Sony ประกาศยอดขายของ PS4 ในรอบปีการเงิน 2018 (นับถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2019) ตลอดทั้งปีขายได้ 17.8 ล้านเครื่อง ลดลงจากปีก่อนหน้าที่ขายได้ 19 ล้านเครื่อง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของคอนโซลที่มีอายุนานพอสมควรแล้ว (PS4 ออกปี 2013 คือมีอายุประมาณ 6 ปี)
ตัวเลขนี้ทำให้ยอดขายรวมของ PS4 ตอนนี้อยู่ที่ 96.8 ล้านเครื่อง ซึ่งก็น่าจะแตะหลัก 100 ล้านเครื่องได้ภายในไตรมาสหน้า และน่าจะแซงสถิติของ PS1 ที่ทำไว้ 102.49 ล้านเครื่องได้ไม่ยากนัก
Sony ประเมินว่าในปีการเงิน 2019 หรืออีกประมาณหนึ่งปีนับจากนี้ จะขาย PS4 ได้อีกประมาณ 16 ล้านเครื่อง
ถึงแม้ว่ายอดขาย PS4 จะลดลงในแง่จำนวนเครื่อง แต่รายได้จากธุรกิจเกมของ Sony กลับเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 19% อันเป็นผลมาจากการขายซอฟต์แวร์เกมได้เพิ่มขึ้น (54.7 ล้านชุด เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2.7 ล้านชุด) และยอดสมาชิก PlayStation Plus ที่เพิ่มเป็น 36.4 ล้านคนแล้ว
Sony ยังพูดถึงการพัฒนา PS5 อย่างเป็นทางการในงบการเงินเป็นครั้งแรก โดยบอกว่าจะใช้เงินทุ่มไปกับการพัฒนาคอนโซลรุ่นหน้ามากขึ้น เป็นผลให้กำไรในปีหน้าจะลดลง และยังตอบคำถามจากนักข่าวว่าเราจะไม่ได้เห็นการเปิดตัว PlayStation รุ่นใหม่ภายใน 12 เดือนข้างหน้าอีกด้วย
Comments
คิดว่าบอกงี้แล้วคนจะอดใจรอไม่ได้หรอครับ
PS4 มากี่ปีแล้ว คนเขารอ PS5 ชิป Gen ใหม่ๆกันเหงือกแห้ง ต่อให้เหงือกกรอบเขาก็รอครับ
แล้วแต่คนมากกว่านะ ผมซื้อ ps4 ตอนออกมาแล้ว 4 ปี เพราะรอเกมที่อยากเล่นออก ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็น่าจะซื้อกันตอนนี้ แถมราคาลง มีเกมให้เล่นเพียบแล้ว
ส่วน ps5 ผมก็คงซื้อแบบเดิม รอเกม รอรุ่นสลิม รอ hardware นิ่ง
เอาจริง ๆ มันเพิ่งจะถึงรอบนะครับ (PS4 ออกมาตอนปี 2013-2014 ตอนนี้ก็ราว ๆ 6 ปีกว่า ๆ) ดังนั้นคนที่เขาเล่นคอนโซลมานานเขารู้กันอยู่แล้วว่ามันจะมาช่วงนี้แหละ ผมว่าคนที่บ่นว่าทำไมไม่ออก Gen ใหม่เสียทีนี่ล่ะแปลก
แล้วก็ที่ออกมาพูดก็น่าจะเป็นการดักคอบรรดานักวิเคราะห์มากกว่าครับ
ถ้าเป็นคนที่เล่นคอนโซลอยู่แล้ว ป่านนี้ก็มีเครื่องกันแล้วก็คงไม่ต้องซื้อ (ยกเว้นม้นจะพัง) ส่วนยอดขายท้ายเจนน่าจะมาจากบรรดาพ่อแม่ที่ซื้อเครื่องรุ่นถูกก่อนตกรุ่นมากกว่าครับ
เป็นการพิสูจน์ว่าเกมมือถือยังทำอะไรเครื่องคอนโซลไม่ได้
กลุ่มเป้าหมายของตลาดเกมมือถือมันน่าจะคนละกลุ่มกับตลาดเกมคอนโซลนะ คือถ้าคนชอบเล่นคอนโซลอยู่แล้วก็ไม่ค่อยอยากไปเล่นมือถือหรอก แล้วคนที่ชอบเล่นมือถือก็เพราะคิดว่าจะเสียเงินซื้อเครื่องเล่นเกมโดยเฉพาะทำไม ในเมื่อมือถือก็เล่นเกมได้เหมือนกัน
ผมเล่น Console เกือบทุกวัน
มือถือผมนี่เล่นเกมส์แรงๆ ได้สบาย แต่ไม่มีเกมส์บนมือถือเลย
เก็บ SP ตัวเองไปลง Console หมด
ส่วนตัวไม่ล่นเกมมือถือครับ เล่นแต่ console กับ pc เหตุผลคือไม่ชอบการบังคับของเกมมือถือ แบบพวก on screen control แล้วจอเล็กอีกต่างหาก
ตรงข้ามกับผม...ปัจจุบันเล่นแต่เกมเดียวในมือถือ
ส่วน console ไม่ได้แตะมานานจนลืมแล้ว
คือพองานมากขึ้นแก่ขึ้น...การหาเวลามานั่งเล่นเกมจริงจังมันยากจริงๆ
แต่....พอรู้ตัวอีกที...เวลาที่ใช้กับเกมบนมือถือรวมๆ แล้วผมใช้เวลามากกว่าสมัยเล่น console
แถม...มันไม่มีคำว่าเคลียร์
ผมไม่ชอบเล่นเกมมือถือเหมือนกันครับ เกมที่ยอมรับได้จริงๆมีแค่ PUBG Mobile กับ ROV เท่านั้น เกมนอกเหนือจากนี้พอเปิดใหม่คนแห่ไปเล่น เดี่ยวสักพักก็หายหมด
ผมอยากเล่นเกมบนมือถือ ที่ไม่มี in app หายากมาก หาได้ก็ไม่มีปุ่ม bookmark, Wishlist ให้เลย เพราะบางครั้งก็ไม่ได้อยากซื้อทันที
มันก็ไม่แน่
ผมซื้อเกมคอนโซลเยอะนะ แต่ถ้าถามว่าเล่นเกมไรเยอะ ก็เล่น RoV เยอะที่สุด เพราะแฟนกับเพื่อนเล่นด้วยกันเยอะ
เกมมันเข้าถึงง่าย Device มันก็มีกันทุกคน แล้วแต่ละคนเปย์กันรวมๆต่อปีมากกว่า PS4 Pro ทั้งเครื่องพร้อมเกม AAA 3 เกมอีกมั้ง ตามประสาคนทำงานประจำเงินเดือนเกิน 50k ทั่วไป
อนาคตถ้าตลาดเกมมือถือมันดีขึ้นเรื่อยๆ สเป็กแรงขึ้น หรือตลาดเกมแบบสตรีมมิ่งมันเกิด คอนโซลจะตายคนแรกนะผมว่า
นี่ะูดจากใจคนเป็นเกมเมอร์ที่มีทุกเครื่อง ทุกแพลตฟอร์มเลยนะ เกมไหนเข้าถึงง่ายทำให้คนเปย์ได้เรื่อยๆมันได้เปรียบมากจริงๆ
ผมว่า ด้วยพฤติกรรมคนเล่น ทำให้เกมมือถือมันจะแตกต่างไปจากเกมคอนโซล
เกมมือถือต้องเน้นการเริ่มต้นที่ง่าย คนเล่นไม่ต้องลงทุนมาก แต่เล่นไปแล้วต้องเปย์เรื่อย ๆ คือเน้นดึงคนเข้า Service ไปฟันเงินกันในบ้านมากกว่า (แต่ก็ไม่รู้ว่า ที่ Apple ลงมาดูตลาดเกมมือถือเองจะทำให้เปลี่ยนไปหรือเปล่า)
ในขณะที่เกมคอนโซลไม่เน้นการตีหัวเข้าบ้านมากนัก
ถ้าให้เทียบกันผมว่า เกมมือถือมีลักษณะเหมือน Netflix ในขณะที่เกมคอนโซลจะไปเหมือนหนังโรงมากกว่าล่ะมั้ง?
ส่วนตัวในแง่ Gameplay ผมไม่คิดว่าเกมมือถือมันจะโตไปมากกว่านี้แล้วครับ เพราะว่าเกมต้องเน้นการทำรายได้ เน้นให้คนจ่าย ดังนั้นเค้าจะไปเน้นกลไกที่ทำให้คนอยากจะจ่ายเงินมากขึ้น (เช่นระบบกาชานี่แหละ) ที่น่าเสียดายคือทัชสกรีนจริง ๆ ถ้าคิดดี ๆ ออกแบบเกมให้สนุกได้เยอะนะ (อย่างที่เห็นจากเกมของนินเทนโด ในยุค DS-3DS) แต่ผมไม่ค่อยเห็นเกมที่ใช้ประโยชน์จากตรงนี้เท่าไหร่