Tags:
Node Thumbnail

หลายคนคงได้ยินชื่อเสียงของกระบวนการสัมภาษณ์งานกูเกิลที่มีคำถามสุดหินและประลองปัญญา ซึ่งก็ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของกูเกิลที่ช่วยดึงดูดให้คนเก่งๆ อยากเข้ามาสัมภาษณ์งาน

แต่ Laszlo Bock รองประธานอาวุโสฝ่ายทรัพยากรบุคคลของกูเกิล ให้สัมภาษณ์ว่าจากสถิติของกูเกิลเอง (ที่บ้า big data เป็นทุนอยู่แล้ว) กลับพบว่าคำถามประลองปัญญาเหล่านี้ไม่มีความสัมพันธ์กับประสิทธิภาพของพนักงานที่รับเข้ามาแม้แต่น้อย (Bock ใช้คำว่า "เสียเวลาอย่างสิ้นเชิง" a complete waste of time) ประโยชน์ของมันมีแค่ให้ฝ่ายที่เป็นคนสัมภาษณ์รู้สึกฉลาดเท่านั้น

สิ่งที่ Bock บอกว่าสำคัญกับการสัมภาษณ์คือการสัมภาษณ์เชิงสังเกตพฤติกรรม (behavioral interview) โดยที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลของกูเกิลต้องเตรียมคำถามไว้ก่อน (structured) เพื่อให้ถามคำถามชุดเดียวกันกับผู้เข้าสัมภาษณ์ทุกคนและสามารถนำมาเปรียบเทียบได้ ตัวอย่างของคำถามลักษณะนี้คือ "จงยกตัวอย่างช่วงเวลาที่คุณแก้ปัญหายากๆ ได้" ซึ่งผู้ถามจะสังเกตว่าผู้ตอบมีท่าทีต่อปัญหาในสถานการณ์จริงอย่างไร และสังเกตผู้ตอบว่าปัญหาแบบไหนที่ผู้ตอบมองว่า "ยาก"

ข้อมูลอื่นๆ ที่ Bock เล่าในบทสัมภาษณ์ได้แก่

  • ไม่พบความสัมพันธ์ว่าผู้สัมภาษณ์งานคนไหนสามารถหาพนักงานเก่งๆ เข้าบริษัทได้เป็นพิเศษ ความสามารถของพนักงานที่รับเข้ามาไม่เกี่ยวข้องกับผู้สัมภาษณ์แม้แต่น้อย
  • ขนาดของทีมเฉลี่ยในกูเกิลอยู่ที่ 6 คนต่อทีม
  • ผู้นำที่ดีจะต้องสม่ำเสมอ (consistent) ยุติธรรม (fair) เพื่อให้ลูกทีมสามารถเดาวิธีคิดของผู้นำได้ เมื่อลูกทีมรู้สึกว่าผู้นำปฏิบัติตัวสม่ำเสมอ ก็จะรู้สึกว่าตัวเองมีอิสระในการทำงานเป็นอย่างมาก (เพราะเดาได้ว่าอะไรที่ผู้นำทีมอนุญาตให้ทำและไม่ให้ทำ)
  • กูเกิลเปิดให้พนักงานทุกคนให้คะแนนหัวหน้างานของตัวเองเป็นลำดับชั้นขึ้นไปเรื่อยๆ โดยแบ่งมิติที่ให้คะแนนเป็น 12-18 ด้าน แล้วแชร์กลับไปยังหัวหน้างานคนนั้นๆ ให้รับทราบ ระบบนี้ทำให้หัวหน้างานที่แย่อยู่ในบริษัทได้ยาก และคุณภาพของการบริหารคนของกูเกิลดีขึ้นมากในรอบ 3 ปีหลัง
  • เกรด (GPA) ในสมัยเรียนและคะแนนทดสอบ (test score) ของพนักงานไม่มีประโยชน์ใดๆ ในการพิจารณาการจ้างงาน ซึ่งตอนนี้กูเกิลเลิกขอ transcript และคะแนนทดสอบจากผู้สมัครงานไปแล้ว เว้นแต่ว่าจะเพิ่งจบการศึกษาเท่านั้น
  • เหตุผลที่เกรดกับคะแนนทดสอบไม่มีผลกับการทำงาน เป็นเพราะทักษะที่จำเป็นในตอนเรียนนั้นต่างไปจากทักษะในการทำงานที่กูเกิลอย่างสิ้นเชิง เมื่อเรียนจบเข้ามาทำงานกับกูเกิล 2-3 ปี พนักงานจะมีทักษะที่แตกต่างจนกลายเป็นอีกคนไปเลย
  • Bock ยังบอกว่าสภาพแวดล้อมในสถานศึกษานั้นเป็น "สภาพแวดล้อมจำลอง" คำถามที่อาจารย์ถามเราต้องการคำตอบแบบเจาะจงชัดเจน ในขณะที่ปัญหาในโลกจริงส่วนใหญ่ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ทักษะในการใช้ชีวิตในสถาบันการศึกษาจึงต่างกับโลกการทำงานจริง
  • สัดส่วนพนักงานกูเกิลที่ไม่ได้จบชั้นอุดมศึกษามากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงหลัง ตอนนี้มีบางทีมในกูเกิลที่มีพนักงานไม่จบการศึกษาถึง 14%

ที่มา - The New York Times

Get latest news from Blognone

Comments

By: PaPaSEK
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 23 June 2013 - 19:26 #589776
PaPaSEK's picture
  • กูเกิลเปิดให้พนักงานทุกคนให้คะแนนหัวหน้างานของตัวเองเป็นลำดับชั้นขึ้นไปเรื่อยๆ โดยแบ่งมิติที่ให้คะแนนเป็น 12-18 ด้าน แล้วแชร์กลับไปยังหัวหน้างานคนนั้นๆ ให้รับทราบ ระบบนี้ทำให้หัวหน้างานที่แย่อยู่ในบริษัทได้ยาก และคุณภาพของการบริหารคนของกูเกิลดีขึ้นมากในรอบ 3 ปีหลัง
  • ผู้นำที่ดีจะต้องสม่ำเสมอ (consistent) ยุติธรรม (fair) เพื่อให้ลูกทีมสามารถเดาวิธีคิดของผู้นำได้ เมื่อลูกทีมรู้สึกว่าผู้นำปฏิบัติตัวสม่ำเสมอ ก็จะรู้สึกว่าตัวเองมีอิสระในการทำงานเป็นอย่างมาก (เพราะเดาได้ว่าอะไรที่ผู้นำทีมอนุญาตให้ทำและไม่ให้ทำ)

สองข้อนี้ยิ่งทำให้รู้สึกว่ากูเกิล "เจ๋ง" ครับ

By: ninja741 on 23 June 2013 - 21:35 #589814 Reply to:589776

2 ข้อนี้ บริษัทอื่นก็ใช้แนวทางแบบนี้นะ

By: deargerous
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 23 June 2013 - 22:51 #589827 Reply to:589814
deargerous's picture

มีที่ไหนไหนบ้างครับ ในเมืองไทย?

By: thumb6455
Android
on 24 June 2013 - 00:39 #589838 Reply to:589827

[Ads] Page365 ฮะ ;)

By: lic0ricez
Android
on 24 June 2013 - 20:42 #590085 Reply to:589827

เราเคยทำงานรับจ้างพิมพ์งานให้กับบ.หนึ่ง มีแบบประเมินต่อบุคคล 8 คน (มีตัวเอง เพื่อนร่วมงาน เจ้านาย ลูกน้อง) เกณฑ์การให้คะแนนคือ ถ้าเราให้คะแนนตัวเองน้อย คนอื่นก็ให้เราเยอะ เราจะได้คุณน้ำหนักสูงมาก แต่ถ้าเราให้คะแนนตัวเองเยอะ แต่คนอื่นให้คะแนนเราต่ำ คะแนนเราจะตก ทุกคนในบ.ต้องประเมินกันหมด มีหลายบ.ค่ะที่ใช้แบบนี้ แต่ที่เราเห็นกับตาคือ ธ.แห่งหนึ่ง กับ อาชีพที่เป็นราชการ มียศ

By: PH41
ContributorAndroidUbuntuWindows
on 24 June 2013 - 08:38 #589876 Reply to:589814
PH41's picture

องค์การมหาชน ใช้ครับ

By: ttong on 24 June 2013 - 09:39 #589898 Reply to:589876

ไม่ทุกที่ครับ

By: Zatang
ContributoriPhoneAndroid
on 24 June 2013 - 09:45 #589900 Reply to:589876

องค์การมหาชนนี่คือประมาณไหนครับ เรื่องประเมิน 360 องศา หรือมีลูกน้องประเมินหัวหน้านี่มีน้อยนะครับที่ใช้ เคยมีเพื่อนที่มีโอกาสไปสัมภาษณ์ HR ของ SCG เค้าก็บอกว่าเคยทดลองใช้กับบางกลุ่มบริษัท แต่มันค่อนข้าง sensitive คนไม่กล้าประเมินจริงเพราะกลัวผลประทบ เพราะยังไงหัวหน้าก็ต้องประเมินลูกน้อง และน้ำหนักเยอะกว่า อาจารย์ที่สอนเรื่อง HR ก็เคยพูดไว้ว่าลูกน้องอาจจะประเมินให้คะแนนดี เพราะหัวหน้าใจดี ไม่ใช่เพราะทำงานดีก็เป็นได้ ดังนั้นการจะใช้ได้จริงมันค่อนข้างยาก จึงมีบริษัทจำนวนไม่มากที่ทำครับ ต้องดูวัฒนธรรมองค์กรด้วย แต่แบบบริษัทในไทยส่วนใหญ่น่าจะลำบาก seniority สูง


อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว

By: wichate
Android
on 24 June 2013 - 09:54 #589902 Reply to:589900

+1 ของดีดๆ ต้องดูด้วยว่าเอามาใช้กับประเทศไหน วัฒณธรรมมันต่างกัน

By: ginhub
ContributoriPhoneWindows
on 29 June 2013 - 12:20 #591809 Reply to:589900

คนไทยยังไม่พร้อมที่จะให้ประเมินนาย ?

ต้องให้นายประเมินลงมาเท่านั้น ?

คลาสสิคอีกแล้วครับ ... แล้วเมื่อไรจะพร้อม ?

...

By: PaPaSEK
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 3 July 2013 - 18:26 #593254 Reply to:591809
PaPaSEK's picture

@Zatang ไม่ได้ให้ความเห็นครับ แต่มันเป็นคำถามต่อจาก @PH41 ที่ว่า "องค์การมหาชน ใช้ครับ" แล้ว @Zatang ก็บอกว่า "องค์การมหาชนนี่คือประมาณไหนครับ" แล้วเค้าก็เล่าประสบการณ์

ตกลงถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครมาตอบว่า "องค์การมหาชน" ที่ว่านี่ที่ไหน

By: Negator
AndroidWindows
on 23 June 2013 - 23:30 #589829 Reply to:589776

น่าเอามาใช้กับบริษัทผมจริงๆ กำโทษๆน้องพิมพ์

By: PaPaSEK
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 24 June 2013 - 07:19 #589868 Reply to:589776
PaPaSEK's picture

อันนี้ผมไม่รู้นะครับ เพราะว่าดันเจอแต่วัฒนธรรมแบบที่ไม่ค่อยอยากเจอ

ส่วนอีกข้อที่บอกว่าหัวหน้าต้องคงเส้นคงวานี่ผมโคตรชอบอ่ะ มันเอามาใช้ในชีวิตภายนอกบริษัทได้นะ

By: hononbier
iPhoneAndroidWindows
on 23 June 2013 - 19:43 #589778

ผมทำงานมาที่นึง เจอคำถามแบบ behavioral ยากๆแบบนี้เหมือนกัน รุ้สึกว่าได้ทดสอบผู้เข้าสมัครจริงๆครับ ซึ่งเขาใช้วิธีนี้มานานแล้วด้วยนะ สงสัยว่ากูเกิ้ลเพิ่งมารู้หรือ หรือว่ารู้นานแล้วเพิ่งมาเปิดเผย

By: ipats
ContributorNOOBIn Love
on 23 June 2013 - 19:55 #589780

ผู้สัมภาษณ์ == ผู้ถามคำถาม คือ พนักงานที่รับคนเข้าทำงาน?


iPAtS

By: mk
FounderAndroid
on 24 June 2013 - 01:58 #589847 Reply to:589780
mk's picture

ต้นฉบับใช้คำว่า interviewer ครับ

By: deargerous
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 24 June 2013 - 09:38 #589897 Reply to:589780
deargerous's picture

Consistent แปลว สม่ำเสมอ มันแปลกๆ ครับ
แปลว่า คงเส้นคงวา ดีกว่ามั้ยครับ

By: iDan
ContributorAndroidSUSEUbuntu
on 23 June 2013 - 20:05 #589783

ผมอ่านข่าวนี้แล้ว รู้สึกเหมือนเขาจะง่อกที่หัวผมนะ

By: prajya
ContributoriPhoneAndroidUbuntu
on 23 June 2013 - 20:08 #589785
prajya's picture

เป็นบทพิสูจน์ที่ดีของการรับคนเข้าทำงานครับ

By: mr_tawan
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 24 June 2013 - 13:14 #589789
mr_tawan's picture

เคยสัมภาษณ์แล้วเจอคำถามระดับยากมาก รู้สึกว่าคนสัมภาษณ์ดูจะแบบสะใจนิด ๆ ที่ตอบคำถามเขาไม่ได้ - -

หลังจากนั้นหลายปีไปสัมภาษณ์บริษัทเดิม สัมภาษณ์เข้าทีมเดิม คนสัมภาษณ์สองคนนั่นเป็นระดับผู้จัดการไปแล้ว ก็เจอกันอีกรอบนึง คิดในใจ "ขอไม่ไปทำกับไอ้สองคนนี้ได้มั้ยฟะ"

บ.อยู่แถว ๆ รถไฟใต้ดินสีลมมั้ง ลืมละ

ปล. สุดท้ายก็ไม่ได้ไป ก็นั่งทำงานอยู่ที่เดิม ตำแหน่งเิดิม ก็โอเคนะ


  • 9tawan.net บล็อกส่วนตัวฮับ
By: mr_tawan
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 23 June 2013 - 20:17 #589790
mr_tawan's picture

แต่คำถามยาก ๆ ของ Google เนี่ย มันยากระดับแบบ ... ระดับเสียสติอ่ะครับ


  • 9tawan.net บล็อกส่วนตัวฮับ
By: viroth
ContributorBlackberryIn Love
on 23 June 2013 - 20:17 #589791
viroth's picture

อีกหน่อยคงมี Google University

By: mytotoe
iPhoneWindows PhoneAndroidRed Hat
on 23 June 2013 - 20:18 #589792

"กูเกิลบอกคำถามสัมภาษณ์งานยากๆ ไม่มีผลต่อการทำงาน แต่ช่วยให้คนสัมภาษณ์รู้สึกฉลาด" ทำให้คนถามฉลาดขึ้น ผมเข้าใจถูกป่าว

By: jinxplay
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 24 June 2013 - 14:43 #590002 Reply to:589792
jinxplay's picture

ผมเข้าใจว่าหมายถึงคนถูกถามนะครับ โดยเฉพาะถ้าพูดถึง behavioral interview แล้ว น่าจะเป็นจุดสังเกตว่าผู้ถูกถามจัดการกับคำถาม/คำตอบยังไง

By: mr_tawan
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 23 June 2013 - 20:24 #589796
mr_tawan's picture

ถ้าว่ากันตามหลักแล้ว

  • คนสัมภาษณ์ = คนถาม
  • คนถูกสัมภาษณ์ = คนตอบ

  • 9tawan.net บล็อกส่วนตัวฮับ
By: 100dej
AndroidWindows
on 23 June 2013 - 20:31 #589799 Reply to:589796

เหมือน​คน​ใช้​ กับ​คน​ถูก​ใช้?

By: mr_tawan
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 24 June 2013 - 02:28 #589853 Reply to:589799
mr_tawan's picture

ใช่ครับ เวลาผมไปสัมภาษณ์งาน ก็คือผมไปคุยกับ Candidate แต่เวลาผมไปถูกสัมภาษณ์งาน ก็คือ ผมเป็น Candidate

อะไรทำนองนี้แหละ

ปล. นอกเรื่อง เคยทำมาแล้วทั้งสองอย่างก็เลยพอจะเข้าใจหัวอกคนที่สัมภาษณ์และถูกสัมภาษณ์ ผมก็เลยจะไม่ให้ใครไม่ผ่านชั้นของผมถ้ามันไม่แย่แบบสุดจริง ๆ (ที่เคยให้ไม่ผ่านก็คือทำข้อสอบเทสต์ Technical ไม่ได้) แล้วให้เขาไปคุยกับคนที่อยู่เหนือผมขึ้นไปอีกต่อนึงอีกที


  • 9tawan.net บล็อกส่วนตัวฮับ
By: 100dej
AndroidWindows
on 23 June 2013 - 20:29 #589798

รู้สึก​เสียดาย​ที่​ไม่ได้​เข้า​ทำงาน​ที่​ Google

By: btxxxx
AndroidWindows
on 23 June 2013 - 20:47 #589801

ไม่ค่อยเห็นด้วยกับเรื่องที่บอกว่า

ไม่พบความสัมพันธ์ว่าผู้สัมภาษณ์งานคนไหนสามารถหาพนักงานเก่งๆ เข้าบริษัทได้เป็นพิเศษ ความสามารถของพนักงานที่รับเข้ามาไม่เกี่ยวข้องกับผู้สัมภาษณ์แม้แต่น้อย

ถึงแม้มันอาจจะไม่ใช่ทั้งหมดที่ส่งผลให้เป็นอย่างนั้น แต่ก็ไม่น่าจะถึงขนาด "ไม่เกี่ยวข้องแม้แต่น้อย" ถ้าคนที่มาสัมภาษณ์เก่ง แต่คนสัมภาษณ์หาวิธี "ดูให้รู้ว่าเก่ง" ไม่ได้ก็อาจจะไม่ได้รับคนนั้น ๆ เข้ามานิ

By: wiennat
Writer
on 23 June 2013 - 21:40 #589815 Reply to:589801

แปลว่าคนเก่ง ไม่จำเป็นต้องมองคนเก่งไงครับ


onedd.net

By: btxxxx
AndroidWindows
on 24 June 2013 - 00:34 #589828 Reply to:589815

ถ้าแบบนั้นก็ขัดแย้งกับสิ่งที่เค้าพูดแล้วล่ะครับ เพราะเค้าบอกว่า ไม่เกี่ยวข้องแม้แต่น้อย "ว่าเป็นใคร" ถ้าเป็นแบบที่คุณว่าก็แสดงว่ามีบางคน "ที่มองคนเก่งกว่า" คนเก่งสิ?

และที่ผมบอกก็คือ "คนที่มองคนเก่ง มองคนได้เก่งกว่า คนที่มองคนไม่เก่ง" น่ะ (ไม่ได้พูดถึงคนเก่ง)

By: BLiNDiNG
AndroidUbuntuWindowsIn Love
on 24 June 2013 - 03:25 #589855 Reply to:589828
BLiNDiNG's picture

นะ นี่มัน! คนเก่งception

ปล.รู้​สึกคุ้นๆพิกล

By: wiennat
Writer
on 24 June 2013 - 12:09 #589953 Reply to:589828

งั้นก็ +1 ครับ

แต่คิดว่าถ้าดูจากสถิติแล้วคงไม่มีผลเยอะขนาดนั้นน่ะครับ เพราะผู้สมัครที่เก่งยังไงก็เก่งอยู่แล้วล่ะมั้ง


onedd.net

By: xxxooo
Windows PhoneWindowsIn Love
on 23 June 2013 - 21:59 #589817 Reply to:589801

หลักฐานทางสถิติ ที่ Google มีมันบอกอย่างนั้น ทาง Google จึงต้องเชื่ออย่างนั้นนะครับ

By: illusion
ContributorAndroid
on 24 June 2013 - 02:12 #589850 Reply to:589817
illusion's picture

+1

By: bosspasada
AndroidUbuntuWindows
on 23 June 2013 - 21:06 #589806
bosspasada's picture

เคยเจอ คำถามยาก แบบที่ว่ามองหน้าคนสัมภาษณื รู้เลยแมร้งดุถูก เราชัดๆ แถวมีแอบหัวเราะด้วย ไม่ชอบเลย

By: mementototem
ContributorJusci's WriterAndroidWindows
on 23 June 2013 - 21:12 #589807
mementototem's picture

ถือเป็นสเน่ห์อย่างหนึ่งของกูเกิล

เสน่ห์


Jusci - Google Plus - Twitter

By: lew
FounderJusci's WriterMEconomicsAndroid
on 23 June 2013 - 22:06 #589818
lew's picture

ผมเชื่อว่าคำถามที่ยากเกินระดับหนึ่งไปแล้ว มันไม่มีผลอะไรแล้วนะ มันก็เหมือนกันข้อสอบเขียนโปรแกรมที่วัด Big-O กันมากๆ และต้องทำในเวลาจำกัด แต่ในความเป็นจริง คนทำงานทั่วไปก็ไม่ได้สนใจประสิทธิภาพกันขนาดนั้น จนกระทั่งเริ่มมีปัญหาก็เริ่มมาไล่จูน และก็มีเวลาลองผิดลองถูกมากกว่าตอนทำโจทย์แข่งเยอะมาก

เรื่องนี้ผมจำได้ว่ามีคนเคยผ่านการสัมภาษณ์งานกูเกิลก็บ่นไว้ ว่าโดนคำถามฟีเจอร์ลึกๆ ของ C++ จนกระทั่งไม่รู้ว่าคนถามจะเอาอะไร

ตอนทำงานจริง ความสามารถที่สำคัญคงเป็นการ "อ่านต่อเอง" ได้ เรื่องไหนไม่รู้ก็ไปขอเวลาอ่านกลับมานั่งแก้ การวัดความสามารถในเวลาจำกัดมากๆ อย่างตอนสัมภาษณ์ ถ้าไม่ถามอะไรกว้างๆ ก็ถามคำถามเทคนิคแบบในแบบทั่วไปเพื่อทดสอบว่าคุณได้ทำจริงตามที่อ้างมาใน resume มั๊ยน่าจะโอเคกว่า


lewcpe.com, @wasonliw

By: mr_tawan
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 24 June 2013 - 13:22 #589981 Reply to:589818
mr_tawan's picture

เรื่องนี้ผมจำได้ว่ามีคนเคยผ่านการสัมภาษณ์งานกูเกิลก็บ่นไว้ ว่าโดนคำถามฟีเจอร์ลึกๆ ของ C++ จนกระทั่งไม่รู้ว่าคนถามจะเอาอะไร

ผมเคยเจอตอนสัมภาษณ์บ.ใหญ่แห่งหนึ่งแถวรถไฟฟ้าสีลม คำถามคือ ใน C++ เวลาจะเขียน subclass จะมีการระบุความสัมพันธ์ ที่เขาถามคือ subclass ที่มีความสัมพันธ์แบบ protected เนี่ยมันต่างกับความสัมพันธ์แบบ public กับ private ยังไง

คือเกิดมาไม่เคยเขียนคลาสแบบนี้เลย (ความสัมพันธ์ลักษณะนี้ผมว่ามันไม่เข้าหลัก OO น่ะ) แต่ก็ไปค้นหาดูอยู่เหมือนกัน เท่าที่ดูผมนึกไม่ออกว่าจะเอาไปใช้อะไร (ก็ยอมรับนะว่าผมเป็นสาย Java ที่มีแค่ public inheritance ก็เลยนึกไม่ออก) ก็อาจจะเกี่ยวกับ COM ที่ทีมนั้นเขาใช้ก็ได้มั้ง ???


  • 9tawan.net บล็อกส่วนตัวฮับ
By: PaPaSEK
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 24 June 2013 - 13:25 #589984 Reply to:589981
PaPaSEK's picture

เอ๋!! java ก็มี protected ไม่ใช่เหรอครับ อย่าบอกว่าไม่รู้จักนะ โดนหยิกจริงๆ ด้วย

By: mr_tawan
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 24 June 2013 - 13:34 #589987 Reply to:589984
mr_tawan's picture

Java ทำแบบนี้ไม่ได้นะ

{syntaxhighlighter brush:cpp;}
public class A {
}

public class B : private A {

}
{/syntaxhighlighter}

B มีคุณสมบัติเหมือนกับ A แต่ว่าจากโค๊ดภายนอกแล้ว B กับ A เป็นคลาสที่ไม่มีความสัมพันธ์กัน ไม่สามารถทำแบบว่า ...

{syntaxhighlighter brush:cpp;}

void do_something(const A& a);
...
B b;
do_something(b);
{/syntaxhighlighter}

โค๊ดคอมไพล์จะไม่ผ่าน

คือถ้าพูดภาษาชาวบ้าน นี่คือลูกเมียน้อยที่ไม่เคยรับมรดกจากพ่อ (ส่วน protected inheritance จะเป็นลูกเมียน้อยที่ได้รับมรดกจากพ่อ)

ส่วน Java จะเป็น public inheritance เสมอ

ปล. ไม่ค่อยมั่นใจเรื่องนี้เหมือนกันเพราะไม่เคยใช้งานจริงจัง เท่าที่นึกออกก็ราว ๆ นี้


  • 9tawan.net บล็อกส่วนตัวฮับ
By: PaPaSEK
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 24 June 2013 - 22:27 #590096 Reply to:589987
PaPaSEK's picture

อ้อ ตอนแรกตกใจครับ เสียดายนึกว่าจะได้หยิกแขนซะแล้ว

By: AmidoriA
UbuntuWindows
on 24 June 2013 - 17:17 #590039 Reply to:589981
AmidoriA's picture

เคยออกข้อสอบตอนเรียนครับ เลยจำได้เลย :D

By: จักรนันท์ on 24 June 2013 - 20:57 #590086 Reply to:589818

ขอออกความเห็นในฐานะที่เป็นเจ้าของกิจการซึ่งมีการคัดเลือกคนที่ tough (ในแบบฉบับของกิจการผม) เหมือนกันนะครับ

ผมก็มีคำถามลักษณะนี้เสมอครับ โดยจะกึ่งๆ คิดสด เพราะจะดูก่อนว่าผู้ถูกสัมภาษณ์ "ไม่รู้อะไร แค่ไหน" แล้วยิงไปที่ตรงนั้นให้ยากๆ สุดๆ เข้าไว้

แต่เจตนาของผมก็คือ... (ย้ำว่าของผมนะครับ สำหรับ Google หรือที่อื่น ผมไม่ทราบครับ)

ทำให้ผมรู้จัก Attitude และ Nature ของผู้ถูกสัมภาษณ์ได้รวดเร็วและค่อนข้างลึกพอเพื่อประกอบการพิจารณาครับ

ผมไม่สนใจตัว Content ของคำตอบเลยแม้แต่น้อยครับ ผมสนใจวิธีการตอบครับ กรณีที่เจอบ่อยๆ จะตอบลักษณะประมาณเหล่านี้...

  • ไม่ทราบ ไม่เคยทำ ไม่เคยรู้ จนปัญญาจะตอบ

ซื่อตรงดีครับ ได้ดีตรงนี้ แต่ทื่อ แบบนี้ผมไม่เอา

  • ร่ายยาวแบบมั่ว ถูกบ้าง ผิดบ้าง แต่เพื่อแสดงว่าข้าเก่ง

รายนี้ไม่เอาแน่นอน

  • ไม่ทราบ ไม่เคยทำ แต่ถ้าเจอในงาน จะกลับไปศึกษา ค้นคว้า ฝึกหัด แล้วมาลองดู

รายนี้ จะรับไว้พิจารณา ถ้าไม่มีคนอื่นดีกว่านี้ ก็น่าจะลองดู

  • ไม่ทราบ ไม่รู้มาก่อน แต่ถ้าจากความรู้เท่าที่มี เดาว่าน่าจะประมาณนั้น ประมาณนี้ ถ้าได้ลองดูสักหน่อย ค้นคว้าสักนิด คิดว่าไม่น่าจะเกินมือ

มั่นใจดีมาก Attitude ดี มีทักษะในการใช้ฐานความรู้มาพยายามเดาให้ถูกต้องอย่างมีหลักการ เจอรายแบบนี้ ติดโผแล้วครับ

  • ไม่ทราบ ไม่รู้มาก่อน ไม่เดาด้วย แต่ถ้าได้จับเรื่องนี้เมื่อไหร่ ไม่น่ายากเกินมือที่จะศึกษา ค้นคว้า แลัวทำมัน แล้วดันโม้ต่อด้วยว่า ทำไมต้องอย่างนั้น ถ้าเป็นเขา เขาจะ... <นำเสนอ Solution อื่น หรือวิธีอื่น> ออกมา...

มั่นใจ สร้างสรรค์ กล้าคิด กล้านำเสนอ ไม่กังวลกับอุปสรรคในความยังไม่รู้ของตัวเอง แสดงว่าพร้อมเรียนรู้เพิ่ม คิดนอกกรอบเป็นด้วย เจอรายแบบนี้ ผมอาจรับทันที แล้วแต่ว่า ตอนนั้นจะคิดออกหรือไม่ ว่าจะ Put this man in to what job ในบริษัทผม คนแบบนี้มักทำให้งานส่วนที่ผมมีอยู่แล้วโดยไม่ได้คิดจะรับใครเพิ่ม กลับได้ขุนพลที่เก่งกล้าและ Attitude ดีเข้าไปเสริมในส่วนนั้นโดยไม่ได้คาดฝันครับ ผมจะเรียกว่า "เจอช้างเผือก"

บริษัทเล็กๆ ครับ เลยทำอย่างนี้ได้

<=== มา edit เพิ่ม ===>

ผมมีคำถามภาคบังคับ 1 คำถามด้วยครับ ไว้เป็นคำถามสุดท้ายเสมอ นั่นคือ...

คุณคิดว่าคุณทำอะไรให้บริษัทผมได้? และสิ่งเหล่านั้นบริษัทต้องจ้างคุณเท่าไหร่ จึงจะคุ้มแก่บริษัท?

By: zazaz
iPhoneWindows PhoneAndroidWindows
on 23 June 2013 - 23:41 #589832
zazaz's picture

ผมเป็นคนนึงที่มองว่า GPA ไม่ได้มีผลกับการทำงานสักเท่าไหร่
แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาเจออยู่ที่นึง เอา GPA ของผมซึ่งไม่สวยหรู ไปเทียบกับเด็กเกียรตินิยม
พร้อมทั้งกดเงินเดือนที่เราเรียกไปลงอีกต่างหาก เหอๆถ้าอย่างนั้นก็เชิญ ไปพิจารณาเด็กเกีรตินิยมเลยครับ
พร้อมทั้งขอบคุณที่สละเวลามานั่ง กดเงินผม ผมยินดีที่จะมาแม้ว่าจะไม่ได้ เพราะผมได้ความรู้ใหม่จากการสัมภาษณ์ทุกครั้งครับ

By: Architec
ContributorWindows PhoneAndroidWindows
on 24 June 2013 - 01:26 #589844

บ้านเรานี่เอาวุฒิการศึกษาเป็นสำคัญ เพราะสำคัญตรงคนที่ไม่มีวุฒฺิป.ตรีสามารถกดเงินเดือนให้ต่ำค้างปีอยู่อย่างนั้นได้ตลอดศก

แต่คำถามของ HR ที่ว่า "ทำไมเราต้องจ้างคุณ" เป็นอะไรที่งี่เง่าพอๆกับประโยคที่ว่า "รู้ไหมกูลูกใคร"?

By: BLiNDiNG
AndroidUbuntuWindowsIn Love
on 24 June 2013 - 03:28 #589856 Reply to:589844
BLiNDiNG's picture

5555​ คำถามเต็ม​ๆมันน่าจะเป็น​ "ทำไมเราควรจะเลือกคุณ​ คุณมีอะไรพิเศษ​กว่า candidate คนอื่นๆ" รึเปล่าครับ

By: Sripattra
Android
on 24 June 2013 - 09:30 #589894 Reply to:589844
Sripattra's picture

ถามเพื่อให้บอกจุดขายของตัวเองค่ะ ถ้าตัวเองไม่รู้จักตัวเอง หรือไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรได้ดี จะมาค้นหาตัวเองอะไรแบบนี้ไม่รับค่ะ

By: mr_tawan
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 24 June 2013 - 13:27 #589985 Reply to:589844
mr_tawan's picture

เท่าที่รู้ บ.ผมนี่ ถ้าจบป.ตรีแล้วต่อโทเลย พอจบโทแล้วมาสมัคร จะได้เงินเดือนเริ่มต้นเท่าเด็กจบป.ตรีใหม่ ๆ (อาจจะได้เยอะกว่านิดหน่อยแล้วแต่ต่อรอง)

ถือว่าเป็นคนไม่มีประสพการณ์น่ะครับ

ที่จริงถ้าผมเปิดบริษัทเองผมอยากจะรับเด็กที่ยังไม่เรียนมหาวิทยาลัยด้วย (นอกจากที่เรียนจบแล้ว) โดยมีข้อแม้ว่าต้องสอบเขียนโปรแกรมผ่านก่อนนะ 555 อาจจะให้เงินเดือนเริ่มต้นต่ำกว่าหน่อยนึง แต่ว่าให้ขึ้นเดือนที่ว่าพอทำงานเกินสี่ปีแล้วเงินเดือนเยอะกว่าพวกจบมหาลัยใหม่ ๆ นะ อะไรแบบนี้ ผมคิดว่าเด็กที่ยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นมีไฟมากกว่าพวกจบมหาลัยอ่ะครับ ดูจะมีความฝันและความคิดดีกว่าพวกที่เรียนจบมหาลัยไปแล้ว อะไรทำนองนี้ (พวกเรียนโทนี่ไม่ต้องคิดเลย ส่วนใหญ่ีที่เคยเจอจะเป็นพวกหาผลประโยชน์เข้าตัวมากกว่า 555)


  • 9tawan.net บล็อกส่วนตัวฮับ
By: Architec
ContributorWindows PhoneAndroidWindows
on 24 June 2013 - 23:15 #590099 Reply to:589985

เท่าที่ผมเห็นคนที่ไม่จบพร้อมผมบางคนก็ฝีมือเลิศกว่าผมพันเท่าเลยแหละมั๊ง แต่เรื่องป.โทเนี่ยผมคิดเห็นเหมือนกัน ประเด็นคือเน้นฐานเงินเดือนสูงกว่าปกติ ผมก็ไม่อยากดูถูกเขานะครับ แต่หลายๆที่รวมถึงราชการเองมันจะกลายเป็นเรียนไปให้เสียเงินเสียเวลาฟรีๆ เพราะเงินเดือนคุณอาจจะได้เท่า ป.ตรี

By: khajochi
WriteriPhoneIn Love
on 24 June 2013 - 01:27 #589845
khajochi's picture

เคยโดนถามตอนสัมภาษณ์กูเกิลเมื่อหลายปีก่อน "ถ้าคุณถูกโยนลงตึกสูง 50 ชั้น ในมือมีแค่ไม้ กับผ้า คุณจะทำอย่างไร ?" (จำคำถามได้ไม่ครบเพราะนานแล้ว แต่ประมาณนั้นฮะ)

ปล. ตกสัมภาษณ์ฮะ 55


แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com

By: wiennat
Writer
on 24 June 2013 - 12:12 #589955 Reply to:589845

จำได้ว่าตามสมการแล้ว แค่ผ้าเช็ดหน้าผืนเดียวจะสามารถสร้างแรงดึงของลมได้เยอะมากๆ จนดูเหมือนจะรอดเลยครับ

แต่ถ้าเป็นผมก็คงเอาผ้ารัดคอตาย


onedd.net

By: madmod on 24 June 2013 - 14:16 #589998 Reply to:589845
ถ้าเป็นผมตอนนั้น ผมเจอคำถามนั้ผมคงตอบแบบนี้ไปเลยครับ
ผมจะโยนสองอย่างนั้นทิ้งไป ปล่อยตัวเคว้งคว้างบนอากาศธาตุ
สูดลมหายเข้าเต็มปอด และลืมตาเฝ้าเก็บทุกอารมณ์สัมผัส
เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป...

ปล.ในใจคิดว่า คำถามแนวนี้ ช่างปลดปล่อยจินตนาการ ได้ล้ำเสียเหลือเกิน เพราะเขาช่างเอาความเป็นเป็นจริงในชีวิตที่เกิดได้ยากมาเปลี่ยบเทียบกับแนวคิดที่เราเคยมีมาเพื่อมาทำนายนิสัย
By: neonicus
Android
on 24 June 2013 - 02:09 #589848

เคยไปสัมภาษณ์ที่นึง ไปกับเพื่อนกันหลายคน สัมทีละคน
คนสัมภาษณ์บอกว่า สามารถรับได้1ตำแหน่ง
คุณบอกมาสิว่าคุณดีกว่าเพื่อนยังไงถึงต้องรับคุณ

โคตรฉุนเลย เอี๊ย ก็คิดเองดิว่าใครเหมาะกับงานมึง จะมาให้กรูทับถมเพื่อนเพื่อได้งานเนี่ยะ ทุเรศมาก มันถามเพื่อเทียบกับเพื่อนทีละคนแบบระบุว่าดีกว่าaยังไง ดีกว่าb,c,dยังไง
ไม่ได้ทำงานที่นั่น สุดแสนจะเป็นบุญ

บ.นั้นอยู่แถวปิ่นเกล้าครับ

By: PH41
ContributorAndroidUbuntuWindows
on 24 June 2013 - 08:44 #589878 Reply to:589848
PH41's picture

น่าจะเป็นคำถามจิตวิทยาครับ ไม่ได้จะให้ฆ่าเพื่อนซักหน่อย

By: PaPaSEK
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 24 June 2013 - 09:02 #589883 Reply to:589848
PaPaSEK's picture

คิดแบบนี้น่าจะสอบสัมภาษณ์ไม่ผ่านครับ

เค้าอยากดูว่าคุณจะทำยังไงเพื่อแก้ปัญหา และมีทัศนคติกับปัญหาอย่างไร แล้วมองคนในทีมว่าเป็นปัญหาหรือไม่ โยนปัญหาให้คนอื่นหรือเปล่า

ข้อนี้ตอบยากพอควรครับ ถ้าเป็นผม ผมคงบอกว่า "ผมไม่แน่ใจว่าผมดีกว่าเพื่อนรึเปล่าเพราะเพื่อนผมแต่ละคนมีข้อดีข้อเสียต่างกันไป แต่ผมรู้จักทั้งข้อดีและข้อเสียของตัวผมเอง ข้อดีของตัวผมเป็นแบบนี้ ... ข้อเสียของตัวผมเป็นแบบนี้ คงแล้วแต่บริษัทจะพิจารณาว่าข้อดีข้อเสียของผมเหมาะกับลักษณะงานรึเปล่า"

By: neonicus
Android
on 24 June 2013 - 10:17 #589908 Reply to:589883

ผมก็ตอบแนวนั้นแหละ บอกข้อดีของตัวเองและเพื่อนๆ
แล้วบอกว่า ผมอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่ก็เป็นตัวเลือกให้ตัดสินใจเพราะแต่ละคนถนัดคนละอย่าง

แต่ไม่รู้ว่าสีหน้าตัวเองออกรึเปล่า เพราะฉุนในใจ

เหมือนว่าบ.นั้นอาจจะเจ๊งแล้ว

ปล สัมภาษณ์ครั้งแรกในชีวิตผมว่าการเตรียมตัวต่างกันนะ

By: PaPaSEK
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 24 June 2013 - 12:42 #589966 Reply to:589908
PaPaSEK's picture

โฮ่ ... ทำดีแล้วครับ

By: McKay
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 24 June 2013 - 09:27 #589891 Reply to:589848
McKay's picture

ให้ตอบเหมือนข้อเสียของตัวเองครับ (เช่นอ่อนด้านภาษาก็ให้บอกว่า ตอนนี้กำลังฝึกเรียนภาษาเพิ่มเติมอยู่) แต่สำหรับเพื่อนต้องเกริ่นหน่อยนึง

เช่น เพื่อนผมอยู่ด้วยกัน ดีอย่างนู้นอย่างนี้(ข้อดี)ไปเรื่อยๆ แล้วจบที่ประโยค แต่ผมว่าเพื่อนคนนี้น่าจะปรับปรุงเรื่อง ... นิดนึง (อาจจะต่อด้วย ซึ่งผมดีกว่าตรงนี้) เช่นถ้าเป็นแบบหลายคนก็เวลาทำงานเพื่อนๆก็ตั้งใจช่วยงานกันมาก ตรงต่อเวลา แต่น่าจะปรับปรุงเรื่องการควมคุมคุณภาพงานหน่อย

คำถามทุกคำถามเป็นคำถามปลายเปิดครับ ไม่ได้ต้องตอบตามนั้นตรงๆ หรือตามที่ผมพูด/ตามป้าเสกด้านบนตรงๆ แล้วที่คุณคิดว่า 'จะมาให้กรูทับถมเพื่อนเพื่อได้งานเนี่ยะ ทุเรศมาก' นั้นหน่ะถูกแล้วครับ เพราะเค้าไม่ได้ต้องการแบบนั้นแต่ต้องการให้แสดงการใช้ IQ+EQ ออกมา


Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)

By: SleeperMoNKeY
iPhoneAndroid
on 24 June 2013 - 10:21 #589909 Reply to:589848

ผมเคยโดนถามแบบนี้เลยครับ เพื่อนมาสัมภาษณ์พร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย แถมตำแหน่งเดียวกันอีก
คำตอบของผมคือ เลือกผมดีกว่าครับ เพื่อนผมอ่ะ ปล่อยมันไปเดี๋ยวมันก็หางานที่อื่นได้ไม่ยาก 5555
แล้วก็ได้ทั้งคู่ เพราะเค้ากำลังต้องการคนจำนวนมาก

ป.ล. ตอนนี้ก็ลาออกมาแล้วทั้งคู่เช่นกัน

By: Matibul
UbuntuWindows
on 24 June 2013 - 10:34 #589916 Reply to:589848

ผมก็เจอ แถมเพื่อนที่มาก็สนิทกันด้วย แต่ผมตอบแน่วของผมน่ะว่าผมมั่นใจเรื่องไหนขอดีเป็นยังไงส่วนเพื่อนบอกแถๆไปว่าไม่รู้ แล้วสุดท้ายที่ผมตอบคือ ใครเหมาะสมกว่ากันอยู่ที่ผู่สัมภาษณ์(คนถาม)จะพิจารณา

คำถามแนวนี้ก็ถามทุกบริษัทน่ะครับ โดยเฉพาะตอนจบใหม่ มหาลัย,คณะ,ภาคเดี่ยวกันก็โดนแล้ว

By: Architec
ContributorWindows PhoneAndroidWindows
on 24 June 2013 - 11:41 #589941 Reply to:589848

ถ้าเอาแต่พวกเก่งพูดเก่งเลียผมอยากให้บริษัทนั้นเจ๊งไวๆนะ

บริษัทที่ผมทำก็ไม่ได้สัมภาษณ์อะไรนอกจากว่าเราต้องการ Feature นี้จากคุณ แล้วคุณมี Feature อะไรล่ะ? ถ้ามัน match กันก็จับเข้าทำงานเลย ไม่ต้องไปถามคำถามที่ต้องตรัสรู้รึพูดแบบโลกสวยให้หมางใจกันเอง

By: nrml
ContributorIn Love
on 24 June 2013 - 11:57 #589948 Reply to:589848
nrml's picture

ผมเคยเจอให้โค้ดงาน แต่โปรแกรมที่ให้โค้ดก็หมดอายุ การทดสอบมีการกำหนดเวลาด้วยนะ ไม่รู้ว่านั่นคือส่วนหนึ่งของการทดสอบหรือเปล่า พอเรียกให้มาดูแล้วก็ไม่มีการแก้ปัญหาให้ เลยต้องโค้ดบน notepad ไปพลางๆ สรุปก็ไม่ได้อยู่ดีไม่แน่ใจว่าเกิดจากสาเหตุอะไร

ผมว่าผมเจอมาค่อนข้างหลากหลาย คำถามประเภทจี้แทงใจดำแบบนี้ต้องมีสติให้มากๆ ส่วนใหญ่จะสามารถหาทางออกได้โดยตอบเลี่ยงๆ แล้วก็พยายามทำใจให้เป็นกลาง คิดว่าคนถามตั้งใจจะดูปฎิกิริยาของเราไม่เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว ถึงแม้บางทีมันอาจจะเป็นอย่างนั้นก็ตามทีเถอะ =_=

By: GadGetMaShow
iPhone
on 24 June 2013 - 12:32 #589959
GadGetMaShow's picture

เคยเจอเหมือนกัน เมื่อก่อนเวลาฉลอง MD ชอบเอาปัญหาวัดเชาว์มาทาย ใครทายถูกจ่ายเลยประจำ

แล้วก็ประเมินหัวหน้า ของผมเค้าเรียก 360 องศา Survey ก็ดีครับ ประเมินแบบนี้ห้ามระบุนะครับ ว่าใครเป็นใคร ไม่งั้นอาจมีการเมืองเข้ามา ทำนองว่า อ๋อ คุณประเมินให้ผมต่ำใช่มั้ย โดนแน่ๆ

By: darkyuu
AndroidBlackberryUbuntuWindows
on 24 June 2013 - 15:29 #590020 Reply to:589959

เคยโดน "การเมือง" ตามที่คุณว่าแหละครับ ก็เลย bye bye

สุดท้ายท้ายสุด เลยได้มาทำงานที่ตัวเองรักมากๆ ในปัจจุบัน (Game Development)

By: m3rlinez on 24 June 2013 - 21:51 #590092

ผมรู้สึกว่าคำว่า "คำถามสัมภาษณ์งานยากๆ" ในหัวข่าวมันทำให้ความหมายของ "brainteaser" ในต้นฉบับเคลื่อนไปหน่อย เพราะคำถามกลุ่ม brainteasers มันมีลักษณะค่อนข้างชัดเจน (เช่น มีบอล 8 ลูกน้ำหนักลูกนึงมากกว่าที่เหลือ มีตาชั่งสองแขน ชั่งน้อยสุดกี่ครั้ง, ...) ส่วนคำว่า คำถามสัมภาษณ์งานยากๆ ฟังแล้วรู้สึกมันกว้างเกินไปจนอาจจะทำให้ไม่ตรงกับความหมายในต้นฉบับรึเปล่า?