John Gruber เจ้าของและผู้พัฒนา Markdown ได้โพสต์บล็อกบนเว็บ Daring Fireball ของตัวเองระบุว่าได้ข้อมูลมาจากแหล่งข่าววงในของแอปเปิลว่าปีที่แล้ว บริษัทได้เปลี่ยนแบตเตอรี่ iPhone จากโครงการลดราคาเปลี่ยนแบตไปถึงกว่า 11 ล้านเครื่อง จากปกติที่จะอยู่ราว 1-2 ล้านเครื่องเท่านั้น
แหล่งข่าวของ Gruber ระบุว่าตัวเลขดังกล่าวมาจากปากของ Tim Cook เอง จากการประชุมใหญ่ที่ซีอีโอแอปเปิลจัดขึ้นสำหรับพนักงานเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพื่อเคลียร์และตอบปัญหาต่างๆ กับพนักงานแอปเปิล หลังออกรายงานต่อนักลงทุน ที่ยอมรับว่าโปรแกรมลดราคาเปลี่ยนแบตกระทบยอดขาย iPhone
Gruber อ้างอิงการวิเคราะห์ของ ฌอง หลุยส์ กัสซี (Jean-Louis Gassée) อดีตผู้บริหารแอปเปิลในฝรั่งเศสด้วยว่า แอปเปิลเพิ่งได้รับผลกระทบจากโครงการนี้อย่างจริงจัง หลังการเปิดตัว iPhone XS และ XR ในเดือนพฤศจิกายน เพราะผู้ใช้ iPhone หลายล้านคนดูพอใจกับ iPhone รุ่นเก่ากับแบตเตอรี่ใหม่มากกว่าจะเปลี่ยนเครื่องใหม่
ที่มา - Daring Fireball via MacRumors
Comments
พอใจรุ่นเก่า = รุ่นเก่ามันยังดีแล้วจะซื้อใหม่ทำไม กับ รุ่นใหม่แพงเกิน
พูดง่ายๆ ถ้าเรื่องแบตเสื่อมไม่แดงขึ้นมา
ปีนี้ XR คงขายได้อีกเกือบ 11 ล้านเครื่อง
+1
-1
=0
แต่ก็ทำให้รู้นะครับ ว่าคนซื้อไอโฟนเลือกจะซื้อใหม่มากกว่าการเปลี่ยนแบต
ผมว่าก็ไม่ใช่แค่ไอโฟนนะครับ ผมยังไม่ค่อยเห็นใครใช้ Galaxy S/Note ไปเปลี่ยนแบตเหมือนกัน(มีแต่น้อย) ส่วนรุ่นล่างๆ นั้นเมมจะเต็มจนต้องเปลี่ยนเครื่องครับไม่ใช่แบตเสื่อม
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ไม่ก็ไปยี่ห้ออื่น 11 ล้านเครื่อง
ต้องยอมรับว่า ios เวอร์ชั่นดรอปความเร็ว CPU เป้นนวัตกรรมจริง ๆ ถึงทำให้แอปเปิ้ลขาย iPhone ได้ดีเป็นเทน้ำเทท่าขนาดนี้
พอเปลี่ยนนวัตกรรมปุ๊บ ยอดขายตกกระจาย
ก็ที่ต้องลดราคาค่าเปลี่ยนแบตเพราะไปแอบลดประสิทธิภาพเครื่องโดยไม่บอกผู้ใช้ไม่ใช่หรอ ทำตัวเองทั้งนั้นหนิ
กะจะให้ 2 ปีหมดอายุกันเลยรีไว =^=
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
ตกรถ ลืมไปเปลี่ยเลย
ด้วยคน ตกรถอยู่ที่ท่ารถเดียวกัน เศร้า
เอาจริงๆนะ ผมทำใจซื้อเครื่องใหม่แบบไม่มีปุ่มโฮมไม่ลงด้วยนะ
ไปลองเล่นเครื่องโชว์แล้วแบบ โคตรไม่ชินอ่ะ
ผมกลับกันแฮะ ไปลองแบบไม่มีปุ่ม Home แล้วกลับชอบแต่ทำใจซื้อมือถือเครื่องละ 3x,xxx ครั้งที่สองไม่ลงละ
ผมว่ามันสะดวกกว่าเดิมนะครับ มันลื่นไหล ไม่ต้องไปกดปุ่มใดๆ เลย ปาดๆ อย่างเดียว
ผมไม่เคยใช้ iPhone กับ Samsung เลย เพราะปุ่ม HOME นี่แหละ
ผมมี i6+ กับ ipad 2017 อัพ ios12 ทั้งคู่
Ipad ใช้แบบปาดขึ้นได้ ไม่ต้องกดปุ่มโฮมเลย สะดวกมาก
แต่ iphone 6 ยังต้องกดปุ่มโฮมแบบเดิม
Apple คงกั๊กไว้ จะได้ขายรุ่นใหม่ออก
โดยส่วนตัวแล้วมือถือซื้อหนึ่งครั้งอยากให้มันมีอายุมากกว่า 3 ปีขึ้นไป โดยอัพ Os ได้โดยยังลื่นอยู่
ทางนักพัฒนาแอฟอัพเวอร์ชั่นให้ Perf ดีขึ้น แต่ Os ยิ่งทำยิ่ง Perf แย่ ทั้งๆที่ไม่มีฟังชั่นที่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรเยอะขนาดนั้น
อีกทั้งกีดกันให้แอฟใหม่ๆ ต้องใช้ Os รุ่นใหม่ๆเท่านั้น ทั้งๆ API เมื่อ 3 ปีก่อนก็ใช้ได้เหมือนกัน
สรุปก็ต้องจ่ายเงินซื้อเครื่องใหม่ ทั้งๆที่เครื่องเก่ายังควรจจะใช้ได้อยู่...
คิดว่าเป็นเรื่องปกติของธุรกิจมือถือไปแล้วครับ เน้นขายถูก กำไรน้อย แต่ถ้าขายได้บ่อย ๆ ก็คุ้มค่าที่จะทำ บริษัทมือถือหลายเจ้าก็พยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้ผู้บริโภคซื้อมือถือบ่อย ๆ และมีเรื่องกับผู้ผลิตเฟิร์มแวร์ (ที่เคร่งครัดเรื่องการอัปเดต) ให้น้อยที่สุด
ปล. จริง ๆ แล้วกูเกิลก็ต้องการให้มีการอัปเดตเกิน 2 ปีครับ แต่ถ้าทำแบบนั้นผู้ผลิตมือถือทยอยกันเจ๊งแน่ ๆ ที่ทำได้เกิน 2 ปี ก็คงมีแต่รุ่นเรือธงขึ้นไปครับ
ปล. 2 กรณีของแอปเปิล ถ้าจุดประสงค์หลักก็ตามแถลง แต่จุดประสงค์แฝงที่ทุกคนคาดการณ์กันก็คือการพยายามให้ผู้บริโภคซื้อเครื่องใหม่บ่อย ๆ นี่แหละครับ แต่เรื่องดันโป๊ะแตกซะก่อนเลยต้องแบกรับความรับผิดชอบอันหนักอึ้งเช่นข่าวนี้ (และอีกหลาย ๆ ข่าวในทำนองเดียวกัน)
3 ปี เครื่องละ 30,000
กับ 3 เครื่อง เครื่องละ 6,000
ปีละเครื่อง ก็โอเคนะ
เครื่องราคาหกพัน กล้องมันไม่ดี แถมบางที CPU/GPU มันก็เร็วไม่พอนะครับ
ถ้าใช้แค่โทรเข้าออกมันก็โออยู่ ถ้าคนใช้เยอะเครื่องแพงหน่อยอาจจะไม่ถึงสามหมื่นมันก็ยังคุ้มค่า แถมไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องวุ่นวาย ย้ายไฟล์ จัดปรับแต่ง หรือ ย้ายพวกระบบ Authen ต่างๆ
ถ้าเลือกตัดกล้องหรือกล้องธรรมดาพอถ่ายรูปได้ แล้วมาเพิ่ม Specs อื่นๆ พวก CPU/GPU/RAM/ROM นี้คงดี
เพราะส่วนตัวสำหรับผมคือกล้องไม่ได้ใช้งานเท่าไร
ตอนนี้เหมือนเสียเงินค่ากล้องทั้งๆที่ไม่จำเป็นมากมายสำหรับผม
ปล. อยากรู้ว่าถ้าตัดกล้องไป ราคามือถือจะเบาลงไปเท่าไร?
เครื่อง 6 พันสำหรับผมนี่บางทีพอมีแอพอะไรใหม่ๆ ก็อาจจะลงไม่ได้เพราะไม่ถึงเสป็คขั้นต่ำที่แอพกำหนดไว้ มันน่าหงุดหงิดมากครับ อย่างน้อยๆ ก็หาเครื่องระดับรองเรือธงหรือกลางๆ จะช่วยลดความน่าหงุดหงิดตรงนี้ได้
ถ้าเป็น 6000 สมัย 2015 ก็คงเป็นแบบนั้น
แต่ 2018 ใช้เครื่องไม่ถึง 5000
เท่าที่ใช้มายังไม่เจอ App ไหนที่ลงไม่ได้เลย
เท่าที่นึกออกก็น่าจะเป็นพวก AR ครับ
เครื่องไม่ถึง 5000 ที่ผมใช้อยู่ มี Gyroscope
RAM 3 Rom32
เท่าที่ใช้งาน ทั้ง VR และ AR ก็ใช้ได้อยู่นะครับ
แต่ไม่ค่อยได้ใช้งานบ่อยนัก เพราะส่วนมาก App จะหนักไปทาง เกมและของเล่น
และแม้แต่จะใช้เครื่องที่เป็น FHD+ มันก็ยังดูภาพหยาบไป
คงต้องรอให้ มีมือถือที่เป็น 4K 8K ก่อนภาพถึงจะน่าพอใจ
แต่คงอีกนาน กว่า VR และ AR จะได้รับความนิยมจนคุ้มค่าและน่าสนใจพอ
ผมใช้ redmi note 5 (ราคา 6990) ซื้อมาน่าจะราวๆ พ.ค.ปีที่แล้วถ้าจำไม่ผิด แทบไม่ได้ลงแอพอะไรมากมายเพราะเป็นเครื่องเอาไว้สแตนด์บาย ช่วงแรกๆ ก็ใช้งานได้ลื่นดี หลังจากวางทิ้งไว้ คอยอัพเดตแอพ OS และชาร์จเมื่อแบตหมด ผ่านไปไม่กี่เดือนเครื่องก็อืดลงแบบไม่รู้สาเหตุ แอพที่เคยเปิดลื่นๆ ก็มีอาการกระตุกให้เห็น และจากที่ใช้งานเป็นรีโมทกล่อง mi box เวลาพิมพ์ค้นหาหรือล็อคอิน จะมีอาการกระตุกค้างประมาณ 3-5 วินาทีเหมือนประมวลผลอะไรสักอย่าง ขนาดแค่พิมพ์ยังค้างได้ขนาดนี้ เรื่อง VR AR ก็คงไม่ต้องพูดถึงเลยครับ
ลงได้แต่พอทำงานหนักๆ ก็อืดก็มีครับขนาดแค่ 2 มิติ พอ Object เยอะๆ เห็นชัด
รอดูพวกที่ใช้ SD710 ขึ้นไป น่่าจะไหวอยู่นะ
+1 เพิ่งซื้อ Meizu X8 (มั๊ง) มาลองใช้ดู ราคา 7,990 บาท ให้ความพึงพอใจได้มากๆ
oxygen2.me, panithi's blog
Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6
สรุปได้ว่าที่ผ่านมาไอโฟนขายดีเพราะมีการ Planned obsolescence จริง ๆ ถ้าเรื่องลดความเร็วไม่แดง ก็คงทำต่อไปสินะ บังหน้าว่าต้องการประหยัดพลังงาน แต่ที่จริงก็คือบีบให้คนใช้ซื้อเครื่องใหม่เพราะเข้าใจว่าเครื่องตัวเองมันช้าลง
ก่อนหน้านี้ก็ทำบ่อย โดยการปล่อย os รุ่นสุดท้าย
อัพปุ๊บอืดปั๊บ...ใครหลงกลไม่สำรองไฟล์ไว้ก็เสร็จ
ผมสำรองไฟล์ไว้ แต่ชะล่าใจลบทิ้ง
เลย restore กลับไม่ได้ ยังเข็ดไม่ลืม
...
แต่เรื่องแอบลด speed อันนี้เลวจริง
ถ้าแก้ไขช้า ปัญหาคงบานปลายกว่านี้
พอยอดขายตกทิมกลับโยนแพะให้โปรแกรมเปลี่ยนแบต
ทั้งที่สาเหตุจริงคือ...การหักหลังลูกค้าแบบแยบยล
รอดูต่อไปละครับว่าเอา code ออกไปหมดจริงๆรึยัง ในอนาคตจะมีปัญหาแบบนี้อีกไหม
แต่ถ้ารุ่นเก่ามีอายุนานมากขึ้น กลายเป็นอัพได้ถึง 7-8 ปี ผมว่าเป็นตลาดชั้นดีของ dev เลยนะครับ
เขาไม่ได้เอาโค้ดออกครับ แต่ปรับเปลี่ยนให้ยอมรับได้มากขึ้น