ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศแผนกลยุทธ์ระบบการชำระเงิน ฉบับ 4 ช่วงปี 2562 - 2564 มุ่งสู่ Digital Payment เต็มตัว ให้กลายเป็นช่องทางหลักสำหรับการจ่ายเงินในอนาคต โดย น.ส.สิริธิดา ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ระบุหลักการ 5 ข้อ ที่แบงก์ชาติจะนำมาใช้เพื่อขับเคลื่อนกลยุทธ์ฉบับที่ 4 ที่จะนำมาใช้ในช่วงปี 2562 - 2564 ดังนี้
แบงก์ชาติให้ความสำคัญในการผลักดัน ISO20022 เนื่องจาก มีโครงสร้างข้อมูลการทำ Payment ที่ครบถ้วน แก้ปัหาการออกแบบไม่สอดคล้องกัน ช่วยให้โครงสร้างข้อมูลเชื่อมโยงกับภูมิภาคได้มากขึ้น หน่วยงานกำกับดูแลยังสามารถนำข้อมูล Payment ทีได้ไปวิเคราะห์เศรษฐกิจ ความเสี่ยง ความผันผวนต่างๆ ได้
วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้อัพเดตสถิติ Digital Payment ที่ผ่านมาว่ามีปริมาณการใช้ถึง 5,868 ล้านรายการต่อปี ซึ่งเพิ่มขึ้น 83% จากปี 2559
โดยปี 2561 ค่าเฉลี่ยอยู่ที่คนละ 89 ครั้ง/คน/ปี ส่วนปี 2559 อยู่ที่ 48 ครั้ง/คน/ปี
ส่วนการใช้พร้อมเพย์มีการลงทะเบียนรวม 46.5 ล้านเลขหมาย มีกิจกรรมทางการเงินเฉลี่ย 4.5 ล้านรายการต่อวัน มูลค่าเฉลี่ย 5,000 บาทต่อรายการ ในปี 2561 เติบโตเฉลี่ย 20% ต่อเดือน
การใช้ Mobile Payment มีจำนวน 47 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้นจาก 21 ล้านบัญชีในปี 2559 และ Internet Banking มีจานวน 27.8 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้นจาก 14.6 ล้านบัญชี ในปี 2559
ด้านการใช้บัตรเดบิตและเครดิตทาง Online มีจำนวนการทำรายการเพิ่มขึ้น 155%
Comments
ผมรู้สึกว่ามันมาเร็วมากเลยนะครับ รู้สึกตัวอีกทีวอลเล็ตเป็นสิบ
ผมว่าเกลื่อนมากจนเกิด Fragmentation แบบเดียวกับมือถือ Android แล้ว
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ควรกวดขันเรื่องระบบล่มบ่อยๆ ให้มันนิ่งให้ได้ก่อนดีกว่านะ
เห็นด้วยครับและน่าจะมีบทลงโทษ ธนาคารที่ล้มบ่อยและไม่แจ้งเตือนลูกค้า หรือ แจ้งเตือนช้า เพราะไม่อย่างนั้นใครจะกล้าฝากชีวิตไว้กับระบบแย่ๆแบบนี้
การสร้างสกุลเงินดิจิตอลขึ้นใช้ในวงการเฉพาะกลุ่มหรือในองค์กรใหญ่ ๆ ที่มีฐานลูกค้าอยู่ในมือเยอะ ๆ ถือว่าผิดกฏหมายไหมครับ
ถ้าใช้ในบริการใดบริการหนึ่งเป็นการเฉพาะ (เช่น เงินในเกม) ก็คงไม่ต้องขอครับ แต่ถ้าสามารถแลกเปลี่ยนมือ โอนให้ผู้อื่นได้โดยอิสระน่าจะต้องมาขอก่อน (จะกลายเป็น e-money ไป) และถ้าจะนับเป็น e-money คงต้องระบุเป็นสกุลเงินบาทหรือเงินตราต่างประเทศอื่นเท่านั้นครับ
ชอบ rabbit line pay มากๆมันตัดจากบัตรเดบิตได้เลยไม่ต้องมาคอยเติมเงินเข้ากระเป๋า
+1 ที่สุดแล้ว
ผมเพิ่งมาเริ่มใช้ก็รู้สึกว่าที่ผ่านมาทำไมโง่ไม่ใช้อยู่ตั้งนาน เพราะจ่ายเงินเล็กน้อยก็ตัดบัตรเครดิตได้ บางร้านมีเครดิตเงินคืนอีก
เสียดายอย่างเดียวคือมันผูกกับบัตร Limited Edition เดิมไม่ได้ ต้องใช้บัตรใหม่เนี่ยแหละ
เครดิตเงินคืนนี่ผมไม่บายนะครับ มันไม่ยั่งยืนแต่มาดูดคนแต่ให้ความรู้สึกว่าจะต้องมาถอนทุน
ในมุมคนใช้ผมมีต้นทุนที่เป็นตัวเงินในการ Adopt ต่ำมาก (ค่าสมัคร 100 นึง เครดิตคืน 50 + นั่ง BTS ฟรี 3 เที่ยว) ใช้ๆ ไปแปบๆ ก็คุ้มแล้ว อีกอย่างเหตุผลหลักที่ใช้คือซื้อของเล็กน้อยตัดบัตรเครดิตได้ (งกแต้ม) เงินคืนนี่เหมือนส่วนเสริม ถ้าถึงเวลามีเหตุให้ไม่อยากใช้ต่อก็เลิกใช้ง่ายครับ
อ้อ ถ้าเป็นในอันที่ว่ามานั่นผมโอเคครับ ที่รู้สึกไม่โอเคคือพวกแบบ เรียกแท็กซี่ 100 นึงคืนให้อีก 50 อะไรแบบนี้
ถ้าทำระบบให้ดีๆ ผมว่า Digital Payment มันมีประโยชน์มากเลยเนอะ
..: เรื่อยไป
บังคับให้ wallet ทุกเจ้าจ่าย QR เดียวกันได้ก็พอแล้วครับ
แต่ QR ของร้านค้า อาจจะถูกสร้างโดยเจ้าของ wallet (เช่น rabbit/true) เพื่อให้เงินผ่าน rabbit/true ก่อน อะไรก็ว่าไป
ถ้าทำแบบนี้ ก็จะเกิดการแข่งขันกันเอง แล้วการ adopt wallet ก็จะเร็วขึ้น เพราะมันใช้ด้วยกันได้หมด
นึกภาพ เหมือนพวกบัตร suica/passmo ที่มันใช้จ่ายข้ามระบบกันได้
ตอนนี้ขออะไรที่จ่ายง่ายกว่า QR Code ครับ
แค่ใช้จ่ายร้านค้าในห้าง บางร้านยังรับแต่เงินสดอยู่เลย เช่น บริษัทใหญ่สีแดงที่ขายไก่อ่ะ
ยังไงก็เงินสดจำเป็นอยู่ดี หึหึ
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
เงินสดจำเป็นอยู่แล้วแหละครับ นโยบายเค้าไม่ได้จะยกเลิกเงินสดซักหน่อย แค่จะผลักดันช่องทางดิจิทัลเป็นหลัก จีนที่ใช้ cashless เยอะๆ ก็ยังรับเงินสด
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว