Tags:
Node Thumbnail

ผมได้ไปเจอบทความซีรีส์นึงในเว็บ AppleInsider ซึ่งพูดถึงรายละเอียดต่างๆ ของ Snow Leopard ซึ่งในเวลาที่ผมพิมพ์นี้ได้ออกมาแล้ว 3 ตอนคือ Quicktime X, 64-bit และ GPU Optimization

อันนี้ผมได้แปลและสรุปความในส่วนของ 64 บิตมาให้อ่านกันครับ เพราะเนื่องจากคิดว่าหลายๆ คนคงอยากรู้ บวกกับอาจจะเป็นสิ่งที่หลายๆ คนอาจจะเคยเข้าใจผิด (ผมล่ะคนหนึ่ง) ว่า Snow Leopard เป็น 64 บิตโดยสมบูรณ์ แต่จริงๆ แล้วก็ยังไม่ใช่ซะทีเดียว

ขอระบุก่อนด้วยนะครับว่า เนื่องจากเรียบเรียงจากต้นฉบับที่ AppleInsider ที่ปกติทางผู้เขียนอาจจะโอนเอียงไปทางแอปเปิลอยู่แล้ว ดังนั้นบทความที่แปลก็อาจจะยังมีความลำเอียงอยู่ รวมถึงมีการเปรียบเทียบกับแพลตฟอร์มอื่นๆ อย่างวินโดวส์ อยากให้ใช้วิจารณญาณในการอ่านครับ

มีความเข้าใจผิดอยู่มากเกี่ยวกับเคอร์เนล 64 บิตของ Snow Leopard ถึงแม้ว่า Snow Leopard จะมีเคอร์เนลที่เป็น 64 บิตแล้วก็ตาม แต่เคอร์เนลนี้ก็ไม่สามารถทำงานในโหมด 64 บิตบนเครื่องที่ใช้ซีพียู 64 บิตอย่าง Intel Core 2 Duo ได้ทุกเครื่อง เนื่องจากจะยังมีเครื่องแม็คส่วนหนึ่ง (รุ่นก่อนหน้าปี 2008) ที่แม้ว่าจะใช้ซีพียู 64 บิตแล้ว แต่ตัว EFI ยังเป็น 32 บิตอยู่ ดังนั้นเคอร์เนลนี้จะสามารถทำงานในโหมด 64 บิตก็ต่อเมื่อเครื่องนั้นเป็นใช้ซีพียูและ EFI เป็น 64 บิตแล้วเท่านั้น

ในทางกลับกัน Windows XP และ Vista เวอร์ชัน 64 บิตกลับไม่มีปัญหา และสามารถลงบนเครื่องแม็คทุกเครื่องที่เป็นซีพียู Intel Core 2 Duo เนื่องจากวินโดวส์ยังคงใช้ BIOS อยู่ ไม่ใช่ EFI

อย่างไรก็ตาม หากพูดกันตามตรงแล้ว การใช้เคอร์เนลที่เป็น 64 บิตอาจไม่ได้ส่งประโยชน์ที่ชัดเจนถึงผู้บริโภคเท่าใดนัก เพราะข้อดีหลักๆ ของมันนอกเหนือจากเรื่องความปลอดภัยแล้ว คือเรื่องของการใช้แรมมากกว่า 4GB ซึ่งผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นแม็คหรือพีซีก็ไม่สามารถซื้อเครื่องที่มีแรมได้มากกว่านี้สักเท่าไหร่อยู่ดี

ตัว Snow Leopard เองก็ยังคงจะรันเคอร์เนลในโหมด 32 บิตเสมอ (แม้ว่าเครื่องจะมี EFI เป็น 64 บิตก็ตาม) เพราะว่ายังมีปัญหาในเรื่องของไดร์เวอร์ฮาร์ดแวร์ต่างๆ ที่อาจจะยังไม่สามารถทำงานในโหมด 64 บิตได้ ซึ่งปัญหานี้เป็นปัญหาเดียวกันกับวินโดวส์ 64 บิต ที่จนทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร (แต่หากผู้ใช้ต้องการ สามารถบูตเคอร์เนลในโหมด 64 บิตได้โดยกดเลข 6 และ 4 บนคีย์บอร์ดไว้ตอนเปิดเครื่อง)

แต่ถึงแม้ว่าตัวเคอร์เนลของ Snow Leopard จะรันในโหมด 32 บิต แต่ System Application ส่วนใหญ่ใน Snow Leopard ไม่ว่าจะเป็น Finder, Dock, Mail ไปจนถึง Background Process อย่าง launchd สามารถรันในโหมด 64 บิตบนซีพียู 64 บิตได้ ซึ่งต่างกับทางวินโดวส์ที่จำเป็นต้องเป็น 32 บิตหรือ 64 บิตเหมือนกันตั้งแต่ซีพียู ไดร์เวอร์ ไปจนถึงโปรแกรมข้างบนเท่านั้น

และในจุดนี้จึงเป็นประโยชน์สำหรับผู้ใช้โดยตรง ที่จะสามารถใช้แอปพลิเคชันที่เร็วขึ้นบนในโหมด 64 บิตได้ แม้ว่าเคอร์เนลและไดร์เวอร์จะเป็น 32 บิตก็ตาม และเนื่องจากสถาปัตยกรรม 64 บิตของ PowerPC กลับทำให้แอปพลิเคชันช้ากว่าเดิมจาก overhead ที่เป็นข้อจำกัดทางเทคโนโลยี จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ Snow Leopard ออกมาสำหรับซีพียู Intel เท่านั้น

ปัญหาที่สำคัญที่ทำให้ผู้ใช้วินโดวส์ส่วนใหญ่ยังไม่สามารถย้ายจากแพลตฟอร์ม 32 บิตไปยัง 64 บิตได้เนื่องจากความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนระบบทั้งหมดตั้งแต่ซีพียู ไดร์เวอร์ เคอร์เนล และแอปพลิเคชันไปยัง 64 บิตพร้อมๆ กัน แต่ข้อได้เปรียบของ Snow Leopard คือมาตรฐาน Universal Binary ที่เดิมออกแบบมาให้แอปพลิเคชันสามารถเก็บไบนารีของ Intel และ PowerPC ไว้ในไฟล์เดียว ในคราวนี้จึงถูกนำมาใช้เพื่อเก็บไบนารีของทั้ง Intel 32-bit และ Intel 64-bit แทน ผู้พัฒนาจึงสามารถผลิตและจัดจำหน่ายซอฟท์แวร์เวอร์ชันเดียว ที่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพทั้งบน 32 และ 64 บิต โดยไม่สร้างความสับสนให้กับผู้ใช้ และรองรับระบบเก่าๆ ได้อย่างไม่มีปัญหา

จุดนี้เองเป็นจุดสำคัญที่จะทำให้แอปพลิเคชันต่างๆ บนแพลตฟอร์ม Mac OS X สามารถแห่ข้ามกันไปทางฝั่ง 64 บิตได้เร็วกว่าทางฝั่งวินโดวส์ในอนาคตอันใกล้นี้ เพราะแอปพลิเคชันส่วนใหญ่ที่มีไบนารี 64 บิตจะยังคงสามารถทำงานบนเครื่อง 32 บิตที่รัน Snow Leopard ได้ด้วยเพราะมีไบนารีของ 32 บิต แตกต่างกับทางวินโดวส์ที่ส่วนใหญ่แล้วเกือบทั้งหมดยังเป็น Windows XP 32 บิตที่ไม่สามารถรันแอปพลิเคชัน 64 บิตได้ในทุกกรณี

ความท้าทายที่เหลืออยู่สำหรับแอปเปิลที่จะตีนำวินโดวส์บนสงครามแพลตฟอร์ม 64 บิตจึงมีอยู่ 2 ส่วนสำคัญ

ประการแรกคือการเปลี่ยนฐานผู้ใช้เดิมให้ใช้ Snow Leopard ทั้งหมดแม้ว่าผู้ใช้เหล่านั้นจะใช้ซีพียู Intel แบบ 32 หรือ 64 บิตก็ตาม ซึ่งจะทำให้ผู้พัฒนาสามารถที่จะออกแอปพลิเคชันที่ใช้ประโยชน์จาก 64 บิตได้ และยังคงไม่เสียตลาดกลุ่ม 32 บิตเดิม จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ Snow Leopard ถูกวางขายในราคาที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับวินโดวส์ และหลีกเลี่ยงการเพิ่มฟีเจอร์บน Snow Leopard ที่อาจทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาจนทำให้ผู้ใช้ไม่อยากเปลี่ยนมาใช้ (แบบกรณี Vista)

ประการต่อมาคือการผลักดันผู้ผลิตต่างๆ รวมถึงแอปพลิเคชันอื่นๆ ของตัวเองเช่น iWork, iLife, iTunes ไปจนถึง Final Cut หรือ Logic ให้มาทำงานและใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์ม 64 บิตให้หมด ซึ่งจะส่งผลดีโดยรวมต่อประสบการณ์ผู้ใช้แม็คที่ได้ใช้แอปพลิเคชันที่มีประสิทธิภาพกว่าบนฮาร์ดแวร์ที่ใกล้เคียงกันเมื่อเทียบกับวินโดวส์พีซี

นอกจากนี้แล้ว เวลานี้ยังถือว่าเป็นจังหวะที่เสียเปรียบของทางฝั่งวินโดวส์ เนื่องจากกำลังมีการขยายตัวของตลาดเน็ตบุ๊กอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะดึงให้วินโดวส์และผู้พัฒนาแอปพลิเคชันวินโดวส์ยังต้องอยู่กับแพลตฟอร์ม 32 บิตของซีพียูราคาถูกนานขึ้นอีก

เรียบเรียงจาก - AppleInsider

Get latest news from Blognone

Comments

By: nuntawat
WriterAndroidWindowsIn Love
on 4 September 2009 - 23:41 #122860
nuntawat's picture

น่าจะเข้าเป็น Special Report ได้นะ แต่ควรใส่แท็ก break ด้วย (น่าจะตรงก่อนย่อหน้าที่ 4)

ส่วนคำว่า "โหมต" เขียนว่า "โหมด", "แอปพลิเคชั่น" ตัดไม้เอกออก ครับ

ส่วนประการที่หนึ่งกับสองตอนท้าย แนะนำว่าน่าจะใส่เป็นหัวข้อ (bullet) นะครับ

Windows 7 Professional on my ThinkPad T61 is very stable!

By: McKay
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 4 September 2009 - 23:58 #122866
McKay's picture

ถึงแม้ว่า apps จะรัน 64bit ใน kernel 32bit ได้ก็ตาม แต่ก็มีข้อจำกัดที่ CPU ต้องมี EM64T ด้วยอยู่ดี ทำให้ผมมองว่าย่อหน้านี้ของผู้เขียนบทความนั้นผิดครับ ============= จุดนี้เองเป็นจุดสำคัญที่จะทำให้แอปพลิเคชั่นต่างๆ บนแพลตฟอร์ม Mac OS X สามารถแห่ข้ามกันไปทางฝั่ง 64 บิตได้เร็วกว่าทางฝั่งวินโดวส์ในอนาคตอันใกล้นี้ เพราะแอปพลิเคชั่น 64 บิตจะยังคงสามารถทำงานบนเครื่อง 32 บิตที่รัน Snow Leopard แตกต่างกับทางวินโดวส์ที่ส่วนใหญ่แล้วเกือบทั้งหมดยังเป็น Windows XP 32 บิตที่ไม่สามารถรันแอปพลิเคชั่น 64 บิตได้ในทุกกรณี ============= โดยเฉพาะในปัจจุบัน(เริ่มตั้งแต่ Vista) การที่อุปกรณ์ใดๆจะเป็น Vista compatible ได้นั้นจะต้องมี driver 64bit ลองรับด้วย วึ่งถือได้ว่าอุปกรณ์ทุกชิ้นในปัจจุบันมี driver 64bit ครับ ซึ่งถือได้ว่าสามารถใช้ Vista 64bit ได้อย่างสมบูรณ์

หากผู้เขียนบทความจะให้เทียบกับ XP แล้วหล่ะก็ผมมองว่ามันไม่ใช่ครับ เพราะ Tiger ซึ่งเป็น OSX Intel ตัวแรก นั้นออกมาเวลาใกล้เคียงกับ Vista (2005) ดังนั้นหากจะเทียบกันหมัดต่อหมัดแล้วน่าจะเทียบกับ Vista มากกว่า

เห็นด้วยว่าคนใช้ XP ยังเยอะอยู่แต่หลังจาก 7 ออกมาแล้วคนคงแห่กันไปใช้ 7 กันแน่ครับ ถ้าเครื่องมีอายุไม่เกิน 2 ปี ซึ่งเป็นยุคที่ Vista เริ่มคงตัวแล้ว คืออุปกรณ์ทุกชิ้นรองรับ

โดยรวมแล้วผมมองว่า ไม่แตกต่างกัน ระหว่าง 64bit ของ Snow Leopard กับ 7


Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)

By: Zerothman
WriteriPhoneIn Love
on 5 September 2009 - 00:22 #122870 Reply to:122866

ย่อหน้านั้นผมแปลผิดเองครับ กลับไปอ่านอีกที คิดว่าจริงๆ เป็นที่ประเด็นของ universal binary มากกว่า (ที่ทำให้ backward compatible)

ส่วนเรื่องการเทียบกับ XP ผมเดาว่าผู้เขียนคงอิงกับฐานผู้ใช้จริงมากกว่า เลยเอาไปเทียบกับ XP (แต่จะว่าไป Snow Leopard ก็ยังไม่ได้มี % เยอะขนาดนั้น)

ส่วน driver vista อันนี้ผมไม่รู้จริงๆ ครับ แต่เท่าที่เข้าใจ รู้สึกว่าผู้เขียนเน้นไปเรื่องแอปพลิเคชันมากกว่านะครับตรงนั้น (แต่ผมก็ไม่รู้จริงๆ ว่า แอปพลิเคชั่นบนวินโดวส์ที่เป็น 64 บิตแล้วมีเยอะแค่ไหน)

By: McKay
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 5 September 2009 - 06:05 #122902 Reply to:122870
McKay's picture

ใน Vista/7 x64 apps ที่จะรันไม่จำเป็นต้องเป็น 64bit นะครับ apps 32bit ก็รันได้เพียงแต่ถ้าจะให้ดีก็ควรเป็น 64bit เพื่อความสมบูรณ์มากกว่ากรณีนี้คงเหมือนกับ OSX

ผมว่า Apple ทำออกมาเป็น universal เพราะมีปัญหากับ drivers มากกว่า ซึ่งความเป็นจริงแล้ว Apple ได้ทำระบบ universal นี้มาตั้งแต่ OSX Tiger แล้วหล่ะครับ สามารถรัน apps 64bit ได้ เพียงแต่ยังไม่มี kernel ที่เป็น 64bit อย่างจริงจังจนพึ่งมามีตอน Snow Leopard นี้ซึ่งก็ยังไม่ได้เป็น default เพราะยังมีปัญหากับ driver ต่างๆอยู่ ซึ่งถ้ามาดู apps ของแต่ละฝั่งแล้วก็คงมีจำนวนของ apps ที่เป็น 64bit โดยเฉลี่ยจากทั้งหมดพอๆกันครับ

ถ้าจะเทียบด้าน 64bit Platform นั้นผมว่าตอนนี้ Vista/7 นำอยู่หน่อยๆเนื่องมาจากอุปกรณ์ต่างๆมี driver ที่รองรับ 64bit โดยสมบูรณ์ครับ

ดังนั้น 64bit ใน Snow Leopard ผมว่ามันเป็นข้ออ้างของ Apple ในการเลิกซัพพอร์ต PowerPC มากกว่าครับ แต่ผมคิดว่าที่เด่นๆเลยใน Snow Leopard แต่คนไม่ค่อยพูดถึงกันมากนักก็คือ OpenCL ครับ


Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)

By: illusion
ContributorAndroid
on 5 September 2009 - 12:12 #122921 Reply to:122902
illusion's picture

เห็นด้วยกับ คห. นี้ิเลย

Windows 64 bit สามารถรัน apps 32 bit ได้เหมือนๆ กัน ไม่รู้สึกถึงความแตกต่างกับการใช้ Windows 32 bit เลยครับ (อย่างผมใช้ Win7 64 bit อัตราส่วนโปรแกรม x64 กับ x32 ในเครื่องเท่ากับ 1:10 เลยทีเดียว ..x32 ยังครองโลกอยู่)

ส่วนฝั่งไดรเวอร์ windows นั้น พักหลังๆ นี่ก็มี driver ที่รองรับ 64 bit โดยสมบูรณ์แล้ว อย่างผมใช้ Win7 64 bit ก็หา driver ได้ครบทุกตัวเลย คงเป็นผลจากการที่ MS ออกเรื่อง Vista-compatible มานั่นล่ะครับ

ข้อดีของ OSX เกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คงจะเป็นการที่ user สามารถใช้ได้โดยไม่ต้องเข้าใจระบบมากเลยครับ ไม่ต้องไปสนใจว่า x32 x64 ยังไงฮาร์ดแวร์กับซอฟต์แวร์ก็ทำงานร่วมกันได้แน่ๆ (ส่วนใครใช้ PowerPC คงลำบากหน่อย โดนทิ้งแล้ว)

ว่าแต่ ผมเข้าใจว่า PC รุ่นหลังๆ รองรับ EFI กันหมดแล้ว (รึเปล่าครับ ไม่แน่ใจ) ทำไม Windows จึงยังจะใช้ BIOS จนกระทั่ง Win7 อยู่ล่ะครับ

By: AdmOd
iPhoneWindows
on 5 September 2009 - 12:56 #122927 Reply to:122921

วินโดวส์ 64 บิตใช้พื้นที่เกือบ 2 เท่าของวินโดวส์ 32 บิต

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 5 September 2009 - 17:32 #122959 Reply to:122927
hisoft's picture

แต่ Windows 7 x64 Professional ก็ใช้เนื้อที่ราวๆ 9GB เท่านั้นเองนะครับ ผมว่ามันน้อยมากๆ แล้วสำหรับการทำงานระดับนี้

The Phantom Thief

By: iheresss
ContributoriPhoneWindows PhoneWindows
on 5 September 2009 - 14:05 #122933 Reply to:122921
iheresss's picture

CPU 32bit คือ x86 นะครับ ไม่ใช่ x32

ถึง PC รุ่นหลังที่ออกมาจะใช้ EFI กันหมดแล้ว แต่ Microsoft ยังคงต้องการเกาะกลุ่มผู้ใช้จำนวนมากอยู่จึงยังคงใช้ BIOS เหมือนเดิม แต่ในทางกลับกัน ฮาร์ดแวร์ของ Apple ที่ขายจะเป็นระบบปิด (คือ ขายฮาร์ดแวร์อย่างเฉพาะเจาะจงรุ่น เพื่อตัดปัญหาการเข้ากันได้กับซอฟท์แวร์) จึงสามารถที่จะโอนทั้งระบบไป boot ผ่าน EFI ได้ไม่ยาก และอีกส่วนสำคัญก็คือ Apple เลือกที่จะตัดความสัมพันธ์กับ PowerPC ไปเลย เพื่อการพัฒนาที่เร็วกว่า ในขณะที่ Microsoft กลับไม่ทำ เพราะถ้าตัดใจเครื่อง PC เก่าๆคงได้โวยกันจนโลกแตกแน่ (จำนวนคนใช้มันต่างกัน) แล้วก็คงเสียฐายลูกค้ากันหลายเปอร์เซ็นแน่นอนครับ

By: ipats
ContributorNOOBIn Love
on 6 September 2009 - 04:32 #123054 Reply to:122933

คงเหมือนระบบ partition GPT, MBR มั๊งครับ.. OSX ใช้ GPT ไปแล้ว แต่ Windows ยังใช้ MBR อยู่เลย คงเพราะสืบเนื่องมาจาก EFI

iPAtS


iPAtS

By: powerPC7400 on 5 September 2009 - 14:37 #122937 Reply to:122902

OpenCL
grand central dispatch
สองอย่างนี้ทำให้ผมคิดว่าน่าใช้กว่า win7เยอะหลังจากลองเล่น win7RC มาแล้วไม่พบความประทับใจใดๆ
นอกจากอายแคนดี้ที่มันเพิ่มขึ้นกับการจัดสรรทรัพยากรให้ดีขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่ฝั่งแม็คเป็นอินเตอร์เฟซเหมือนleopardเดิมๆไม่เปลี่ยนแปลงทำให้หมดความน่าสนใจตรงนี้ไป และไม่ดึงดูดใจซักเท่าไหร่ แต่ทว่าผมกลับพบว่ามันจัดการกับทรัพยากรเครื่องได้ดีมากๆ อันนี้ก็สุดแล้วแต่รสนิยมใคร

แต่ว่าเรื่องแอพพลิเคชั่น ถ้าฝั่งแม็คเองจะใช้ แอ็พพลิเคชั่น64bitได้สมบูรณ์แบบมากๆ แต่ยังมีปัญหาจุกจิกกวนใจ กับ3rdparty แน่นอนขนาดแค่CS3ยังรันมีปัญหาเลย-*- ส่วนฝั่งwin7หลายๆค่ายก็แห่กันไปสนับสนุนซะขนาดนั้นไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องโปรแกรมซัพพอร์ตอะไรอยู่แล้ว

โดยรวมคิดว่าการออกOS ใหม่ไม่น่าจะทำให้มีผู้ใช้OS Xหรือwindows เพิ่มมากขึ้น เพราะคนที่จะอัพเกรดก็คงเป็นคนที่ใช้windows หรือว่า OS Xอยู่แล้ว

By: Zerothman
WriteriPhoneIn Love
on 5 September 2009 - 14:44 #122940 Reply to:122937

ผมคิดว่าประเด็นมันคงไม่ได้อยู่ที่การอัปเกรดจะส่งผลต่อการตัดสินใจใช้แพลตฟอร์มของผู้ใช้โดยตรง แต่น่าจะเป็นเรื่องของประสบการณ์โดยรวมของแพลตฟอร์มนั้นๆ มากกว่า ซึ่ง OS ก็เป็นส่วนประกอบฐานอันนึง ที่ยังต้องประกอบด้วยซอฟท์แวร์และฮาร์ดแวร์อื่นๆ ประกอบรวมกันหมด

ซึ่งถ้ามองในมุมนี้ จริงๆ แล้วระบบปิดของแอปเปิลก็เป็นจุดอ่อนสำคัญในเรื่องของความหลากหลายและตัวเลือกให้กับผู้ใช้ ดังนั้นแอปเปิลจึงต้องเน้นไปที่เรื่องของประสิทธิภาพ ความน่าใช้ หรืออื่นๆ เพื่อจะมาลบข้อด้อยตรงนี้ (ซึ่งทั้งหมดก็มักจะทำได้ง่ายกว่าเพราะเป็นระบบปิด) อย่างที่เราจะเห็นอยู่แล้วในสื่อการโฆษณาต่างๆ ของแอปเปิลที่มักจะเน้นเรื่องนี้ ในขณะที่ทางวินโดวส์จะไปเน้นเรื่องอิสระในการเลือก

ก็คงต้องรอดูกันไปเรื่อยๆ ว่าจุดยืนใครจะชนะ

By: tstcnr1u
iPhoneWindows PhoneAndroidUbuntu
on 5 September 2009 - 00:27 #122872 Reply to:122866

คือถ้า EFI ของเครื่อง Mac เป็น 64bit CPU ที่ใส่มันก็มี EM64T ด้วยอยู่แล้วไม่ใช่หรอครับ เพราะ EFI 64bit ออกมาทีหลังหนะครับ

Sora's Story

By: Malus on 5 September 2009 - 03:47 #122897 Reply to:122872

-

By: fuzion on 4 September 2009 - 23:58 #122868

กด 6 กับ 4 ค้าง ตอนเปิดเครื่องเหรอครับ แล้วผมจะรู้ได้ไงว่า มันรัน เป็น 64bit จริงๆ มันแสดงตรงไหนเหรอครับ

คือ อยากรู้ อ่ะครับ ไม่มีอะไรหรอก

By: Malus on 5 September 2009 - 03:47 #122898 Reply to:122868

about this mac > more info > software > 64-bit Kernel and Extensions

By: Nozomi
ContributorWindows PhoneAndroidSymbian
on 5 September 2009 - 00:10 #122869
Nozomi's picture

ถ้าจะเขียนเป็น special report ก็ดีนะครับ แปลทั้ง 3 เรื่องเลย ก็จะน่าสนใจไม่น้อย

แต่ถ้าจะเขียนเป็นข่าว อาจต้องตัดเป็น bullet มากหน่อย

By: tekkasit
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 5 September 2009 - 09:22 #122905
tekkasit's picture

เสริมครับ

  • EFI ย่อมาจาก Extensible Firmware Interface เป็นของที่มากับฮาร์ดแวร์แพลตฟอร์มครับ Intel ตั้งใจจะเอา EFI มาแทน BIOS ครับ เช่นบู๊ตในโหมดกราฟฟิค, สั่งวินิจฉัยระบบได้ผ่านทางเน็ตเวิร์ก, สับเปลี่ยนอุปกรณ์ระหว่างระบบทำงาน (hot-swap) ใน PC ส่วนใหญ่ที่มี EFI ได้ในเครื่องกลุ่ม server เป็นหลัก
By: ABZee on 5 September 2009 - 10:29 #122909

คิดว่าเอียงนิดๆจริงๆ ส่วนหนึ่งเพราะอ่านดูเหมือนกับไปเทียบกับวินโดวส์ตัวเก่า (win-xp 64 bit?) ซึ่งมันก็เก่าพอตัวอยู่ที่เทคโนโลยีมันจะดีขึ้น

LongSpine.com

By: fuzion on 5 September 2009 - 11:29 #122912

"about this mac > more info > software > 64-bit Kernel and Extensions"

ขอบคุณมากครับ ^^

ปล. ผมลอง กด 6 กับ 4 ค้างไว้แล้วครับ ยังแสดงว่า No อยู่เลย เครื่องผมเป็น MacBook 13 นิ้ว ตัวก่อนหน้าจะแปลงเป็น MacBook Pro 13" ครับ ส่วนอีกตัวเป็น MacBook Pro 15" Core2Duo 2.33 ก็ไม่แสดงเหมือนกันครับ

จริงๆ แล้วต้องกด Command 64 หรือ option 64 หรือป่าวครับ สงสัย รบกวนด้วยน่ะครับ

By: Zerothman
WriteriPhoneIn Love
on 5 September 2009 - 13:24 #122929 Reply to:122912

เอ๊ะ? นั่นสิ เริ่มไม่แน่ใจ... รอผู้รู้มาตอบดีกว่า... แหะๆ

By: jirayu
ContributorWindows PhoneBlackberrySymbian
on 5 September 2009 - 12:22 #122923

นึกว่าจะเป็น Kernel SL รันในโหมด 128bit เสียอีก :P

[ JIRAYU.INFO ]


By: toandthen
WriterMEconomics
on 5 September 2009 - 15:04 #122941
toandthen's picture

จะเข้ามาบอกว่าเลขบทความสวยดี 13000


@TonsTweetings

By: Blltz
WriterMEconomicsAndroidWindows
on 5 September 2009 - 15:09 #122943 Reply to:122941
Blltz's picture

เพิ่งเห็นเหมือนกัน ตาดีจริง ๆ =A="

Acting Reporter & My Elder Brother Blog

By: skycreeper
iPhoneBlackberryUbuntu
on 5 September 2009 - 15:24 #122944

ละเอียดมาก!

By: SaDoW
iPhone
on 5 September 2009 - 16:08 #122945

พอเสียง ติ่ง ตอนบูตขึ้นมาให้กด 6 กับ 4 พร้อมกันค้างไว้ครับจนวงล้อหมุนๆใต้โลโก้ Apple ใหปล่อยครับผม ที่ผมสงสัยคือ Kernel 64 bit มันมีประโยชน์อะไรบ้างครับ?

By: pittaya
WriterAndroidUbuntuIn Love
on 6 September 2009 - 01:21 #123025
pittaya's picture

ใครสนใจเรื่องการทำงาน/การออกแบบ Snow Leopard แบบลึกๆ แนะนำให้อ่านบทความ 23 หน้าของ Ars Technica ครับ

pittaya.com


pittaya.com