Paul Stamatiou ดีไซเนอร์ของทวิตเตอร์ โพสต์ความเห็นลงบล็อกส่วนตัวเปรียบเทียบมือถือ Android ว่าดีกว่า iOS
เขาเล่าว่าตัวเองเป็นผู้ใช้งาน iOS มาโดยตลอด และตั้งใจใช้ Nexus 4 เพื่อทดลอง-หาข้อมูลการออกแบบบน Android เท่านั้น ซึ่งในสัปดาห์แรกเขาต้องเปลี่ยนกลับมาใช้ iPhone ด้วยซ้ำ แต่ใช้ไปสักพักแล้วเขาก็ตัดสินใจขาย iPhone 5/iPad Mini เลยทีเดียว (ปัจจุบันเขาย้ายมาใช้ Galaxy S4 Google Edition เพราะสเปกดีกว่า-กล้องดีกว่า Nexus 4)
Stamatiou ให้ความเห็นว่าหลังจากใช้ Android แล้ว เขาพบว่าตัวเองไม่ถูกล็อคอยู่ภายใต้ระบบนิเวศของแอปเปิล และฟีเจอร์หลายอย่างของแอปเปิลที่เขาคิดว่าเจ๋ง ก็มีซอฟต์แวร์อื่นๆ ทดแทนได้หมด เช่น Photo Stream ใช้ Dropbox/Google+ Auto Backup แทนได้, Find My Phone ใช้ Lookout แทนได้
สิ่งที่เขาชอบใน Android เริ่มจากหน้าจอใหญ่กว่าทำให้อ่านง่ายกว่า, ปุ่ม Back ที่กดถอยหลังได้หนึ่งขั้นเสมอ, แอพ Gmail ที่ดีกว่า, ระบบแจ้งเตือนของ Android ที่เหนือกว่า, นอกจากนี้เขายังแนะนำแอพบน Android ที่มีความสามารถสูง-ปรับแต่งเองได้มากอีกหลายตัว ความยืดหยุ่นของมันจึงสูงกว่า (You can do anything with Android)
จุดขายของ Android ที่เขาคิดว่าโดดเด่นที่สุดและทำให้การใช้งานไหลลื่นได้แก่
ที่มา - Paul Stamatiou
Comments
ไม่น่าเกี่ยวกับแอนดรอยนะอันนี้ น่าจะอยู่ที่ผู้ผลิตมากกว่า
ข้ออื่นๆ เห็นด้วยกับ Paul Stamatiou เลย เหอๆ
ปัญหาคือแอปเปิลเองก็ไม่ได้ออกสินค้ามาครบทุกช่วงไงครับ
lewcpe.com, @wasonliw
หมายความว่าถ้าเค้าอยากได้มือถือจอ 5 นิ้ว เค้าไม่สามารถหาได้จาก Apple งัยครับ (หรือไม่ก็อาจต้องรออีกหลายปี)
ผมก็เป็นอีกคนนึง ที่เลิกใช้ไอโฟนเพราะจอเล็กนะครับ
เกียวครับ เพราะ android ไม่ได้ล็อคขนาดหน้าจอ ทำให้ผู้ผลิตสามารถทำขนาดหน้าได้หลากหลาย
แต่ต้องแลกมาด้วยปัญหา fragment ที่ android โดนมาตลอด
ผมว่าซัมซุงนี่ตัวดีเลย = =
^^^ มันก็ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับตัวระบบ Android นี่ครับ คนล่ะอย่างกันเลย
จอ = Hardware
Android = Software
ปล. อันที่จริงผมพิมพ์อธิบายไปเกือบ 20 บรรทัดแน่ะ แต่กลัวคนไม่อ่านกัน -.-
ไม่เกี่ยวกับ android โดยตรงครับ แต่เกี่ยวอย่างอ้อมๆ และมีนัยสำคัญจริงๆ
มือถือ android มีตัวเลือกเรื่องขนาดจอที่มากที่สุดใน os มือถือปัจจุบันแล้ว
ครับ ไม่เกี่ยวครับ งั้นช่วยรบกวนแนะนำที่ที่สามารถซื้อมือถือ ระบบ iOS หน้าจอ 5 นิ้ว แบบมีปากกาด้วยยิ่งดี ให้หน่อยได้มั้ยครับ?
คือปัญหาคือ iOS มันเป็นระบบปิดไงครับ ถ้าแอปเปิ้ลไม่ทำมือถือออกมาก็ไม่มีใครทำได้ ส่วน Android มันเปิดกว้างมากกว่าใครเอาไปทำไปต่อยอดยังไงก็ได้ นี่คือข้อดีของระบบที่เกี่ยวเนื่องกัย Hardware ไงครับ
แต่ก็อย่างที่ด้านบนว่ามาครับ Android ประสบปัญหา Fragmentation มาแบบไม่หยุดหย่อน เท่ากับว่าใครที่อยากซื้อ Android แล้ว App ใช้งานได้แบบทั่วไป ควรซื้อ SS ไปเลย ไม่ก็ซื้อ Device ที่หน้าจอขนาดใกล้เคียงกับ SS ให้มากเข้าไว้
ผมใช้มาหลายยี่ห้อหลายขนาดหน้าจอ ก็ไม่เจอปัญญาในแอพหลักๆ นะครับ
lewcpe.com, @wasonliw
ถ้าไม่ติดคำว่ามือถือ นี่ผมจะแนะนำ iPad mini ไปแล้วนะนี่
อืมๆ ไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยว
ชอบวุ้นมะพร้าวเพราะมันยืดหยุ่นนี่แหละครับ #ห๊ะ
มีคนคิดเรื่อง ปุ่ม Back ของ Android ด้วยเหมือนกันแฮะ ตอนแรกคิดว่าคิดไปเองคนเดียว แต่มันเป็นอะไรที่เบสิคและมากประโยชน์สุดๆ ปุ่ม Back ใน Android นี่สำคัญพอๆกับเวลาเปิดเบราเซอร์ในคอมพิวเตอร์ แล้วถ้าไม่มีปุ่ม Back นี่คงลำบากขึ้นเยอะเลย
ตอนเปลี่ยนจาก htc มา i4 นี่นั่งเครียดอยู่นาน เพราะมันไม่มี back นี่แหละครับ
กด Home ทีก็โหลดใหม่ที ติดที่ว่า i4 จับ GPS ได้เร็วกว่าเยอะไม่งั้นไงๆก็ไม่ใช้ครับ
อยากลอง Nexus 4 เหมือนกัน แต่ไม่รู้จะหาซื้อที่ไหน
power buy น่าจะพอมีของครับ..แต่เป็นสีขาวนะครับ
เพิ่งสอยมาเดือนที่แล้ว
ผมก็ได้จากร้าน power buy ขอนแก่นครับ
ขนาดร้านใหญ่ยังรับของมาแค่ 2-3 เครื่อง
MBK มีอยู่นะครับ เครื่องนอกน่าจะประมาณ 11,xxx
ลองไปหาดูตาม Jmart หรือ Tg phone ดูครับ ผมเห็นทั้งปิ่นเกล้าและพารากอนเลยนะ
A smooth sea never made a skillful sailor.
รู้สึกว่าข่าวนี้อวย Android แบบสุด ๆ ไปเลย
เห็นด้วยแฮะ
3 ข้อที่สรุปนั่นมันคือที่สุดของ android เลยนะ ทุกวันนี้ใช้ ipad mini แล้วรำคาญที่มันโดดไป app อื่นไม่ได้
เดี๋ยวนะ... แปลว่าเวลาคนใช้ไอโฟนกดลิงค์ข่าวบนทวิตเตอร์ เพื่อไปอ่านต่อบนเบราเซอร์แล้วพออ่านจบกดแบ็คกลับมาทวิตเตอร์ทันทีไม่ได้งั้นหรือ?
ครับ มันไม่มีปุ่ม back นี่ครับ - -"
แต่ถ้ากรณีแอพนั้น ๆ กดแล้วเปิด in app browser มันก็มักจะมีปุ่ม back ไว้ให้นะ
ปัญหาใหญ่เลย ต้องไปเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ก็มี
แอพบน iOS เกือบทั้งหมดมีเบราว์เซอร์ในตัวครับ แล้วกดปุ่มแบ็คในแอพเอา
ผมใช้ tweetbot มันฝังเบราเซอร์มาในตัวอ่ะครับ กดอ่านแล้วก็กดแบ๊คกลับมาได้
ได้นะ ใช้สี่นิ้วปาดซ้ายขวามันจะเป็นแอพ ก่อนหลัง นี่ครับ
Multitasking Gesture เฉพาะ iPad ครับ
ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ Multitasking Gestures อีกนิดแล้วชีวิตจะง่ายขึ้นครับ
อยู่ที่ Setting>General..
แต่ส่วนตัวแล้วผมกด Home สองครั้งเอา
สงสัยจะพิมพ์ไม่เคลีย ดูทุกคนเข้าใจผิดหมดเลย -_-"
ผมหมายถึงว่า ผมไม่สามารถไปแอพอื่น นอกจากที่โปรแกรมนั้นกำหนดไว้ได้ครับ
เช่น บนแอนดรอยด์ ผมสามารถกด link ของเวบพันทิป บน facebook app แล้วไปเปิดบน pantip reader app ได้
ซึ่งถ้าเป็น ios จะทำได้แค่ไปเปิดบน browser ของ app เท่านั้นครับ
เรื่อง back น่าหงุดหงิด แต่เรื่องนี้ผมหงุดหงิดกว่าเยอะครับ
ios มันมี Open In External App ครับ แต่ขึ้นอยู่กับว่าคนเขียนจะใส่ไว้หรือเปล่าเท่านั้นเอง
นั่นแหละ แปลว่าต้องกำหนดโดยผู้พัฒนาเท่านั้น ซึ่งทีม facebook คงไม่รู้จักพันทิป และคงไม่รู้จัก pantip talk ในเครื่องผมด้วย แต่ในแอนดรอยผมสามารถกำหนดได้เองไง
จริงครับ เวลาผมอยากอ่านพันทิพทีไร ต้องก๊อบ URL ไปใส่ในแอพ Pantip me เองตลอด คืออยากให้มันเปิดข้ามแอพได้จริงๆซะที
ในฐานะที่เป็นคนใช้ทั้งสอง Platform แต่ยังชอบ iOS มากกว่า ต้องบอกได้เลยว่า
แต่ปัญหาเดิมๆสำหรับผมคือ ทำไมแอพ Third-party ที่ผมเลือกใช้บน Android มันยังฝีมือไม่เข้าตาเสียที Evernote บน Android ก็ใช้ยากกว่า ส่วน Twitter client หาที่หน้าตาดีๆยังไม่เจอ (Falcon Pro เหมือนถ่ายไม่สุด), iMessage ที่ตอนนี้ใช้เยอะมากๆยังไม่สามารถตัดขาดได้ และ WhatsApp บน Android หน้าตาก็ไม่ค่อยดีเช่นกัน
@TonsTweetings
ปุ่ม Back ในระดับนึงขึ้นอยู่กับคนเขียน App ด้วยครับ คือ พอมี Fragment เข้ามาเวลาเขียนก็ต้องระบุด้วยว่าพอโหลด Fragment ใหม่จะให้ใส่มันลงไปใน Backstack ด้วยมั้ย ? (ปุ่มนี้ทำงานเป็นแบบ Stack ที่ควบคุมโดยตัว OS ต่างกับบน iOS ที่ผมเชื่อว่าขึ้นอยู่กับคนเขียน) หลาย ๆ คนไม่เข้าใจตรงจุดนี้ก็เลยอาจจะหลุด ๆ ไปบ้าง ที่แย่กว่านั้นบางแอพเล่น Override ปุ่มนี้ไปเลย (ทั้ง ๆ ที่เขาแนะว่าไม่ควรทำ)
เรื่องคุณภาพแอพคงเป็นเรื่องของฐานผู้ใช้ด้วยส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งผมคิดว่าเกิดจากการไม่เข้าใจการสร้างโปรแกรมเชิง responsive design (ซึ่งไม่ใช่เรื่องจำเป็นสำหรับ iOS แต่เป็นเรื่องคอขาดบาดตายสำหรับ Android) ทำให้โปรแกรมหลายๆ ตัวหน้าไม่น่าใช้ เพราะว่าผู้พัฒนาเองก็ทำให้สวยไม่เป็น ... ผมว่า บางคนยังใช้ Absolute Layout กันอยู่เลยครับ มันง่ายสุดแต่ก็ไม่ยืดหยุ่นเอาเสียเลย
จะว่าไป Whatsapp บน Android หน้าตาดูดีขึ้นมาก (มากกว่าอันเก่าที่ใช้ asset ของ iOS นะ) ส่วนตัวผมสังเกตคนรอบข้างพบว่าไม่มีใครใช้ iMessage กันเลยสักคน ใช้ Line กันหมด
ถ้าใครมี iphone ผมคุยด้วย imessage อย่างเดียวเลยครับ เกลียด line ช้า โหลดขึ้นบ้างไม่ขึ้นบ้าง
ผมใช้ Line เพราะมันมี sticker!
ถ้าใครมี Whatsapp ผมคุยด้วย Whatsapp อย่างเดียวเลยครับ เกลียด line ช้า โหลดขึ้นบ้างไม่ขึ้นบ้าง
ถ้าใครมีเวลา ผมคุยด้วยการโทรอย่างเดียวเลยครับ เกลียดเน็ตช้า โหลดขึ้นบ้างไม่ขึ้นบ้าง
Dream high, work hard.
ถ้าอยู่ต่อหน้า ผมไม่ใช้โทรศัพท์ครับ เงยหน้าขึ้นคุยเลย
ปล. หยอกเล่นครับ
ผมกลับชอบ iOS มากกว่า เหตุผลเดียว "ขี้คร้านปรับแต่ง" แอปเปิ้ลคิดแทนผมไปแล้ว บริการครอบคลุมการใช้งานของผม
ปรับแต่งอะไรเหรอครับ
ไม่ปรับอะไรก็ใช้งานได้ครับ
ยินดีด้วยครับ อะไรมันจะดีไปกว่าซื้อของแล้วได้ของที่ใช่ คุณเป็นผู้โชคดีเหมือนดีไซเนอร์ข้างบน
อ้อ ไม่ลองกัดฟันซื้อดรอยด์สักเครื่องมาลองบ้างครับ คุณอาจจะเป็นแบบดีไซเนอร์นี่ข้างบนคนต่อไป...
เคยใช้แล้ว เดือนนึงได้ ก็เลิกใช้ไปแล้วด้วยเลยครับ พูดจริง ๆ นะ เคยใช้จริง ๆ แล้วก็รู้จักคำว่าระบบปฏิบัติการด้วยครับว่าคืออะไร ปรับแต่งอะไรได้บ้าง มันแล้วแต่ style ผู้ใช้งานจริง ๆ
คิดเหมือนผมครับ ผมชอบอะไรที่คิดมาให้หมดแล้ว ใช้งานอย่างเดียว (เคยใช้แบบปรับแต่งได้เยอะ เสียเวลาอยู่กับการแต่งนู้นแต่งนี่ ไม่พอใจไม่ลงตัวเสียที เสียเวลากับการปรับแต่งมากกว่าใช้งานจริง)
"You can do anything with Android" เหตุผลนี้คือที่หนึ่งในใจผมเช่นกันครับ ;)
ไอ้ 2 ข้อแรกเรื่องปุ่ม Back กับ Share ข้ามแอพอันนี้เห็นด้วย ส่วน Google Now นี่เฉยๆ ส่วนเรื่อง App ระหว่าง iOS ที่เอามาทดแทนนั้น มีครบทุกตัว แค่ว่าอาจจะมี feature บางอย่างที่ไม่เท่ากัน ก็ว่ากันไปตามเรื่องตามราว
ส่วน Windows phone 8 ก็นั่งมอง เค้าสู้รบกันไปอยู่บนโน้น และได้นั่งงุบงิบในใจว่า Microsoft ถ้าพี่หวานเย็นแบบนี้ ปีหน้าผมก็คงไม่อยู่หล่ะ ชักเริ่มหงุดหงิด
ถ้าดีไซเนอร์แอพทวิตเตอร์คนเดิมยังอยู่ อาจจะไม่พูดแบบนี้ หือๆๆ
สำหรับผมนะ
1) Back ถอยหลังหนึ่งขั้นเสมอ -> บางทีผมเจอครึ่งขั้น บางทีผมเจอสองขั้น (เช่นทวีตแล้วกดแบค บางทีออกจากแอพ บางทีกลับไปหน้า Home (แต่ผมกระโดดมาจากแอพอื่นอีกที นายต้องพาเรากลับแอพก่อนหน้าสิ) อันนี้โดน Android Police ด่าไปรอบนึงแล้ว แก้แล้ว แต่เหมือนยังไม่สุด อาจจะอยู่ที่ 3rd party developer ด้วย
2) Intent -> เมพ
3) Google Now -> พี่เป็นอะไรชอบส่งผมกลับบ้านครับ T__T เพิ่งถึงออฟฟิศจะไล่กลับบ้านซะแล้ว
4) พวก Photo Stream มันทำให้ง่าย ไม่ต้องพึ่ง 3rd party สำหรับหลายๆ คนโดยเฉพาะคนที่ใช้ไม่เป็นน่าจะถือว่าเป็นข้อดี (มั้ง) แต่ผมเปิด Dropbox Auto Upload ทั้งสองแพลตฟอร์มล่ะนะ (ถือว่าเป็นกลาง ไม่บวกไม่ลบละกัน)
5) Find my iPhone -> อันนี้คงต้องรอดู Android Device Manager ระยะยาว ตอนนี้คล้ายๆ กัน รอดูว่าอนาคตจะมีอะไรที่มากกว่าฝั่ง iOS
Google Now มันเก็บสถิตนี่ครับ แสดงว่าคุณมักจะชิ่งกลับบ้านบ่อยๆ มันเลยจำได้
/me วิ่งหนี
ว่าแล้ว ทำไมมันพากลับบ้านตลอด
ของผมตั้ง "บ้าน" และ "ที่ทำงาน" ถูกต้อง แต่หลายๆ ครั้งมันบอก "ระยะทางกลับบ้าน ใช้เวลา 0 นาที"
สงสัยมันเข้าใจว่าผมวาร์ปได้ :D
Google now มันทำให้ผมไม่พลาดบอลซักแมตช์ ดูข้อมูลก่อนแข่ง พากลับบ้าน ดูรอบหนัง เปิดตารางงาน ผมว่ามันเป็นผู้ช่วยที่ดีมากเลย
ของผม ถึงบ้านมันบอกเส้นทางให้ไปทำงาน
ถึงที่ทำงานมันบอกให้กลับบ้าน
Google Now มันเตรีบมข้อมูลไว้ให้ก็ถูกแล้วนิครับ
... เวลาออกจากบ้าน ส่วนใหญ่ก็ไปที่ทำงาน เวลาถึงที่ทำงานสุดท้ายก็ต้องกลับบ้าน
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
มันรู้ด้วยนะครับว่าวันหยุดผมไปไหนบ่อย ตื่นเช้ามามันบอกเลยว่าเส้นทางไปรถติดรึเปล่า
ข้อเสียอย่างนึงที่น่ารำคาญมากๆของ Android คือหน้าล็อกที่ทำอะไรได้มากมาย ผมใส่ในกระเป๋ากางเกง พอมีคนโทรมาแล้วไม่ได้รับ ปรากฎว่าเข้าแอพนู้นแอพนี้สนุกเลย คือคนทำมันไม่เข้าใจคำว่าหน้าล็อกเหรอ -*-
ผมก็เคยมีปัญหานี้ครับ เพื่อนแนะนำให้ใช้ Pattern lock ก็ช่วยได้เยอะอยู่ครับ
+1 ผมก็ใช้ pattern lock ครับ ไม่มีปัญหาอย่างที่ว่าเลย
เห้ย นี่ผมพึ่งสังเกตุนะเนี่ยว่ามันเป็นแบบนี้จริง ๆ มิน่าผมก็ว่าผมล็อกโทรศัพท์แล้วนะ ทำไมมันโทรออกไปหาคนอื่นได้ - - เมื่อก่อนเป็นตอนเสียบหูฟัง คนโทรมาก็กดรับที่หูฟัง แต่พอวางสายมันไม่ล็อกให้ต้องหยิบขึ้นมากดล็อกแล้วค่อยเก็บอีกที น่ารำคาญมากที่สุด ตอนนี้เลยใช้เคสแบบมีฝาพับค่อยดีขึ้นหน่อย -..-
พูดซะ ถูกหมดเลย เขินๆ 555
อ่ะนะ เดี๋ยวแอปเปิ้ลคงต้องหาทางปรับปรุงให้สู้ได้ หวังว่าคงจะไม่ทำเหมือนเม้าส์เครื่องแม็คที่ไม่ยอมทำให้มีสองปุ่มซะตั้งนาน
เรื่องจอ ยังไงมีแค่ขนาดเดียวไม่พอหรอก สำหรับตลาดที่ใหญ่ขึ้นๆ ควรจะต้องแตกไลน์กันบ้าง
สิ่งเดียวที่ผมว่า iOS ดีกว่าคือเกมครับ
+1
นั่นแหละ
แต่สิ่งที่ปวดใจมากคือเกมส์ค่าย kairosoft ลงแอนดรอยด์ซะเยอะ ไม่ค่อยลง iOS เลย
ค่ายนี้ลง iOS ก่อนไม่ใช่เหรอครับ
หรือตอนนี้มันเปลี่ยนไปอะ
Android ก่อนนะครับ ก่อนหลายเกมส์เลยด้วย ^_^
เข้าใจถูกแล้วครับ แต่ก่อนจะลงบน iOS ก่อน แถมเว็บของ KairoSoft เองก็จะทำมาซัพพอร์ท iPhone ให้ดูในแนวตั้ง (อิงจากตอนนู้นนนน ตอนนี้ไม่รู้ครับไม่ได้เข้านานแล้ว)
อย่าง Game dev tycoon (จำชื่อไม่ได้) ก็มาจากบน iOS ก่อน แต่รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้จะมาบน Android ก่อนทุกเกมเลย
มัน submit ช้า + iTunes connect มันบางทีก็ตามอารมณ์คนตรวจครับ
แถมถ้าโดน rejected จาก store ทีนึงแล้วจะใช้ชื่อเก่า submit ไปอีก
ก็จะโดนตรวจเข้มมากเพราะคนตรวจมันให้คนเดิมตรวจ
อีกอย่าง in app purchase app ที่เขียนดีๆ submit ผ่านยากมากครับ
แต่ app กากๆ กลับผ่านไปได้ง่ายๆ ไม่รู้เป็นไง บางทีขึ้นอยู่กับอารมณ์คนตรวจ
สะกดตัวพิมพ์เล็กพิมพ์ใหญ่ผิดไป 1 ตัว บางก็นั่ง submit ไปเหอะ 2 เดือน
ไม่ให้ผ่าน แต่วันไหนอารมณ์ดี content ไม่ได้เปลี่ยนดันให้ผ่านซะงั้น -*-)
ปล.ความลับราชการ app ตัวอักษรขึ้นต้นด้วยตัวแรกๆ ของภาษาอังกฤษมักจะ
โดนเจ๊เบียบตรวจ เน้นตัวอักษรทุกเม็ด แต่ท้ายๆมักจะเป็นเด็กฝึกงาน - -")
ไอโฟนในมือผมสั่นไปหมดแล้ว
.
.
ขอรับสายก่อนนะครับ
:-)
มุกนี้ทำเอาฮาแตกเลย 555+
โอย ผมขำ
กด "ฮา" ให้เลยแจ้!
XD
ฮาได้อีก
ผมดันรำคาญไอปุ่ม back บน Note2 มากๆมือชอบไปโดนแล้วเตลิดไกลเลย ทำๆอยู่...โดน...เอ้าเวน...เอ้าหายหมด
ขอปุ่ม back บนหน้าจอดีกว่า
จริงด้วย เซ็งมากๆ
หน้าจอไอโฟนก็เล็กอยู่แล้วนะครับ แล้วคนทำแอพมันเป็นอะไรไม่รู้ชอบสร้างไอคอนไว้ใกล้ๆปุ่มแบค ทำผมจะปาทิ้งหลายทีละ กดไม่ไปข้างหน้าสักที ถอยหลังอยู่นั่น ต้องเล็ง
จริงค่ะ รำคาญเวลาวาดรูปอ่ะ มือมันต้องพาดตรงนั้น
น่าจะมีฟังก์ชัน Disable Back Button
Android โหลดบิทได้โดยไม่ต้อง jailbreak ครับ...
มีคนใช้มือถือโหลดบิทจริงเหรอครับ เคยคิดอยู่พักนึง โหลดได้เรื่องสองเรื่อง เลิกคิดเลยครับ
ผมโหลดประจำเลยครับ ยอมซื้อmem 64กิกมาใส่เพื่อการนี้เลย
ส่วนแอพดีสุดเท่าที่ลองก็ tTorrent Pro
โหลดประจำครับ โหลดมานานแล้วด้วย ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรเลย ความเร็วก็ได้เต็มๆ
Note8 โหลดสนุกสนานครับ เมมแค่ 32gb ต่อทุยไวไฟโหลดได้เต็มๆ 2MB/s ใช้ ttorrent pro โหลดเสร็จปุบ อัพเข้า Seagate Wireless Plus 1TB ผ่านแอพ es explorer จากนั้นดูผ่าน mx player ฟินจริงๆ
เผอิญซื้อแต่ของแท้ครับ
/me เผ่น...
ผมก็เริ่มจาก Android แต่ตอนนี้ใช้ Iphone เป็นหลักอยู่ เหตุผลคือ App ที่จำเป็นแค่ตัวเดียวเท่านั้น
ที่เหลือ Android ก็ทำได้เกือบหมดละ
เห็นด้วยนึกถึงตอนโทรสัพหาย น้องสาวให้ยืม iphone ใช้รู้สึกทำอะไรเหมือนไม่สะดวกอยู่ในกรอบไปหมด ความเสถียรไม่ต่างกันเลยเล่นดีๆ droid เสถียรกว่าน่ะบางยี่ห้อ ซื้อใหม่รู้สึกโล่งได้เล่นนั้นนี่มากกว่าชอบเล่นของใหม่ๆแต่งนั้นนี้ จอใหญ่เร็วสะดวก บลาๆ
ใช้ android เพราะ T-swipe คือสิ่งที่สำคัญสำหรับผมจริง ยิ่งถ้าเทียบกับทั้งสองค่ายในเรื่องพิมพ์ภาษาไทยนะ
ลอง SwiftKey แล้วจะลืม T-Swipe ไปเลย
ไม่ชอบ layout ของตัวอื่นๆเลย ชอบt-swipeเพราะแก้layout ได้
แม้จะซื้อ t-swipe มา แต่ตอนนี้กลับใช้ multiling O keyboard แทนแล้ว
ลากได้ ปรับlayoutได้ กินRAMน้อยกว่าตัวอื่น แม้คำศัพท์ไม่มากเท่าตัวอื่น
แต่ว่ามันก็เบาพอดีกับเครื่องที่สเปคต่ำ
คนทั่วไปจะรู้สึกว่า
คนบางกลุ่มที่ไม่รู้เรื่องมากนัก ชอบการทำงานง่ายๆ ก็จะชอบ iphone
แต่คนที่ชอบเล่นนั่นแต่งนี่ ก็จะเอนเอียงมาทาง droid มากกว่า
เหมือนคนชอบแต่งรถ เพื่อแสดงความเป็นตัวเอง กับคนที่ชอบขับรถเดิมๆจากโรงงานแหล่ะครับ
แต่ผมกลับเป็นทั้งสองอย่างครับ แค่เอียงไปทาง droid มากกว่า
แต่เอาเข้าจริง บางคนใช้ droid แบบไม่แต่งเลย กับคนใช้ iphone แล้วทำสารพัด
ซื้อมาแล้วใช้ให้คุ้มเงินก็พอครับ
±9999 ครับ คนไม่รู้เขาจะมอง อะไรดีที่สุด ณ ตอนตัดสินใจชื้อ
เอามาใช้ค่อยว่ากัน เรียนรู้กัน
+1 ชอบครับ ตรงประเด็น เห็นภาพ
ใน Android แต่ละโปรแกรมจะแบ่งออกเป็นส่วนย่อย ๆ เรียกว่า Activity ก็คือกิจกรรม และการเรียกใช้ Activity สักตัวเราจะต้องสร้าง Intent ก็คือเจตนา เราสามารถระบุในเจตนาได้เลยว่าจะไปเรียกกิจกรรมอะไร หรือแค่ระบุว่ามีเจตนาออะไร เช่นโทรออกก็ใช้ ACTION_DIAL ระบบจะไปหากิจกรรมที่เหมาะสมมาให้เรา
ด้วยวิธีนี้การเขียนโปรแกรมบน Android จึงสามารถใช้งานร่วมกันระหว่างโปรแกรมได้ และไม่จกัดอยู่แค่การแชร์ข้อมูล อย่างสมมติผมอยากเขียนโปรแกรมให้ระบุเบอร์โทรศัพท์ของ customer support ในหน้า About ผมก้แค่ทำปุ่มขึ้นมา พอกดแล้วสร้าง Intent ระบุว่าอยากโทรหาเบอร์นี้ ก็จบ ระบบจะไปหาเองว่าจะใช้อะไร (ถ้ามีมากกว่า 1 อันจะมีตัวเลือกแสดงขึ้นมาให้เลือก) ไม่ต้องบอกด้วยว่าใช้ Dialer ของระบบนะ หรือต้องมาเช็คว่ามี Skype ติดตั้งหรือเปล่า
ทั้งนี้เราสามารถสร้าง intent โดยไม่ระบุข้อมูลเป็นพารามิเตอร์ อย่าง ACTION_DIAL เนี่ยถ้าเราไม่ระบุเบอร์โทรศัพท์ลงไปใน Intent ระบบก็จะเรียกหน้าจอหมุนโทรศัพท์ขึ้นมาแทน เป็นต้น ถ้าเป็นในกรณีนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นการแชร์ข้อมูลระหว่างแอพใช่มั้ยครับ ? เพราะที่จริงไม่มีข้อมูลอะไรถูกแชร์ระหว่างกัน มีแต่บอกว่าผู้ใช้อยากกดโทรออกเท่านั้นเอง
ตอนเห็น intent ครั้งแรก ก็คิดว่า นี่มัน unix shell script ชัด ๆ ถ้าไม่ greek จริง ๆ คงคิดออกมาไม่ได้
ผมว่าแนวคิดมันคล้ายกับ message ใน Windows นะครับ
ผมเข้าใจ คำว่า intent กับ activity ใน android ขึ้นเยอะเลย
คุ้นเคยมาแต่ form form form จาก .net
ทำให้อยากกลับไปหัดเขียนอีกครั้งหลังจากถอดใจไปเนือกจาก งง ไม่เข้าใจ concept ใน android
^
^
that's just my two cents.
รักแอนดรอยตรงนี้แหละครับ
ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่า activity กับ intent มีชื่อภาษาไทยแล้วว่า กิจกรรม และ เจตนา O_o
(เขียนแอพมาตั้งนานเรียกซะติดปากทัพคัพท์เลยไม่รุภาษาไทยเรียกยังไง :P)
เปล่า ผมเปิดพจนานุกรม :)
ผมเขียน iOS ทีไรคิดถึง Intent ทุกที สะดวกแท้
ใช้ android เพราะ falcon twitter ฮาาาาา เหตุผลคือเก็บ cache tweets ย้อนหลังได้เยอะข้ามวัน ซึ่ง IOS ยังไม่มีแอพไหนทำได้
สุดท้าย
"
... ฉันคิดว่า Google Now ที่บางครั้งทำงานได้มหัศจรรย์ราวกับว่ามีเวทย์มนต์
sent from iPhone.
"
เรื่อง task switching เรื่อง back ผมไม่ค่อยเดือดร้อนแฮะ
ที่ผมรำคาญที่สุดใน iOS เป็นเรื่องที่พอใช้ RAM หมด มันเล่นแอบปิด inactive app ไปเลย
เหลือทิ้งไว้แต่ icon ให้ดูต่างหน้าบน multitasking bar พอเปิดมาต้องโหลดใหม่หมด
ความจุเหลือ 50GB ก็ช่วยทำตัวเลือกให้มัน save ข้อมูลจาก RAM ลง internal storage แทนแล้วค่อยโหลดเวลาเปิดได้ไหม
ตอนใช้ Android ไม่เคยเป็น ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะมันฉลาดกว่าหรือเพราะมัน RAM เยอะกว่า
Intent กับการปรับแต่ง ผมว่า iOS ทำแบบนี้ดีอยู่แล้ว
ลักษณะของ iOS ในสายตาของคนทั่วไปในตลาดตอนนี้คือ ราคาแพงเกินสเปค,ปลอดภัย,ใช้ง่าย
ถ้าไปเลียนแบบ Android แล้วแข่งแนวทางเดียวกันกันผมว่า iOS ตาย สู้เขาไม่ได้ครับ
แต่งเพื่อการใช้งานให้ง่ายต่อตัวเอง ผมแต่งgestureให้Note10.1เยอะมาก คนขอลองเล่นก็ชอบบอกว่าใช้ยากจัง ผมก็บอกว่าใช้ไม่ยากหรอก แต่ผมทำให้ผมใช้เป็นคนเดียว ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นใช้เป็น มันควรปรับให้เข้ากับความถนัดของผู้ใช้ได้ ไม่ใช่ให้เราปรับเข้ากับสิ่งที่คนทำคิดแทนให้
การที่จะทำอะไรสักอย่างถ้าใช้actionน้อยลง 1-2 action มันเร็วและสะดวกขึ้นมากเลยครับ ปุ่มBack เป็นอะไรที่ขาดไม่ได้จริงๆ ที่จริงBackก็งอแงบ่อยนะ แต่เดี๋ยวนี้ดีขึึ้นมากแล้ว
intent เป็นยังไงไม่เคยใช้
เรื่องอื่น ท่านอื่นๆก็คอมเมนท์กันไปหมดแล้ว ที่ผมอยากรู้คือ
นามสกุลแกอ่านว่าอะไรเนี่ย สตามาตุ?
เห็นด้วยกับ back และ intent นอกนั้นก็เฉยๆ
อารมณ์ได้ของเล่นใหม่ที่เกินความคาดหมาย หรือ อารมณ์ถูกปลดปล่อยเป็นอิสระมากขึ้น ไม่แน่ใจอันไหนแน่
ตอนแรกที่ย้ายมา ios จัดใจเรื่อง ปุ่ม back กับ menu แต่เดี๋ยวนี้ด๋อยรุ่นใหม่ๆ เหลือ แค่ home กับ back (recent app ไม่ขอนับ) รุ้สึกยุ่งยากกว่าเมื่อก่อนอะ.
(แต่เพิ่งเคยเจอคนพูดถึงปุ่ม back ในฐานะ killing feature แหะ)
เห็นด้วยเลย ไม่รู้ตัด setting ทำไม ผมใช้บ่อยมากเลย
เห็นด้วยเป็นส่วนใหญ่ ที่ยกมาถือว่าเป็นข้อได้เปรียบเรื่องความยืดหยุ่นของ Android จริงๆ แต่ Google Now ตอนนี้ก็ยังไม่รู้สึกถึงขนาดว่าจะเป็น Magical นะครับ
ผมมีเคสหนึ่งมาแชร์ เมื่อต้นเดือนที่แล้วผมเก็บกระเป๋าเงินได้ ข้างในมีมือถือเครื่องยาวๆ เครื่องหนึ่งก็ไม่ได้สนใจอะไรแค่รอให้เจ้าของโทรมาตามแล้วให้มารับเครื่อง หลังจากที่รอเจ้าของโทรมาตามหาสักพัก พอมือถือดังก็เลยดึงมือถือออกมา แต่ปัญหาคือผมรับสายไม่เป็นลองกดทุกปุ่มโดยเริ่มจากปุ่มที่มีความน่าจะเป็นว่าเป็นปุ่มรับสายมากที่สุดไล่ไปเรื่อยๆ แต่ผมก็กดไม่ได้จนเสียงเรียกเข้าดับไป จนโทรมาอีกสองครั้งความพยายามในการรับถึงสำเร็จ
ผมเลยมองว่าจากความที่เปิดโอกาสให้ User หรือเจ้าของแบรนด์ปรับแต่งได้มาก มันก็นำมาซึ่งปัญหาที่เราคาดไม่ถึงได้เหมือนกัน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นส่วนหนึ่งคงเป็นความไม่ชำนาญใน Android บวกกับความทึ่มของผมเอง
ใช้ทั้ง iOS และ android
เวลาเล่นเกมที่ต้องการความเร็วตอบสนองมากๆ
สังเกตว่าเล่นใน android เวลา touch หน้าจอจะมี delay กว่านิดนึงครับ
เช่น Line Windrunner, Fish island
ได้ยินคนพูดบ่อยๆว่า pure google android เร็วกว่า
เรื่องความเร็วในการตอบสนองนี่เร็วเหมือน iOS รึเปล่าครับ
ตอนนี้การใช้งานหลักๆก็เลยจะเป็น android เล่นเกมบางเกมจะใช้ iOS
ใช้ Nexus 4 อยู่ครับ ไม่ได้ปรับแต่งใดๆ เลย
คหสต.มันลื่นกว่า android อื่นๆ อ่าครับ (ไม่ได้เร็วกว่านะ แต่ลื่นกว่า) ขนาดว่าลองเอา Galaxy S4 ของหัวหน้ามาลองเล่นแอพต่อแอพนี่ น่าแปลกใจมากว่าหลายๆ อย่างใน Nexus 4 มันดัน smooth กว่านี่สิ
ส่วนความเร็วในการตอบสนองยังมี delay อยู่นิดนึงครับ ยังไม่เป๊ะเท่า iOS เลย (ส่วนตัวเคยใช้ไอโฟนมา 2 เครื่องแล้ว ขายต่อละเพื่อซื้อ Nexus 4 และปัจจุบันยังใช้ไอแพดร่วมด้วยครับ)
Nexus 5 มาเมื่อไหร่มาขายต่อผมได้นะครัช
ความรู้สึก เหมือนดีไซเนอร์คนนี้ อารมคล้ายๆ กับ กระเทยที่มันเป็นสาวก iPhone แต่ Samsung จ่ายเงินจ้างมาด่า iPhone แล้วอวย SS
จำชื่อไม่ได้
แล้วก็ทวิตผิดเครื่องด้วยใช่ปะ
@DJJMAM ?
แต่ผมดันไม่ชอบปุ่ม back ใน Android เท่าไหร่เลย ถ้าใช้งานแบบเปิด app ค้างๆ ไว้ เรียก app จาก notification บ่อยๆ งงมากเลยว่ากด back จะออกหรือย้อนไปหน้า home เช่น facebook หรือบางทีต้องกด back เกือบสิบรอบเพื่อไปหน้า home screen (มันย้อนตั้งแต่ noti ทุกอันที่เคยเปิด ทุป app ย้อนไปทีละ app ถ้าเราไม่เคยกด back เพื่อปิด แต่กดปุ่ม home ออก) และขึ้นกับ app อีกว่ากด back ถอย 1 ขั้น หรือกลับหน้าแรก หรือออกจาก app บาง app ก็กด back เพื่อออกไม่ได้อีก
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ปุ่ม Back ขึ้นอยู่กับ App ด้วย (เพราะเขียน Override ได้ แต่ไม่แนะนำ) Dev บางคนก็มั่วถั่วครับ (FB นี่ล่ะตัวดี) อันนี้ต้องทำใจ
ว่าแต่ Facebook ไม่มีหน้า Home นะ ถ้าจะเปิด News Feed ก็กดปุ่ม Home แล้วเลือก News Feed ก็จบละ
ถ้ากดเข้าดู noti จาก ongoing notification (ที่ฝั่งบน noti bar) มันกดเลือกเมนูเข้า news feed ไม่ได้อะครับ ต้องกดอ่านซัก notification นึง แล้วถึงเข้าหมนูด้านซ้ายเลือก news feed ได้ และถ้ากดอ่านโพสไหน กดลิ้งต่อ เปิด browser พ่อจะปิดทุกอย่างมัน back ทีละขั้นจนกลับไปที่ noti จาก ongoing noti ถึงจะปิด app facebook ได้ ถ้าอ่านเพลินๆ แล้วจะออกนี่กด back กันยาว ถ้ากด home ออกพอเปิดกลับเข้ามาก็ต่อจากเดิมอีก และถ้าจะปิดก็ back อีกยาว งงมั้ยครับ เขียนเองยังงงเอง ฮ่าๆ ><
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ผมติด iOS เพราะ app พวกทำเพลงครับเช่น garageband, jamup pro, ampkit เหมือนจะเคยอ่านเจอว่า android ติดปัญหาเรื่อง low-latency อะไรทำนองนี้
มีข่าวว่า 4.3 แก้ตรงจุดนี้ แต่คิดว่าจะเป็นพวกทางเกมหรือโปรแกรมดูหนังมากกว่า
แถวบ้านเรื่องอาการที่ดีไซเนอร์คนนี้เจอคือ "ตาสว่าง" ครับ อิ_อิ
เวทย์มนตร์ => เวทมนตร์
สิ่งนึงที่ทำผมหงุดหงิดไอโฟน คือเกมที่เคยลงไอโฟนมาก่อนแล้วค่อยพอร์ตมาแอนดรอยด์ ส่วนใหญ่มันจะเล่นได้ไม่เต็มหน้าจอ เหลือที่ว่างดำๆเกือบทุกเกม
ได้แต่บ่นว่า ถถถถถ...
... ไม่ใช่แน่ ๆ
/me หนีด่วน
ผมว่า ถ้าถูกถอดถ้อยถัง ครับ
Android ดีกว่า iOS ในหลายๆแง่
แต่ iOS ก็ยังดีกว่า Android ในหลายๆแง่เช่นกัน
ผมไม่ใช่ผู้พัฒนา จึงมองไม่ออกเรื่องรายละเอียดเล็กน้อยของการสร้างแอพ
แต่รู้สึกว่า Android หนึ่งแอพ ทำอะไรได้หลากหลายกว่า
ส่วน ios แอพเดียวกัน ใช้งานง่ายกว่า...
กดปุ่ม Back ใน WP สิมันกว่านะ link เยอะ back กลัยได้เป็นวัน
หน้าจอ(Nokia)ก็ใหญ่ด้วยนะ ใช้กุญแจแทนปากกาได้ด้วย
แถมไม่ถูกล็อคอยู่ภายใต้ระบบนิเวศของ Android ด้วย
แถมกล้อง(Nokia)ก็ดีกว่า เครื่องในตระกูล Android ด้วยนะ
...
แต่ใช้ไปสักพักแล้วเขาก็ตัดสินใจขาย Galaxy S4
.
/ฟิ้วววว..
ถูกใจกับถูกต้อง มันไม่เหมือนกัน สิ่งที่ถูกใจอาจไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง วันนี้ไม่ถูกใจไม่เป็นไร เพราะเราเคยเป็นคนที่ถูกใจและเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ลูกจงภูมิใจว่า " ลูกเป็นสิ่งที่ถูกต้อง " - Apple ไม่เคยกล่าวไว้
สำหรับผม iOS ดีกว่า Android ตรงที่ UI มันลื่นอย่างกว่าเดียวครับ
นอกนั้นให้ Android หมด
^
^
that's just my two cents.
อยากให้ใช้ง่าย เรียนรู้เร็ว เสถียร ใช้ไอโฟน ขยันเรียนรู้(มือถือ)พบปัญหาบ้างแต่ยืดหยุ่นกว่า ใช้แอนดรอย
ซื้อมือถือให้แม่กะแฟน ผมซื้อไอโฟน ไม่ลังเล เรียนรู้ง่าย ไม่จุกจิก
แต่แฟนผมเปลี่ยนมาใช้แอนดรอย ขายไอโฟนทิ้งเหมือนตานี่เลย แรกๆก็บ่นว่ายากๆ สุดท้ายพอชิน อะไรๆก็ง่ายกว่า ตั้งแต่เริ่มเลย หาแอปที่ใช้ง่ายกว่า ไอโฟนมีเป็นสิบหน้ากว่าจะสไลด์ไปเจอ ต้องกดพิมหาตลอด และอีกหลายๆอย่าง
เศร้าสุดของแอพสโตร์คงเป็นเรื่องชื่อแอพน่ะครับ บางครั้งสะกดผิดตัวเดียวไม่ขึ้นให้
ต้องเข้าซาฟารีหาจากกูเกิลแล้วหาลิงค์ในเวบรีวิวถึงจะได้โหลด...
เอ๊ะ หรือผมหาไม่เป็นเอง
เจอผู้ประสบเหตุการณ์เดียวกันแล้ว ( ;w;)/
Dream high, work hard.
เป็นเหมือนกันครับ
ปัญหาคือพี่โคตร GEEK เลยครับ
blog