งานที่จับต้องไม่ได้อย่างซอฟต์แวร์และการให้บริการ"
ไม่เห็นมีอะไรที่จะสื่อถึง "การให้บริการ" ในบทความที่ยกมาเลยนิครับ ?
การบริการตรงนี้คงหมายถึงพวก Web Service ครับ ไม่ได้หมายถึงพวกงานบริการอย่างร้านค้าหรือโรงแรม (อันนั้นคนไทยอายอยู่แล้ว)
เข้าไปเม้นแล้วว่า "มาบริจาคให้ไทยบ้างสิ"
เกรียนจริง ๆ 555
ผมไปเจอกับตัวตัว Raspberry Pi มันก็หาซื้อในญี่ปุ่นง่ายๆ ราคาก็ระดับมนุษย์กล่องที่นั้นก็ซื้อได้สบายๆ แต่บคคลกรมันคงหายากจริงๆ
ผมมองว่า ป๋าแพนด้า! เอ้ย ป๋าEric Schmidt มองไกลมากกว่านั้นครับ คงเห็นอะไรบางอย่างในแดนซามูไรมากกว่าสยามเมืองยิ้ม
Writer no.59 เพื่อสังคมแห่งการแบ่งปันความรู้
อิจฉา TOT ...ตามค่าเงินแล้ว JP น่าจะเป็นเจ้าของ Raspberry Pi ได้ไม่ยากเลย แปลว่าของมันจับต้องได้อยู่แล้ว การที่เอาไปให้แบบนี้เค้าจะอยากเรียนรู้รึเปล่านะ? ถ้ามันแพงจนไม่มีใครอยากจะเก็บเงินมาซื้อ เพื่อใช้ศึกษา แล้ววันหนึ่งมีคนเอามาให้ เฮ้ยย แบบนี้ก็ตอบโจทย์ คลิกกันพอดี
ในอีกมุมนึง คนไทย ของก็ไม่มีวางขาย ราคาถ้าบวกหิ้วก็บานอีก แต่เราก็ยังอยากได้กันอยู่ดี <3 55
หาซื้อไม่ยากครับ สั่งกับRS Component ราคาเบ็ดเสร็จพอกับเมืองนอก
สั่งมาเล่นตัวไปไม่รอด ให้หลานไปนานแล้วยังไม่ได้ตามผล
ผมเข้าใจว่าการบริจาคครั้งนี้เป็นการบริจาค "กึ่งบังคับ" คือ แค่มีของขายก็ไม่ใช่ว่าโรงเรียนจะซื้อไปสอนเด็ก คราวนี้เอาไปบริจาคด้วยเงื่อนไขว่าต้องส่งคนมาเรียนไปสอนด้วยนะ น่าจะทำให้ตัว RPi สามารถเข้าถึงเด็กนักเรียนได้มากขึ้นครับ
ทำไม RPI จึงเป็นที่นิยมกว่า Beaglebone ครับ
ในระยะแรก ๆ BeagleBoard มีราคาสูงกว่า RPi มาก แต่สเปคไม่ได้ดีกว่าเท่าไหร่ และไม่มี OS ที่เสถียรพอด้วย (ได้ยินมาว่าแฮงค์กระจาย) ในขณะที่ RPi นั้นใช้งานจริง ๆ จังๆ ได้สบาย
พอเวลาผ่านไปความนิยมของ RPi ก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนทาง BeagleBoard ถึงจะทำได้ดีขึ้น (มั้ง ? ไม่รู้) แต่ผมว่าคงตาม RPi ไม่ทัน
อ้อ RPi เป็นองค์กรการกุศลด้วย
ข้างล่างทั้งหมดเป็นการคาดเดาของผมนะครับ
คำถามที่ว่า "ทำไมต้องบริจาคให้โรงเรียนในญี่ปุ่น โรงเรียนพวกนี้มีปัญญาซื้อเองอยู่แล้่ว" เนี่ย คำตอบง่าย ๆ ก็คงเป็นเพราะ โรงเรียนไม่ได้อยากได้ แต่ Google พยายามสร้างความน่าสนใจโดยการเอาไปบริจาคซะเลย ของฟรีใคร ๆ ก็ชอบใช่ไหม
ปัญหาของญี่ปุ่นไม่ใช่ "ไม่มีปัญญาซื้ิออุปกรณ์มาฝึกเรียน" แต่เป็น "ความสนใจในเรื่องการเขียนโปรแกรม" ซึ่งการบริจาคในรูปของอุปกรณ์มันช่วยในเรื่องของการทำให้การเขียนโปรแกรมเป็นเรื่องง่าย แค่เอา RPi เสียบสายเข้าทีวี + เสียบคีย์บอร์ด-เมาส์ก็เขียนได้ละ ลองนึกภาพเวลาเขียนโปรแกรมจริง ๆ จัง ๆ เราต้องทำอะไรบ้างครับ ? ติดตั้ง OS ติดตั้ง Visual Studio และอื่น ๆ กว่าจะใช้งานได้ใช้เวลามากแค่ไหน ถ้าเป็นสายตาของนักเรียนผมว่ามันดูน่าเบื่อมากเลยนะ แถมจริง ๆ มันพังง่ายอีกต่างหาก
สิ่งที่สำคัญกว่าการบริจาคอุปกรณ์คือการสร้างบุึคลากรที่เป็นคนสอน Google ลงไปพาร์ทเนอร์กับองค์กรที่ทำงานด้านนี้เพื่อช่วยเพิ่มปริมาณคนสอนที่มีคุณภาพมากขึุ้น ถ้าไม่มีตรงจุดนี้ต่อให้บังคับแจกคนทั้งประเทศไปก็คงได้โปรแกรมเมอร์เพิ่มมาไม่กี่คน
สำหรับในประเทศกำลังพัฒนา การเอา RPi ไปแจกนั้นผมว่ามันไม่เพียงพอ เด็กหลายคนคงไม่มีเงินไปซื้อจอ/ทีวี เมาส์ คีย์บอร์ด ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นกับการใช้ RPi Google จะเอาของพวกนี้ไปบริจาคด้วยก็ได้ แต่ส่วนผมว่าการบริจาคของอย่าง Chromebook ที่สมบูรณ์กว่าและทำอะไรได้มากกว่านั้นจะมีประโยชน์กับคนในประเทศเหล่านี้ในระยะยาวครับ (ส่วนเด็กญี่ปุ่นนี้คงซื้อ Chromebook ได้เองสบาย ๆ อยู่แล้วมั้ง)
ผมอยากสอนพวกการเขียนโปรแกรมฟรี ๆ ให้เด็กที่สนใจอยู่เหมือนกัน กำลังดูลู่ทางอยู่ว่าไปทางไหนได้ จะว่าไปผมกำลังจะบริจาค Arduino 4 ชุดให้โรงเรียนมัธยมอยู่เหมือนกัน คือเด็กนักเรียนมันซื้อไหวอยู่แล้วแหละ (ชุดนึง 500 เอง) แต่ว่าอยากจะจูงใจให้เขามาสนใจด้านนี้มากขึ้นมากกว่า ตอนนี้กำลังดูอยู่่ว่านอกจากจะแค่บริจาคแล้วจะทำอะไรได้อีก แค่บริจาคของมันยังไม่พอครับ (อย่างที่พูดถึงข้างบนแหละ)
+1 แค่กำลังทรัพย์อย่างเดียวไม่พอจริงๆ ต้องพึ่งบุคลากรที่มีคุณภาพด้วย อาจารย์สอนยังไงเด็กก็ได้อย่างนั้น การที่เด็กจะชอบอะไรสักอย่างเรียนมันต้องมีความสุข + เรียนรู้เรื่องด้วย
เชื่อว่าต้องให้พร้อมกับ อันนี้ http://www.blognone.com/node/48635 แน่
ญี่ปุ่นมี software ที่เจ๋งกว่าทางยุโรปอยู่แล้วครับ
มือถือก็ล้ำกว่า
แผนที่ GPS ก็เป็น 3D ก่อนใครๆ
OS ที่ศาสตราจารย์ในญี่ปุ่นทำ เสถียรกว่า pi หลายเท่า และมัีนแฝงอยู่ในอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ขายอยู่ทั่วโลกก่อนนั้นแล้ว
ผมว่าเขาต้องการแค่เพิ่ม "ปริมาณ" มากกว่านะครับ
ไอ้คนเก่งน่ะมันก็มีอยู่จริงอันนี้ไม่มีคนกล้าเถียงหรอกครับ
T-Engine นี่ผมเคยไปอบรมสักสิบปีก่อนอยู่ครั้งสองครั้ง สุดท้ายแล้วพบว่าเข้าถึงยากมากครับ ถ้าไม่ได้ทำงานองค์กรใหญ่ๆ มีงบประมาณสูงแทบไม่สามารถเข้าถึงชุดพัฒนาได้เลย แต่พวกคอมพิวเตอร์ x86 ฝั่งสหรัฐฯ ผมเข้าถึง แก้ไข เรียนรู้ ฯลฯ ได้ตลอด อย่าง DOS ก็มาพร้อมภาษา BASIC มานาน
ปัญหาพวกนี้มันวนๆ และมันชัดตั้งแต่ยุคพีซีเป็นต้นมา ที่มันไม่ใช่เรื่องของ "สินค้า" แต่เป็นเรื่องของ "แพลตฟอร์ม" ภายในเวลาไม่กี่ปีที่โลกสมาร์ตโฟนกลายเป็นสินค้าสามัญ ปัญหาของญี่ปุ่นที่มองเป็นสินค้าก็หนักขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันนี้โทรศัพท์มือถือในญี่ปุ่นกลายเป็น iPhone/Android ไปแล้ว
ผมมองว่ามันมีปัญหาบางอย่างในอุตสาหกรรมไอทีญี่ปุ่นนะ ทั้งที่มีศักยภาพในการแข่งขันสูงขนาดนั้น แต่กลับไม่สามารถใช้ทรัพยากรออกมาบุกตลาดโลกได้
lewcpe.com, @wasonliw
น่าจะมีคนไทยสักกลุ่มเอา TP-LINK หรือ Asus ราคาไม่เกิน 500 มาทำตัวอย่าง Project แล้วเผยแพร่หมดเปลือก
อาจจะเล่นกับ PIC หรือ Arduino
http://wiki.openwrt.org/toh/tp-link/tl-mr3020
http://wiki.openwrt.org/toh/asus/wl-330n
จากต้นทุนจะน่าจะมีโอกาสมากกว่า Raspberry Pi