Tags:
Node Thumbnail

วันนี้ที่โรงแรม Park Hyatt Bangkok ธนาคารกรุงเทพจัดงานแถลงข่าวและสาธิต (demo day) สำหรับสตาร์ทอัพในโครงการ Innohub Season 2 โครงการบ่มเพาะสตาร์ทอัพของธนาคารกรุงเทพที่จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 (อ่านเนื้อหาของปีแรกได้ที่นี่)

ในปีนี้ สตาร์ทอัพที่ผ่านเข้ามาสู่ช่วง Demo Day มีทั้งหมด 8 ราย โดย 3 รายอยู่ในระหว่างการพิจารณาทำธุรกิจร่วมกัน, 3 ทีม อยู่ระหว่างการประเมินความเป็นไปได้โดยมีตัวอย่างแล้ว (proof-of-concept) และอีก 2 โครงการ อยู่ระหว่างการทดสอบนำร่องกับทางธนาคาร

สตาร์ทอัพทั้ง 8 ประกอบไปด้วย

  • Antworks จากสิงคโปร์ ทำเรื่อง AI
  • CryptoMove จากสหรัฐอเมริกา พัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยให้กับคลาวด์
  • EYWA Media จากสิงคโปร์ พัฒนาระบบการตลาดข้ามแพลตฟอร์ม ทำได้ทั้งออนไลน์และออฟไลน์
  • Jumper.ai จากสิงคโปร์ พัฒนาระบบร้านค้าออนไลน์ โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์
  • Pand.ai จากสิงคโปร์ พัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ด้านการเงิน
  • Pymlo จากฮ่องกง พัฒนาระบบบัญชีบนคลาวด์สำหรับ SME
  • Sepula จากอินโดนีเซีย ผู้พัฒนาโซลูชั่นการจ่ายเงินออนไลน์และออฟไลน์
  • Vymo จากอินเดีย พัฒนาระบบผู้ช่วยส่วนตัวสำหรับงานด้านการขาย

คุณชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ระบุว่าในปีนี้ทางธนาคารขยายความสนใจไปยังเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้อง นอกเหนือไปจากเรื่องของการเงินการธนาคารที่เป็นหัวเรื่องของปีที่แล้ว และสามารถนำไปใช้ได้จริงด้วย

ผมมีโอกาสสนทนากับ คุณจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการบริหารธนาคาร และ ดร.เปาว์ ศรีประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายนวัตกรรมเพิ่มเติม

คุณจรัมพรระบุว่าการขยายขอบเขตของ Innohub ให้ครอบคลุมมากขึ้น เพราะมีประโยชน์กับธนาคารและลูกค้า รวมถึงการปรับปรุงระบบงานภายในของธนาคารด้วยเช่นกัน ในแง่หนึ่งการขยายฐานลูกค้า เป็นการหาโซลูชั่นให้กับลูกค้าด้วยเช่นกัน โจทย์จึงเป็นเรื่องของการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงระบบงาน ส่วนในเรื่องวัฒนธรรมและการปรับตัว ธนาคารเองต้องมีการปรับตัว นอกจากนั้นแล้วก็สร้างความตระหนักในองค์กรด้วย และอันที่จริงธนาคารก็ติดต่อตลอดกับบริษัทเทคโนโลยีมีอยู่

ดร. เปาว์ มองว่า ความท้าทายของโครงการ Innohub คือเรื่องของการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรเพื่อให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงได้เร็ว ซึ่งต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการทำให้เป็นจริง

ที่มา - งานแถลงข่าวของธนาคาร

No Description

Get latest news from Blognone