เมื่อวานนี้ช่วงบ่ายโมงครึ่งตามเวลาประเทศไทย SpaceX ได้ยิงจรวด Falcon Heavy ออกสู่ห้วงอวกาศเป็นครั้งที่สาม ภายใต้ภารกิจชื่อ STP-2 ซึ่งเป็นภารกิจที่ยากที่สุดเท่าที่ SpaceX เคยทำมา
จรวด Falcon Heavy ประกอบไปด้วยแกนจรวด Falcon 9 จำนวน 3 ลำมัดติดกัน มีเครื่องยนต์ Merlin รวม 27 เครื่อง พาจรวดทะยานผ่านท้องฟ้ายามค่ำคืนของรัฐฟลอริดาออกสู่ห้วงอวกาศ หลังจากนั้นไม่กี่นาที บูสเตอร์ซ้ายและขวาก็แยกตัวออกจากบูสเตอร์หลักตรงกลาง และพาตัวเองบินกลับมาลงจอดที่เดิมได้สำเร็จ
ต่อมาจรวดส่วนหัวที่บรรทุก payload อยู่ก็แยกตัวออกจากบูสเตอร์หลักเพื่อไปทำภารกิจปล่อยดาวเทียม ส่วนบูสเตอร์หลักก็กลับตัวและร่อนกลับมายังมหาสมุทรแอตแลนติก ห่างจากจุดยิงจรวดราว 1,200 กิโลเมตร ที่ซึ่งโดรนลอยน้ำ Of Course I Still Love You จอดรออยู่ แต่กลับเกิดเหตุไม่คาดคิด เมื่อบูสเตอร์ลอยเข้ามาใกล้โดรนลอยน้ำแล้วกลับไถลออกนอกเป้าหมาย ค่อยๆ ดิ่งลงทะเลพร้อมเกิดระเบิดขึ้น ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดถูกกล้องบนโดรนลอยน้ำจับไว้ได้และถ่ายทอดสดให้คนทั้งโลกเห็นพร้อมกัน
จังหวะที่บูสเตอร์ตัวกลางดิ่งลงทะเลและเกิดระเบิด
นี่เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่บูสเตอร์ตัวกลางของจรวด Falcon Heavy พลาดเป้าและดิ่งลงทะเล (ครั้งแรกคือตอนทดสอบยิง) โดยคราวนั้นที่พลาดเป้า Elon Musk ให้ข้อมูลว่าเพราะเชื้อเพลิงหมดก่อน และคราวนี้ก็คาดว่าเพราะเหตุผลเดียวกัน เนื่องจากภารกิจนี้ต้องใช้เชื้อเพลิงสูงมากจากการที่ payload มีน้ำหนักเยอะ แต่ก็ยังไม่มีคำแถลงอย่างเป็นทางการออกมาถึงสาเหตุ
ด้านจรวดส่วนหัวก็บรรทุกดาวเทียมจำนวน 24 ดวง เป็นของหลายหน่วยงานจากสหรัฐอเมริกาแชร์กันมา เช่นกองทัพสหรัฐฯ, NASA, NOAA (กรมอุตุฯ) ซึ่งสิ่งที่ทำให้ภารกิจคราวนี้ "ยากที่สุด" คือดาวเทียมทั้งหมดถูกแบ่งออกเป็นชุดๆ แต่ละชุดต้องปล่อยที่วงโคจรคนละจุดกัน รวม 3 จุด ทำให้จรวดส่วนหัวต้องติดและดับเครื่องถึง 4 ครั้งด้วยกัน โดยดาวเทียมถูกปล่อยออกและเชื่อมต่อกับเครือข่ายได้สำเร็จทั้งหมด
ดาวเทียม COSMIC-2 ของกรมอุตุฯ สหรัฐฯ | ภาพจาก NOAA
นอกจากนี้ภารกิจนี้ยังมีความพิเศษอีกอย่างหนึ่ง คือเรือติดตั้งตาข่ายดักจับเปลือกของส่วนหัวจรวด หรือ fairing สามารถดักจับชิ้นส่วนดังกล่าวได้เป็นครั้งแรกแล้ว หลัง SpaceX พยายามดักจับชิ้นส่วนนี้มาหลายครั้งแต่ก็ล้มเหลวมาโดยตลอด (ก่อนหน้านี้ Elon Musk ตั้งชื่อเรือว่า Mr. Steven แต่ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็น Ms. Tree แล้ว) สามารถอ่านเกี่ยวกับเรือ Ms. Tree ได้ที่นี่
Ms. Tree caught the Falcon fairing!!
— Elon Musk (@elonmusk) June 25, 2019
ชิ้นส่วน fairing ถูกจับโดยตาข่ายของเรือ Ms. Tree
สาเหตุที่ SpaceX พยายามจับ fairing ที่ตกกลับมายังโลกให้ได้ เนื่องจากชิ้นส่วนดังกล่าวมีมูลค่าสูงถึง 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว และจะเสียไปเลยหากตกลงน้ำ ซึ่งถ้านำ fairing กลับมาใช้ใหม่ได้ก็จะประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้อีกมาก
ผู้สนใจสามารถรับชมวิดีโอตัวเต็มได้ที่ช่องของ SpaceX บน YouTube
ที่มา - CNET, Ars Technica
บูสเตอร์ซ้ายและขวากำลังกลับมาลงจอดบนพื้นโลก
บูสเตอร์ทั้งสองกำลังลงจอด
ภาพทั้งหมดจาก SpaceX Flickr
Comments
จรวดกลับลงมาได้นี่น่าทึ่งแล้ว ไอ้การรับขิ้นส่วน firing นี่สุดกว่าแหะ
I need healing.
สาเหตุ Core ลงจอดผิดพลาดมาแล้ว ความร้อนจากการ Reentry ทำให้เกิดความเสียหายกับ Engine Bay และ TVC (Thrust Vector Control) เพราะคราวนี้กลับลงมาด้วยความเร็วที่สูงกว่าปกติ
https://twitter.com/elonmusk/status/1143690145255841797?s=19
น่าแปลกที่ของมันเสี่ยงตกลงน้ำทุกครั้งที่ทำการปล่อยจรวด ทำไม่ไม่ใช้ชั้นป้องกันความชื้นหรือวัสดุที่ทำงานได้แม้โดนน้ำ แบบนี้โดนน้ำก็ต้องทิ้งเลยสิ กลายเป็นขยะอีก เอามาซ่อมก็ไม่ได้ เฮ้อ....
ถ้าสามารถเอามาล้างทำความสะอาด ขจัดเกลือแล้น้ำเค็ม กันน้ำ และเสริมชั้นป้องกันให้ใช้งานได้อีกครั้งก็ยังว่าไปอย่าง ของพวกนี้ควรใช้ซ้ำได้แม้โดนน้ำด้วยซ้ำ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
เหมือนง่าย...
ผมว่าสำหรับพวกเขา และบริษัท เป็นงานง่ายครับ มีทั้งงบประมาณมหาศาล บุคลากร ทักษะ การออกแบบ การผลิต ความชำนาญ พวกเขามีอยู่แล้ว แถมพัฒนาตลอดด้วย แค่จะทำหรือเอามาใช้จริงๆ เพื่อลดต้นทุนหรือเปล่าก็แค่นั้น
ถ้าเสียดายค่าสร้าง 6 ล้านเหรียญ ก็ควรจะทำให้ดีที่สุดไปเลย ให้สามารถเอามาใช้ใหม่ได้ในทุกกรณี ซึ่งมันควรจะมีมาตั้งนานแล้ว เพราะของพวกนี้ลงทะเล ก็เป็นมลภาวะและขยะทำลายสิ่งแวดล้อมอีก
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
แล้วทำไมคิดว่าเขาทำยังไม่ดีที่สุดล่ะครับ
หรือบางทีอาจจะต้องเสียงบวิจัยอีก 1000 ล้าน เพิ่มต้นทุนสร้างอีก 50ล้านใช้ได้ 1 ปี กับการปล่อยจรวดปีละ 10 ครั้ง
ผมใส่ตัวเลขไปงั้นแหละ บางทีทำได้ครับแต่มันไม่คุ้ม เลยใช้วิธีอื่นก็เป็นได่
โดนน้ำอาจไม่ใช่สิ่งที่เขากังวลมั่งครับ
ที่กังวลคือแรงปะทะเมื่อตกลงไปในน้ำ อาจทำให้วัตถุเสียสภาพได้
fairing คือปลอกตรงหัวจรวดที่ทำหน้าที่ป้องกันสินค้า ยาน ดาวเทียม ฯลฯ เฉย ๆ
เวลาถูกสลัดออก มันก็จะตกกลับสู่โลกโดยไม่มีอะไรช่วยชะลอ ฉะนั้นที่บอกว่าลงน้ำแล้วเสียหายคือเกิดจากการกระแทกกับผิวน้ำ ไม่ใช่เพราะเปียก
+1
จะเปิดบริษัทแข่งกับ Elon เมื่อไหร่ครับเนี่ย จะได้ร่วมหุ้นด้วย
http://www.collectspace.com/ubb/Forum14/HTML/001305.html
อ้าว Daddy DotCom หายไปไหนแล้ว
ใน fairing หัวจรวด มันก้อมีมีอุปกรณ์อิเลคโทรนิคอีกเยอะนะเท่าที่ดูในรูป มี thruster บังคับทิศทางด้วย มีร่มชูชีพ โดนน้ำก้อต้องมาเสียเวลาคัดทำให้แห้งตรวจสภาพกันอีกที
Live thread คุยกัน Center Core ลงมาเร็วไป เห้นว่าไม่รอดแน่ๆไดเรคเตอร์เลยบอกงั้นบังคับให้มันลงทะเลผ่านหน้ากล้อง จะได้เห็นมุมสวยๆ :D
ถ้าลงกระแทกเรือพังด้วย เสียสองต่อเลย