Tags:
Topics: 
Node Thumbnail

นิตยสาร Vanity Fair ได้เผยแพร่พรีวิวของบทความ "Microsoft's Lost Decade" ที่กล่าวถึงสภาพการทำงานของไมโครซอฟท์ที่มีปัญหา โดยอ้างอิงข้อมูลจากการสัมภาษณ์พนักงาน/อดีตพนักงาน และข้อมูลภายในบริษัทไมโครซอฟท์ ซึ่งรวมถึงอีเมลที่ผู้บริหารระดับสูงพูดคุยกันด้วย

บทความนี้กล่าวว่า การที่ไมโครซอฟท์ประเมินผลพนักงานโดยใช้วิธี stack ranking (การจัดอันดับพนักงานโดยเทียบกับพนักงานคนอื่น และการจัดพนักงานเป็นกลุ่มตามประสิทธิภาพที่ได้รับการประเมิน เพื่อผลักดันให้เกิดวัฒนธรรมที่เน้นประสิทธิภาพการทำงานที่สูง) ทำให้พนักงานแข่งขันกันเองแทนที่จะแข่งขันกับบริษัทอื่น และทำให้ลดทอนความสามารถในการสร้างนวัตกรรม ซึ่งพนักงานทุกคนที่ Vanity Fair สัมภาษณ์มานั้นล้วนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นกระบวนการที่ทำลายไมโครซอฟท์มากที่สุด

นอกจากนั้น บทความนี้ยังเผยถึงปัญหาการเมืองภายในที่รุนแรง อาทิ ในปี 1998 ทีมงานได้พัฒนา e-reader ขึ้น แต่เมื่อทีมนำเสนอต่อ บิล เกตส์ แล้วเกตส์กลับบอกว่าไม่ชอบส่วนติดต่อผู้ใช้ (UI) เพราะไม่เหมือน Windows หลังจากนั้นทีมก็ถูกถอดจากสายการบังคับบัญชาของเกตส์และถูกรวมเข้ากับทีมพัฒนา Office ทำให้แทนที่ทีมจะมีโอกาสพัฒนาสิ่งใหม่ๆ กลับต้องมานั่งคิดว่าจะทำเงินจากงานที่ทำได้อย่างไร ส่วนคนที่เคยอยู่ในทีม Office กล่าวว่า ที่ e-reader ต้องจบลงไม่ใช่เพราะความคาดหวังในผลกำไรที่จะได้รับ แต่เป็นเพราะ Office ไม่รองรับการสั่งการด้วยการสัมผัสนั่นเอง ทีมที่เคยทำ e-reader ถึงขนาดกล่าวว่า ไอเดียที่เกี่ยวกับการประมวลผลบนอุปกรณ์พกพาที่มีประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีกว่าพีซีจะถูกลดความสำคัญและถูกกำจัดทิ้งโดยคนเพียงไม่กี่คน

บทความ "Microsoft's Lost Decade" จะได้รับการเผยแพร่ในนิตยสารฉบับเดือนสิงหาคมครับ

ถ้าบริษัทหนักขนาดนี้ ดูท่าไมโครซอฟท์คงไม่กลับมาสุดเท่อย่างที่เด็กฝึกงานบอกนะ

ที่มา: Vanity Fair ผ่าน Neowin.net

Get latest news from Blognone

Comments

By: LazarusSP1
ContributoriPhone
on 5 July 2012 - 07:30 #441613

จริงๆ Microsoft มีปัญหาเรื่องการบังคับบัญชาที่ส่งผลต่อนโยบายที่ชักช้า และทำให้พนักงานระแวงกันเอง อยู่นานแล้วไม่ใช่หรือครับ

By: Invisible Force
ContributoriPhoneAndroidUbuntu
on 5 July 2012 - 08:53 #441620
Invisible Force's picture

เป็นวิธีที่ รีด คัด เอาคนเก่งจริงๆ ซึ่งจะเหลือเพียงไม่กี่คน เพราะไม่แน่จริงตายเรียบ

จริงๆ ก็ต้องการให้เพิ่ม Productivity นั้นหละครับ เพียงแต่ในมุมของพนักงานส่วนมากไม่ค่อยชอบ

By: PowerBerry
Android
on 5 July 2012 - 08:25 #441621

ต่างคนต่างความคิดแต่ละคนอยู่ตำแหน่งสูงต่ำต่างกัน มุมมองที่เห็นมันก็เห็นจากคนละมุมอยู่แล้ว ส่วนจัดอันดับแบบเทียบกันเองผลดีมันก็จะได้แข่งขันกัน สมัยเรียนผมก็โดนตัดเกรดแบบอิงกลุ่มก็ไม่มีปัญหาอะไร ไม่รู้สมัยนี้ยังมีวิธีตัดเกรดแบบนี้อยู่รึป่าว

By: nuntawat
WriterAndroidWindowsIn Love
on 5 July 2012 - 08:51 #441626 Reply to:441621
nuntawat's picture

มีอยู่ครับ ที่ผมเจอคือตอนในมหาวิทยาลัย

By: Invisible Force
ContributoriPhoneAndroidUbuntu
on 5 July 2012 - 08:59 #441629 Reply to:441621
Invisible Force's picture

แต่ก็นะ ชีวิตในวัยเรียน กับ ชีวิตในที่ทำงาน มันไม่เหมือนกันนะคับ

By: mangmun001
iPhoneAndroid
on 5 July 2012 - 10:23 #441663 Reply to:441629

เห็นด้วยครับตอนเรียนพอทนไม่กระทบกับชีวิตถ้าทำงานนี่ชีวิตอาจพังไม่เป็นท่าเลยน่ะครับ

By: PowerBerry
Android
on 5 July 2012 - 10:54 #441681 Reply to:441629

Natural Selection

By: YF-01
AndroidUbuntu
on 5 July 2012 - 12:00 #441712 Reply to:441621

ตอนเรียนผลที่ได้คือปัจเจกครับ แข่งกันได้ก็แข่งไป

ตอนทำงานมันต้องทำกันเป็นทีม เป็นองค์กร ถ้าแข่งจนไม่ช่วยเหลือกันแล้วองค์กรจะไปรอดได้ยังไง

By: Be1con
ContributorWindows PhoneWindowsIn Love
on 5 July 2012 - 08:40 #441624
Be1con's picture

การเมืองทำยุ่งอีกแล้ว


Coder | Designer | Thinker | Blogger

By: BlackForest
AndroidWindowsIn Love
on 5 July 2012 - 09:39 #441637

วัฒนธรรมการทำงานต่างกับ Google เลย

By: LazarusSP1
ContributoriPhone
on 5 July 2012 - 09:52 #441643 Reply to:441637

ใน Barcamp Bangkhen2 มีคนไทยที่เคยทำงานให้ Microsoft กับ Google มาเปรียบเทียบการทำงานของบริษัทให้ฟังครับ ก็แนวๆนี้หละครับ

By: rattananen
AndroidWindows
on 5 July 2012 - 10:07 #441649

เอาเรื่องโบราณมาเล่าใหม่หรือเปล่า?

By: raindrop
ContributoriPhoneWindows PhoneWindows
on 5 July 2012 - 10:49 #441676 Reply to:441649

+1 ทำไมผมรู้สึกแบบเดียวกัน

ยกสมัยลุงเกตส์มาเป็นตัวอย่าง...คุณพระ

By: เดวิลแมน on 5 July 2012 - 10:13 #441653

ก็จริงนะ แทนที่จะหาแนวทางต่อสู้กับคู่แข่งกลับมาต้องระแวงมีดพร้าที่รอเสียบอยู่ด้านหลัง คนทำงานไม่มีความสุขหรอกวิธีนี้ ยิ่งเจอเจ้านายชอบฟังแต่เรื่องเยินยอจนมองข้ามความสามารถจริงของพนักงาน สมองไหลนักต่อนักแล้ว

By: Architec
ContributorWindows PhoneAndroidWindows
on 5 July 2012 - 10:28 #441667

ไม่ต้องบอกผมก็รู้อยู่แล้วมั๊ง ตั้งแต่เรื่อง Courier แล้วล่ะ

By: schanon
Android
on 5 July 2012 - 10:31 #441670 Reply to:441667
schanon's picture

+1024

By: lingjaidee
ContributoriPhoneAndroid
on 5 July 2012 - 10:31 #441668
lingjaidee's picture

รอ Ballmer หมดอายุขัย .. เอ๊ย เกษียณ ;P


my blog

By: narasak
iPhoneAndroidUbuntu
on 5 July 2012 - 10:41 #441674

เคยทำงานกับอดีตเซลส์ไมโครซอฟต์ ก็เล่าทำนองเดียวกันนี้แหละครับ

By: addib2010
iPhoneAndroid
on 5 July 2012 - 11:43 #441699

ระบบนี้อาจจะเหมาะกับงานที่ไม่ต้องสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ทำซ้ำๆแบบเดิมๆ เพื่อให้พนักงานตรวจสอบกันเองให้อยู่ในมาตรฐานและคัดออก

แต่บริษัทชั้นนำที่ต้องเป็นผู้นำในด้านความคิดและสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ควรสนับสนุนให้พนักงานคิดหรือกล้าตัดสินใจทำสิ่งใหม่ๆ มากกว่าเล่นพรรคเล่นพวกภายในบริษัท

By: xxxooo
Windows PhoneWindowsIn Love
on 5 July 2012 - 12:33 #441724 Reply to:441699

ถ้ามันไ่กล้าทำสิ่งใหม่ๆจริง แล้วไอ้พวกที่อยู่ใน MS Research

ผมว่า Microsoft สนับสนุนนะ แต่ส่วนใหญ่มันมักๆจะขาดๆเกินๆ หรืออกมาในช่วงเวลาที่ไม่สามารถทำผลิตภัณฑ์ ออกมาขายจริงได้

By: luckyman
ContributoriPhoneAndroidRed Hat
on 5 July 2012 - 15:08 #441766 Reply to:441724

MSR เป็นศูนย์วิจัยหนิครับ เหมือน AT&T Bell Labs หรือ Xerox PARC ดำเนินงานเป็นอิสระ

By: chollathee
AndroidSymbianWindows
on 5 July 2012 - 13:27 #441744

ในสัญญาจ้างงานก็คงมีบอกอยู่แล้วมั้ง

และใครที่เซ็นสัญญาเข้าไปทำงานที่นั่น ก็คงต้องยอมรับกลายๆ แล้วแหละ ว่าถ้าไม่เจ๋งจริง ก็คงอยู่ไม่รอด
คงไม่มีใครผูกใจเจ็บมั้งครับ ถ้าเป็นแบบนี้...

By: Invisible Force
ContributoriPhoneAndroidUbuntu
on 5 July 2012 - 16:51 #441795
Invisible Force's picture

แต่เท่าที่ดูหนังประวัติของ Steve Jobs ก็ใช่ย่อยนะ .. ใครไม่เก่งนี้มีถูกถากถางนะ

By: incredibles
iPhoneWindows PhoneAndroidUbuntu
on 5 July 2012 - 17:25 #441803

มันทุกที่แหละครับ ไปทำงานไปเล่นๆนอนอยู่บ้านดีกว่า เมืองไทยหลายบริษัทใหญ่ๆก็เป็นแนวนี้หมด มันต้องอาศัยการแข่งขันกันเองในบริษัท ไม่งั้นก็จะเกิดภาพ หลังพักเที่ยงแทนที่จะรีบกลับมาทำงานแต่ดันมานอนย่อยอาหาร พอใกล้ๆ5โมงเย็นก็เตรียมตัวที่จะกลับบ้านกันจนไม่ทำงาน ทุกอย่างมีได้มีเสีย ใช้วิธีนี้ไม่ใช่แปลว่าเค้าจะต้องมาระแวดหลังกันตลอดเวลา เวลาทำงานจริงๆเค้าก็ทำเป็นทีมอยู่แล้ว ทีมOffice ทีมwindowphone ทีมXbox

By: chalee
iPhoneAndroid
on 5 July 2012 - 17:32 #441804

ตั้งแต่มี stack ranking เข้ามาในบริษัทผม จากพนักงานที่เคยช่วยเหลือกันทำงาน ตอนนี้กลับมาชิงดีชิงเด่นเห็นแก่ตัวกันมากขึ้น ซึ่งมันไม่เป็นผลดีกับบริษัทเลย

By: legnoi
iPhoneAndroidBlackberry
on 6 July 2012 - 01:03 #441911
legnoi's picture

เห็นงี้แล้วอยากอ่านของบริษัทอื่นด้วยแหะ Google, Apple, Amazon, IBM

By: xperia
Windows Phone
on 6 July 2012 - 11:32 #442001

ขออธิบายเพิ่มในฐานะที่เคยทำงานอยู่ใน Microsoft นะครับ ระบบ stack ranking จะประเมินจาก commitments ของพนักงานแต่ละคนในแต่ละปี ซึ่ง commitments ส่วนใหญ่ก็คือยึดตามหัวหน้าของตนซึ่งก็มาจากหัวหน้าของหัวหน้าอีกทีเป็นทอดๆไป แล้วหนึ่งในข้อใหญ่ (จากทั้งหมด 5-6 ข้อ) ก็คือ team collaboration กับ cross team collaboration ครับ ถ้าต่างคนต่างทำงานไม่สนใจคนอื่น ผลประเมินข้อนี้จะล้มเหลวแน่นอน ซึ่งก็แปลว่าทำให้ ranking ต่ำลง แล้วคนที่ประเมินก็ไม่ใช่แค่หัวหน้าแค่คนเดียว เค้ามีระบบให้หัวหน้าส่ง request การประเมินไปหาเพื่อนในทีม เพื่อนต่างทีม หรือคนที่ร่วมงานกันมาในระยะ 1 ปี รวมๆแล้วก็ใช้ประมาณ 5-6 คนในการประเมินพนักงานคนหนึ่ง แน่นอนว่าก็มีการลำเอียงอยู่บ้าง แต่จากประสบการณ์ผมเชื่อระบบประเมินแบบ Microsoft น่าเชื่อถือและลดความลำเอียงได้มากที่สุด

By: Invisible Force
ContributoriPhoneAndroidUbuntu
on 6 July 2012 - 12:51 #442032 Reply to:442001
Invisible Force's picture

ขอบคุณสำหรับการแชร์ประสบการณ์จากผู้ที่ได้สัมผัสโดยตรงครับ