แผ่น MD เป็นหลักฐานความยิ่งใหญ่ของโซนี่ในช่วงปี 1990 ถึง 2000 ที่สามารถออกแผ่นและเครื่องเล่นที่แทบไม่มีผู้ผลิตรายอื่นร่วมด้วยเลยแต่ก็ยังทำตลาดอย่างต่อเนื่องไปได้ แต่หลังจากเดือนมีนาคมปีนี้ แผ่น MD ก็จะหยุดสายการผลิตทั้งหมด หลังจากเครื่องเล่นหยุดสายการผลิตไปแล้วตั้งแต่ปี 2011
ความพยายามชูธงใช้งานแผ่น MD แทนการใช้ฟอร์แมตอื่นๆ เช่น MP3 ที่โซนี่เสนอ ATRAC3 บนแผ่น MD มาต่อสู้อยู่หลายปีจนกระทั่งเสียตลาดให้กับคู่แข่งอย่างครีเอทีฟที่ผลิตเครื่อง Nomad และแอปเปิลที่ผลิต iPod
เมื่อย้อนดูประวัติศาสตร์โลกดิจิตอล โซนี่ดูจะเป็นบริษัทเดียวที่ผ่านสงครามฟอร์มแมตมาอย่างโชกโชนที่สุด นับแต่เทป VHS กับ Betamax, CD และ MD, MP3 และ ATRAC3, SD และ MemoryStick, ล่าสุดคือ HD-DVD และ Blu-ray
ที่มา - BBC
Comments
เมื่อไหร่ CD จะหายไปนะ
คงอีกนานมากครับ จุดแข็งของแผ่น CD ที่แท้จริงคือราคา
ในมุมมองของผม ผู้ที่มีหวังจะเป็นคนโค่นได้สำเร็จคงจะเป็น Cloud
SPICYDOG's Blog
ถ้า
ก็น่าจะพอทำให้ CD หายไปได้ภายในเวลาไม่เกิน 5 ปีได้น่ะครับ
จริงเหรอครับ ช่วยยืนยันหน่อย
ผมเคย RIP เป็น FLAC แล้วเอาไปแชร์บนแทร๊คเกอร์แห่งนึง (อันนี้สันดานโจร ^^ เอาเป็นว่าไม่บอกว่าที่ไหนนะ) แล้วโดนฝรั่งต่อว่ากลับมาว่า "ยูริปยังไงทำไมความถี่ช่วง 4k มันหายไปหมด"
น่าไล่มันบินไปญี่ปุ่นไปซื้อมาเองจริง ๆ
คงเพราะมันเป็นไฟล์ที่มาจากมาสเตอร์โดยตรง ไม่ใช่ลงแผ่นแล้วมาแปลงครับ แปลงครั้งเดียวจาก 24-bit เลย
Can you confirmed with your ABX test result please?
พอดีผมเอางานมาสเตอร์ไปให้ไม่ทัน เดี๋ยวผมขอส่งไฟล์ MP3 128kbps ไปให้ทางอีเมลนะครับ #ห๊ะ !!!
ลูกค้าผู้น่ารัก
function ของ CD ที่ต่างจาก Cloud ก็คือ offline ตัวที่กำลังตีจะมาฆ่าให้ตายจริง ๆน่าจะเป็นพวกการที่SSDราคาถูกลงมามากและเขียนซ้ำได้
ผมว่าเอามาเทียบด้านนั้นคงไม่ได้นะครับ เพราะถ้าเทียบกับ SSD แล้วมันน่าจะหายไปตั้งแต่ SD Card, HDD พกพาแล้ว จริงๆ อุปกรณ์ 2 ตัวนี้มันคนละชั้นคนละชนิดเทียบกันไม่ได้ SSD ต้องเจอกับ HDD ครับ
ผมว่าที่จะทำให้หายไปก่อน Cloud คงเป็นการที่เครื่องมือที่ใช้จะเป็น มือถือ เครื่องเล่นเพลง Tablet ซึ่งไม่ได้ใช้ CD ส่วน Ultrabook ที่สักวันจะมาแทน Notebook ทั่วๆ ไปก็บางซะจนไม่มีที่ให้ Optical Drive ส่วนเรื่อง Cloud, Offline, Online คงเป็นหลังจากที่ทุกอุปกรณ์ไม่ต้องมีเครื่องอ่านแผ่น ที่แน่ๆ Apple เขาตัดออกหมดแล้วเหลือ Mac Pro ปกติถ้าจะมองอนาคตวงการ IT ผมจะมองที่ Apple เพราะหลายๆ อย่างจะมีคนทำตามแน่นอน เช่น Smrat Phone และ Tablet แบบปัจจุบัน ,Ultrabook ,Ram หรือ แบต ที่เปลี่ยนไม่ได้ ฯลฯ อนาคต CPU อาจจะมาพร้อม Mainboard แบบข่าวลือก็เป็นไปได้...
แต่ที่สำคัญคือเน็ตมือถือต้องเหมือนเน็ตบ้านให้ได้ประเภทที่ว่าตัดออกจากชีวิตไม่ได้ต้องจ่ายรายเดือนตามความเร็วและไม่มีจำกัด สำหรับเน็ตมือถือแล้วผมยังรู้สึกว่าเราเหมือยอยู่ในยุคแรกๆ ของเน็ตบ้านอยู่เลยข้อจำกัดเยอะมาก หวังว่าอนาคตจะมีเน็ตบ้านพร้อมเน็ตมือถือ 599 บาทความเร็วเต็มไม่มีจำกัดนะ...
คงอีกนานมากครับ ด้วยราคาที่ถูกแบบคุณ spicydog ให้ความเห็น และความจุข้อมูลก็เยอะพอสมควร อีกทั้งเป็นที่นิยมอย่างมากด้วย อาจจะมากกว่า 10 ปี กว่าจะมีสิ่งทดแทน
ผมยังซื้อ CD ฟังเพลงอยู่เลยนะ
ถ้าดาวน์โหลดอย่างเดียวก็ไม่ได้แพคเกจสวยๆ มาเก็บไว้น่ะสิ
ถ้ามุมนักฟังเพลง อะไรที่เป็นวัตถุจับต้องได้
และให้คุณภาพเสียงที่ดี มีอาร์ทเวิร์ค มีแพคเกจจิ้งมันตายยากครับ
ตอนนี้แผ่นไวนิลยังกลับมาได้เลย
เพราะเพลงมันไม่ใช่แค่การ "ฟัง" ครับ
+99 ครับ ^^
จริงครับ แต่สัดส่วนน้อยมาก
ผมก็ซื้อทั้งใน cloud และถ้าติดใจจริง ๆ ก็ ซื้อแผ่นแท้เลยนะ มันภูมิใจสุด ๆ ล่ะครับ
VHS ของ JVC, Betamax ของ Sony
CD ของ Sony+Philips, MD ของ Sony
MP3 จาก fraunhofer, ATRAC จาก Sony
HD-DVD จาก Panasonic (มั้ง ไม่แน่ใจ) Bluray จาก Sony
HD-DVD Toshiba ครับ
นอกเรื่องนิดนึง อยากให้มาตรฐาน DVD กับเครื่องเล่นมันใช้ H.264 จริงๆ ถ้าใช้ H.264 720P ก็ยัดลง DVD 5 ได้
แล้วถ้า DVD 9 ใช้ H.265 คงจุหนัง Full HD ได้เลยแท้ๆ
ส่วนตัวคิดว่า Blu-ray โคตรเกินความจำเป็นทำไมเขาคิดแต่เพิ่มความจุนะไม่คิดจะอัดไฟล์บ้างเลย จะได้ลดปริมาณานการใช้ทรัพยากรโลก แถมลดค่าใช้จ่ายด้วย หุหุ (เงินผมนั้นเอง)
+1 ครับ อยากให้ใช้ H.264 720P ยัดลงดีวีดี5 คงจะดีไม่น้อย
ทราบหรือไม่ครับหนังต้นฉบับจริงๆหลายๆเรื่องมีความจุอยู่ที่ 100 Terabyte ขึ้นไปด้วยซ้ำ(Tranformer 2 ใช้ไป 145 Terabyte) อะไรก็ตามที่ถูกบีบอัดมายังไงซะ คุณภาพก็ต้องลดลงอย่างแน่นอน ยิ่ง H.264 ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย คุณภาพลดลงโดยที่สายตาเราแยกไม่ออกหรอกครับแต่สำหรับคอ HD Extream ตัวจริง เค้าไม่ต้องการอะไรที่บีบอัดมามากนักแต่เค้าอยากได้คุณภาพที่ใกล้เคียง Master ให้ได้มากที่สุดฉะนั้นสำหรับคอ HD เรื่องแผ่น Blu-ray เป็นอะไรที่น่ายินดีมากที่สุดแล้วครับ ยิ่งถ้าหากสามารถทำได้ถึง 100G หรือมากกว่านั้นเมื่อไหร่คุณภาพที่ถูกบีบอัดมาก็จะดียิ่งขึ้นเพราะลดการบีบอัดน้อยลงครับผม ^_^
ถ้าไม่ได้เอามาตัดต่อซ้ำ แล้วคุณภาพที่ลดลงนั้นสายตาแยกไม่ออก ผมก็ไม่รู้จะเอาไฟล์ใหญ่ๆ ไปให้เปลืองทรัพยากรทำไมอ่ะครับ
เรื่องพวกนี้มันใกล้เคียงกับอุปทานมากๆ เหมือนเวลาคนซื้อคนแพง หรือคนที่ใช้ไฟล์ใหญ่ๆ เก็บ ก็จะพยายามบอกว่าของตัวเองนั้นมีคุณภาพเหนือกว่า ทั้งที่จริงๆ จับมาทดสอบปิดตาก็แยกกันไม่ออก และสุดท้ายก็จบที่มันพอใจกว่า (คือทิ้งเหตุผลไปหมดแล้ว)
ทุกวันนี้ผมมีปัญหากับการเก็บอะไรพวกนี้มากครับ จริงอยู่ว่า HDD ถูกลงทุกวันพอที่จะเก็บเพลงเป็น lossless ได้ แต่ถ้ามันเสียก็ต้องกู้ แล้วไฟล์ใหญ่ยิ่งกู้นาน แบ็กอัพก็นาน เปลืองทรัพยากรทุกอย่าง
แต่ก็มาคนหลายคนที่เห็นนะ (ผมคนนึงล่ะ นี่เห็นความแตกต่างระหว่างบลูเรย์ดิบกับพวกรีเอ็นโค้ดเหลือเล็กๆ)
ปล. ส่วนมากเขียน BDMV ลง DVD แล้วยัดเข้าเครื่องเล่นบลูเรย์ได้นะครับ
พวกนั้นเป็นการ encode ซ้ำครับ คุณภาพมันต่างอยู่แล้ว ต่อให้ทำ bitrate สูงๆ ไฟล์ใหญ่ๆก็ตาม
ถ้าจะเทียบจริงๆ ต้องเทียบจากการ encode จาก master เดียวกันครับ เช่นใช้กล้องถ่ายแบบ raw
ผมแยกออกนะครับ มันต่างกันไม่ใช่น้อย
แต่ผมไม่ใช่คนสนใจเรื่องภาพขนาดนั้น เพราะงั้นผมเลือกเล็ก ๆ ไว้ก่อน บางทีผมเลือก CD ด้วยซ้ำ
ขึ้นชื่อว่าบีบอัด คุณภาพมันก็เสียแต่แรกแล้วครับ
การเข้ารหัสภาพ เมื่อเพิ่ม bitrate ไปถึงระดับนึง คุณภาพมันจะไม่ดีขึ้นอีกมากนัก
ส่วนบลูเรย์ยุคแรก ที่เขาทำความจุเยอะๆ เพราะตอนแรกเขาวางมาตรฐานว่าจะใช้กับ mpeg2 ในขณะที่ hd dvd นั้นมอง advance codec มาตั้งแต่ต้น ซึ่งทาง blu-ray disc association ได้มีการเปลี่ยน spec ก่อนวางจำหน่ายจริงไม่นาน ทำให้แผ่นยุคแรกยังใช้ mpeg2 กันหมด ประกอบกับ ปัญหาในการผลิต แผ่น dual layer ทำให้แผ่นยุคแรกโดนด่าเยอะ (mpeg2 @ 25gb) จนมาตอนหลังที่ปัญหาต่างๆ ได้รับการแก้ไข
หลังจากสู้ศึกมายาวนาน Sony เพิ่งจะมาชนะด้วย Bluray แต่สุดท้ายก็โดน Trend Online บีบอยู่ดี
ค่ายเพลงของโซนี่ก็เพิ่ง CD อยู่เยอะนะ
จริง ๆ ผมอยากได้มาเก็บไว้สักเครื่องนะ แผ่น MD ดูเท่ออก
ยังผลิต MD อยู่เหรอเนี่ย
อย่างน้อย cd ก็ยังไม่ตายไปจากประเทศด้อยพัฒนาง่ายๆ แน่
Cloud เหรอ. ทำเน็ตให้มันทั่วถึงก่อนเหอะ
ผมมีซากอารยธรรมตัวที่ว่านี้กับเขาเหมือนกัน ยินดีที่เข้าร่วมวงฟังเพลงจาก MD แต่ก็เสียดายด้วย บอกไม่ถูก
เรื่องของการฟังเพลง กับ Media ถ้าพิจารณาในมุมมองของคนเดินดิน ใช้คอมฯ ไม่เป็น สมาร์ทโฟนก็ไม่รู้เรื่อง แต่ใช้เครื่องเล่นเทปแบบ Walkman ได้ เพราะมันไม่ต้องเข้าใจอะไรมาก ใส่แบต ใส่เทป กดเล่น ก็ฟังเพลงได้แล้ว เหมือนสมัยก่อน mp3/iPod ก็น่าจะขายได้ดีอยู่
+1000
นึกถึงภาพคุณพ่อของตนเองจะดูหนัง HD สักเรื่อง
ทางเลือกที่ 1 ...... เปิดคอม >> หาโหลดไฟล์จากแหล่งต่างๆ >> ตั้งจอให้ออก LCD TV >> สั่งสลับ Sound ให้ไปออก HDMI >> เปิดโปรแกรมเล่นหนัง >> คลิกเมาส์บนเมนูที่ดูยากซับซ้อนเพื่อเลือก Audio และ Subtitle (ถ้าเป็น HD Player ก็เพิ่มขั้นตอนการ copy ไฟล์เข้าไปยัง HDD ของเครื่องเล่น หรือถ้าเล่นผ่าน Network ก็ต้อง Browse เข้าเครื่องที่เป็นตัวต้นทางอีกรอบ)
ทางเลือกที่ 2 ....... เดินไปร้านขาย/เช่าหนัง >> ได้แผ่นมา >> เปิดเครื่องเล่นเอาแผ่นใส่ >> กดเลือก Source ที่ LCD TV >> กด Play, กดเลือก Audio, กดเลือก Subtitle จากรีโมท
ผมว่าคนส่วนใหญ่ (ยกเว้น Power User คอมพิวเตอร์ขึ้นไป) คุ้ยเคยกับการใช้รีโมทมากกว่านะ
Memory Stick อีกอัน
เพิ่มตามนั้นครับ
lewcpe.com, @wasonliw
อ่านไปอ่านมานึกว่าเป็น topic เรื่อง cd ไปแล้ว
เพิ่งขายทิ้งไปเมื่อ 2-3 เดือนก่อนเอง :D
จริงๆ แล้วถึงโซนี่จะชนะเป็นครั้งแรก (เป็นเพราะ Toshiba ยอมแพ้ไปเอง) แต่ก็ไม่ใช่ข่าวดีเท่าใหร่ เพราะโดนด้านออนไลน์บีบเข้ามาเรื่อยๆ
Sony ชนะหลายรอบแล้วครับ แต่ว่ารอบที่ชนะคนจะไม่ค่อยรู้ว่าเป็นผลงาน Sony หรือว่ามีส่วนร่วม
ผมนี่ใช้วัฒนธรรมโซนี่มาตลอดเลยครับ Digital 8, Beta SP, DigiBeta, MD (ผมชอบ MD มากกว่า CD เยอะครับเพราะมันคงทนและดูเท่ เสียงตอนเสียบเข้าเครื่องก็เพราะกว่าครับ), Blu-Ray, Memory Stick, SxS ฯลฯ ครับ
Sony นี่ชอบสร้าง Format ของตัวเองครับ น่ารำคาญมากๆครับ แต่บางอันมันก็คุณภาพดีจริงๆครับ
ปล.ผมนี่พวก Sonylism เลยครับ ฮาๆ
ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
Sony นี่เค้าขยันคิดค้นดีจริงๆ