SanDisk เปิดตัวการ์ด SanDisk Extreme UHS-I microSDXC ขนาด 1TB ที่เร็วที่สุดในตลาดตอนนี้
ตัวการ์ดออกมาพร้อมกันสองรุ่น คือ 512GB และ 1TB โดยรุ่น 1TB มีความเร็วในการอ่าน 160MB/s ความเร็วในการเขียน 90MB/s ซึ่งเป็นความเร็วที่สูงกว่าเสปค UHS-I ที่กำหนดความเร็วในการอ่าน 100MB/s การ์ดทั้งสองรุ่นทำ IOP ได้ตามสเปค A2 หรือ อ่าน 4000 IOPS และเขียน 2000 IOPS
เริ่มวางขายเดือนเมษายนนี้ รุ่น 1TB ราคา 449.99 ดอลลาร์ หรือประมาณ 14,000 บาท และรุ่น 512GB ราคา 199 ดอลลาร์หรือประมาณ 6,200 บาท
ที่มา - BusinessWire
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Hiring! บริษัทที่น่าสนใจ
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- Kubernetes คืออะไร [Part 1] เกิดขึ้นมาอย่างไร? ทำไมต้องใช้มัน? | Cloudnone EP.14
- CI/CD ยังไงดี ตั้งเซิร์ฟเวอร์เอง vs เช่าคลาวด์ | Cloudnone EP.13
- รู้จักโน้ตบุ๊กบนคลาวด์ เช่าใช้งาน Jupyter Notebook ที่ไหนดี | Cloudnone Ep.12
- สรุปข่าวใหญ่ปี 23 และคาดการณ์เทรนด์ปี 24 ในวงการ Cloud | Cloudnone EP.11
- สรุปของใหม่และสาระสำคัญจาก AWS re:Invent 2023 | Cloudnone Special EP
Comments
ผ่านไป 1-2 ปี ราคาเหลือไม่เกิน 5-7 พันบาท ถ้าไม่รีบใช้ทำงานก็รอไปก่อน ราคาถูกกว่าเป็นเท่าตัว
เดี๋ยวนี้โทรศัพท์มีพื้นที่เยอะมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ปัญหาคือ มันมีแค่พาทิชั่นเดียว และมีชิป Storage แค่ตัวเดียว ถ้าชิปพังคือข้อมูลที่อยู่ในโทรศัพท์พังทั้งยวง ถ้าเป็น PC หลายคือจะมีวิธีไม่ให้ข้อมูลพังหรือสูญหายหลายวิธี เช่น แบ็กอัปไว้ใน External Harddisk แบ็กอัปไว้ใน Internal Harddisk อีกไดรฟ์นึง หรือแบ็กอัปไว้ในแฟลชไดรฟ์ แต่ถ้าข้อมูลที่ทำเป็นข้อมูลที่มีการอัปเดตรายวัน การต่อ External Harddisk ตลอดเวลาก็จะไม่สะดวกนัก (โดยเฉพาะคนที่ใช้แต่โทรศัพท์ ไม่มี PC เป็นของตัวเอง)
ในปัจจุบัน พวกโทรศัพท์รุ่นกลางจนถึงบน ก็มักจะตัดช่องใส่ micro SD ออกไป ด้วยเหตุผลที่ว่า พื้นที่ภายในโทรศัพท์มีมาให้เยอะแล้ว แถมมันกินที่หรือมันอ่าน/เขียนช้า ทำให้ตามความเร็วเครื่องไม่ทัน อันที่จริงผมว่ามันก็ไม่ใช่แบบนั้นเสมอไป เพราะหลายคนก็ยังใช้ micro SD ไว้ใช้เป็นพาทิชั่นที่ 2 เพื่อแบ็กอัปไฟล์ต่างๆ จากในเครื่องไปเก็บเอาไว้ หรือโหลดคลิปโหลดหนัง หรือไฟล์รูปภาพ จาก PC มาไว้ใน micro SD เพื่อไปเปิดดูในเครื่องโทรศัพท์/แท็บเล็ตก็มี
ถึงแม้จะออก micro SD ตัวใหม่ออกมา แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร? ในเมื่อถ้าจะใช้การ์ด micro SD แต่กลับต้องไปใช้โทรศัพท์ที่มีสเปคล่างๆ ที่ยังมีช่อง micro SD รองรับ ..ในยุคนี้ยังมีโทรศัพท์เหลือสักกี่ยี่ห้อกันล่ะM ที่ยังมีช่องใส่ micro SD (รวมถึงช่องเสียงหูฟัง 3.5 mm ด้วย) ตอนนี้คงเหลือแค่ Samsung ยี่ห้อเดียวแล้วล่ะมั้ง ..นี่คงเป็นเหตุผลของใครหลายๆ คนที่ยังตัดจาก Samsung ไม่ขาดนั่นแหละ เพราะยี่ห้ออื่นเล่นเอาแนวทาง iPhone ไปใช้กันหมด
Google Drive, iCloud backup ได้(เกือบ) realtime ครับ
นอกจาก smartphone แล้วยังเอาไปใช้กับ โน๊ตบุค, กล้อง ได้ด้วย
คุณว่า ค่าใช้จ่ายในการเรียกดูข้อมูลเท่าไหร่ครับ มันแพงเกินไป
ถ้าต่อ wifi ไม่น่าจะต้องเสียอะไรเพิ่มนะครับ cellular ก็มีตัวเลือก package unlimited ได้
น่าจะเน้นไปที่วงการกล้องมากกว่านะครับ แต่น่ากลัวจริงๆใบเดียว 1TB ตอนนี้ผมพก 64GB 5 ใบ อุ่นใจกว่า 555
แต่ผมอยากได้มาใส่ Surface Pro นะ
+1 ครับ ถ้า support ให้เห็นเป็น storage แบบเดียวกับ HDD เลยได้ยิ่งดี
ที่ตลกคือตอน Surface 3 ผมไปหา SD card เร็วๆ มา ปรากฎว่า controller ใน Surface 3 เองดันรองรับความเร็วต่ำ สูงสุดได้ไม่ถึง 50MB/s ?
พื้นที่เก็บเพิ่มที่เพิ่มขึ้นจริง แต่...เดียวนี้โทรศัพถ่ายวีดีโอ 4k ภาพนิ่ง 30-40 ล้านพิกเซล
Nintendo Switch ผมยังได้ใช้ประโยชน์อยู่นะครับ เอามาเก็บเกม คือถ้ามือถือทุกวันนี้สำหรับคนทั่วไปมันไม่มีประโยชน์ตั้งแต่ขนาดแล้วครับ แบบที่ว่ามาก็ไม่มีประโยชน์เพราะ user บ้านๆใช้ไม่เป็น ขนาดคอมพ์มี 2 อันแยกกันก่อนใช้งานบอกแล้วบอกอีกให้เก็บอีกที่ Window พังยังยกมาให้ถอดอยู่เลย การมีมันก็ดีแต่มันไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน
GoPro , DJI Drone , Osmo กล้องต่างๆ ต้องการใช้อีกเยอะครับ เกมก็ Nintendo Switch
การที่ยกเลิก SD Card เพราะมือถือมีข้อมูลสำคัญ (สำคัญกว่าข้อมูลใน computer มากครับ)
เพราะเมื่อมือถือคุณถูกขโมยหรือเก็บได้ ก็มีโอกาศที่ภาพจะหลุด หรือข้อมูลบัญชีธนคาร ข้อมูลทางการเงินต่างๆ
จะถูกก๊อบออกจาก SD Card ได้โดยไม่จำเป็นต้องรู้ Password เครื่องเลยซักนิด
Android นี่ถอดไปก็เอาไปอ่านอะไรไม่ได้นะครับถ้าไม่ใช้โหมด portable ที่ทำตัวเหมือนเสียบ flashdrive - -"
กลุ่มเป้าหมายคงใช่ผู้ใช้โทรศัพท์หรอครับ เดี๋ยวนี้โทรศัพท์รุ่นหมื่นอัพก็ได้ 128GB แล้ว
ตลาดมือถือราคาต่ำหมื่นก็คงไม่มีใครซื้อมาใส่
ช่างภาพไม่สนจุเยอะๆ สนเขียนเร็วครับ ส่วน 1TB กลุ่มลูกค้าที่ผมคิดออกก็พวกที่เล่น Nintendo Switch ไง
นึกถึงตอนเอาลงคอมแล้วสยองเลย portยังเป็น2.0กันเยอะ