แอปเปิลออกหนังโฆษณาตัวใหม่ความยาว 3 นาที ชื่อเรื่อง Apple at Work ตอน The Underdogs โดยนำเสนอว่าอุปกรณ์ของแอปเปิลไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad, Apple Watch และ Mac เข้ามาช่วยในโลกการทำงานได้อย่างไร
เนื้อเรื่องโฆษณาพูดถึงทีมงานในบริษัทหนึ่ง ที่มีไอเดียเปลี่ยนกล่องใส่พิซซ่าเป็นรูปวงกลม และต้องทำต้นแบบไปนำเสนอให้เสร็จในสองวัน ตลอดการเล่าเรื่องมีการสอดแทรกสินค้าแอปเปิลในช่วงต่าง ๆ ที่ให้เห็นว่าคุณสมบัติบางอย่างก็เกี่ยวข้องกับชีวิตการทำงานได้ อาทิ การส่งไฟล์ผ่าน AirDrop การเรียกใช้ Excel เพื่อคุยกับฝ่ายการเงินที่ใช้พีซี เป็นต้น
ถือเป็นโฆษณาที่แตกต่างจากโฆษณาแอปเปิลที่ผ่านมา ซึ่งมักเน้นการใช้งานสำหรับลูกค้าทั่วไป แต่ครั้งนี้เปลี่ยนเน้นตลาดองค์กรแทน
ที่มา: Phone Arena
Comments
ถ้าราคาไม่เป็นมิตร ก็คงยากที่จะสู้กับ CFO นะครับ
+555
ตอนไปคุยงานกับฝั่งพีซี ผมนี่ลั่นกลางรถไฟฟ้าเลย ฮาา
จะเก่งแค่ไหนก็ต้องมี Excel
iMac เครื่องเดียวได้คอมพิวเตอร์ครึ่งแผนก พร้อม Excel
ดูแล้วนึกภาพในอนาคตคงแบบ Hey Siri, Ok Google, Alexa เต็มไปหมด
แต่ก็ยังต้องใช้ Microsoft Office อยู่ดี ขนาดในคลิปยังใช้ Excel เลย คือทุกวันนี้ Microsoft เขาครอง Software องค์กรเป็นอับดับ 1 คนใช้กันทั่ว
อะไรที่ทำให้ Apple ซึ่งตอนนี้ไม่มี Steve Jobs คิดว่าจะโค่นบัลลังค์ได้ ขนาดตอน Steve Jobs มีชีวิตอยู่ ยังต้องยอมไปบุกเบิกตลาดอื่นเลย เช่นตลาด SmartPhone
ผมว่าโฆษณานี้เขาพยายามขาย Hardware นะ เรื่อง Software สำหรับทำงานตอนนี้คงยอมรับแล้วว่าสู้ข้างนอกไม่ได้จริงๆ
ถ้าดูจากพัฒนาการ iWork
คงต้องเรียกกว่ายกธงขาวแล้ว
ถ้ามองแบบเดียวกันกับ Microsoft ยุคปัจจุบัน "ซอฟท์แวร์ของเราจะอยู่บนทุกอุปกรณ์"
โฆษณาของ Apple ตัวนี้ ผมตีความเองได้ว่า "อุปกรณ์ของเราจะให้ประสบการณ์การทำงานที่ไม่แตกต่าง" ซึ่งหมายถึง workflow จะไม่สะดุด อยู่ใน Office ทำงานบน MS Excel แต่เมื่อต้องเดินทาง (on the go) ก็ยังสามารถทำงานให้ต่อเนื่องได้บน iDevice ต่างๆ
ในฐานะคนที่ไม่ใช่แฟนคลับ ปกติดูโฆษณา Apple มักจะได้ความรู้สึกว่า "ใดๆ ของเราดีเลิศเหนือสามัญ" แต่ตัวนี้ให้ความรู้สึก "เราจะโตไปด้วยกัน"
ผมอาจจะตีความผิดก็ได้
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
ปกติ Apple จะเลือกนักแสดงที่ดู ฮิป ดู คูล ส่วนนักแสดงหน้าตาแบบในโฆษณานี้จะถูกผลักให้ไปอยู่ฝั่ง PC เกิดอะไรขึ้นทำไมจู่ ๆ เปลี่ยนไป
จนตรอกไม่ก็ยอมลดอีโก้ตัวเองครับ ไม่งั้นบริษัทจะแย่เอา
กลับกันผมกลับรุ้สึกว่าเขาพยายามทำออฟฟิตให้ดูเป็นออฟฟิตจริง ๆ มากกว่า นักแสดงดูไม่โดดจาก พนง. ออฟฟิต
ดูแล้วอยากรู้ว่าไปคุยแล้วจะจบยังไง 555+
ผมว่าเขาก็พยายามนำเสนอภายใต้โจทย์ Underdogs นั่นแหละครับ
มีอะไรในนั้นที่ ดรอยทำแทนไม่ได้บ้างครับ
Air dropครับ
ผมใช้ดรอย แต่อยากได้มาก
ก็มี BT อยู่หนิครับ ส่งหาเครื่องไหนๆก็ง่ายหมด Apple จะส่งรูปส่งอะไรหา Android ถ้าไม่นับส่งบน Internet ต้องโหลด SHAREit ยุ่งยากไปหมด
BT มันอืดเป็นเต่าคลานเลยนะครับถ้าเทียบกับ Airdrop
ผมละอยากให้Appleเปิดให้มือถือกับคอมพิวเตอร์ทุกเจ้าเอาไปใช้บ้าง สุดๆ ครับ
เราจะได้เลิกใช้ Flash Drive กันซักที
BT คือฝันร้ายของการส่งไฟล์เลย
ไปหวังทางนู้นอาจจะง่ายกว่าครับ ถ้ามันใช้งานได้จริงๆ น่ะนะ https://www.blognone.com/node/102282
Samsung มี wifi direct ครับ ส่งไฟล์ไวมาก
แก้ปัญหาเรื่อง file system ได้ จะน่าใช้อีกมาก หวังว่า iOS 13 จะแก้เรื่องนี้นะ เอาเทียบเท่า Android จะดีมาก
ทั้งสร้างโฟลเดอร์ได้เอง อัพโหลด/ดาวน์โหลดได้อย่างเต็มที่(floder download ก็ได้) แนบไฟล์ได้จาก app file ได้เลยไม่ต้องอัพโหลดจาก Google Drive/OneDrive แล้วแชร์ internal link จากตัวไฟล์
ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด การแนบไฟล์ปัจจุบันก็ทำได้แล้วหรือเปล่าครับ ไม่ต้องแชร์ลิงค์แล้ว
ส่วนเรื่องอัพโหลด/ดาวน์โหลด อันนี้ผมไม่แน่ใจนะครับ อ่านแล้วยังงง ๆ
ถ้าแนบไฟล์โดยใช้เมลล์ของiCloud มันจะอัพโหลดขึ้นiCloudให้เลยครับ
ไม่ต้องไปนั่งอัพไฟล์และรอก๊อปลิ้งค์ให้วุ่นวายครับ
มันแอบตลก ตลกมาก ตรงที่คนที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของเขาโดยเท่าที่สัมผัสและทราบอยู่นี่ ไม่อยากเป็น underdog แถมออกจะภูมิใจดูหมิ่นแบ่งชนชั้นด้วยซ้ำ (ไม่ใช่แค่ในไทยนะ ผมสัมผัสทั้ง จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ รัสเซีย อังกฤษ และ ญี่ปุ่น แต่ก็แปลกฝั่ง IT จ๋า ก็ออกจะเหยียดๆ APPLE จนน่ารำคาญ) ในอเมริกาไม่รู้นะครับ ไม่เคยไปอยู่จริงจัง หรือเขากลับมามองตลาดมวลรวมในประเทศ ตามกระแสชาตินิยมที่ ณ 2-3 ปี มานี้ กำลังทวีความรุนแรงขึ้นทั่วโลกอีกครั้ง คือดึงตลาดตัวเองก่อน เมื่อ เกรท อะเกน ค่อย อินฟลูแลน ทั่วโลก แบบที่เคยตอบโจทย์ได้ดี (ที่นั่งคอมเม้นอยู่นี่ก็ อเมริกันไอเดียทุกอณูตั้งแต่ไอเดียยันอินพุท)
ขอแยกเป็นอีกหนึ่งความคิดเห็น ส่วนตัวไม่เคยคิดว่า iPad ทำไห้ผมได้ productivity เลย เช่นกัน surface ผมก็เห็นว่า แค่ช่วยบรรเทาความไม่พร้อม - อัน surface อาจจะเป็นเพราะไม่ชิน ส่วน iPad ที่มีไว้ เพื่อความบันเทิง ที่แลกมากับ อาการปวดหลัง เมื่อยหัวไหล่ ปวดต้นคอ ไม่ว่าจะเล่นท่าไหน สู้ใช้เวลาอยู่กับหน้าจอที่ควรจะเป็นถูกลักษณะ สัก 10 นาที ทำงานได้เท่ากับวุ่นวายสิ่งเหล่านั้น 1 ชม. - มันก็ได้แค่แก้ไขเฉพาะหน้าจริงๆ