The Wall Street Journal รายงานข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง บอกว่าแผนการออก iPhone ของปี 2019 นั้น แอปเปิลจะออกรุ่นใหม่มาทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกัน เหมือนกับของปี 2018 แบ่งเป็นรุ่นจอ OLED 2 รุ่น และ LCD อีก 1 รุ่น
โดยรุ่นบนสุดหน้าจอ 6.5 นิ้ว ระบุชื่อเรียกตอนนี้ว่า iPhone 11 (อาจมีคำว่า Max ด้วย แต่เปลี่ยนแปลงได้) หน้าจอ OLED มีจุดขายคือกล้องหลัง 3 ตัว ซึ่งมีรายงานภาพเรนเดอร์หลุดก่อนหน้านี้
รายงานนี้ตั้งข้อสังเกตว่าแอปเปิลจะกลับไปทำการตลาดแบบตอนรุ่น Plus กับไม่ Plus กล่าวคือจะมีเฉพาะรุ่นจอใหญ่ 6.5 นิ้ว เท่านั้น ที่ได้กล้องหลัง 3 ตัว ส่วนรุ่นจอ OLED ขนาดจอ 5.8 นิ้ว จะมีกล้องหลังเพียง 2 ตัว เท่ากับ iPhone XS
ส่วน iPhone อีกรุ่นที่ราคาถูกที่สุด จะเป็นรุ่นต่อจาก iPhone XR ยังคงใช้จอ LCD แต่มีการเปลี่ยนแปลงคือเพิ่มกล้องหลังเป็น 2 ตัว
ที่มา: 9to5Mac
Comments
รุ่นเก่าก็ขายไม่ค่อยออกจะออกอีกแล้ว
เทคโนโลยีมันไปต่อได้ จะให้หยุดอยู่แค่นี้หรอครับ
ถ้าเรื่องการตลาดแล้ว ของเก่าขายไม่ได้ ก็ต้องออกใหม่ดีกว่านะครับ ลบภาพลักษณ์ไม่ดีเก่าๆ ทิ้งไป
เหลือแค่ตั้งราคาเลยแต่ไลน์สินค้ามาแบบนี้มีแววโดนด่าไว้ก่อนละ
ต้องยอมลดกำไร ไม่งั้นลูกค้าก็จะลดการซื้อแทน
ปีนี้คงยอดหายไปเยอะ ตลาดใหญ่อันดับที่ 2 อย่างจีนกระทบหนัก
เจอสงครามการค้าเข้าไป จีนเขาก็ชาตินิยมเยอะอยู่ (+รัฐหนุนทั้งทางตรงและอ้อม)
อ่านแว้บแรกเข้าใจว่าออกเฉพาะจอ 6.5 3รุ่น
ถ้าสลับตำแหน่งจะเข้าใจง่ายกว่าไหมครับ ออก 3 รุ่น - ได้กล้องหลัง 3 ตัว เฉพาะรุ่นจอ 6.5
แสดงว่าปีนี้ Pixel 4 จะได้เป็นแชมป์มือถือกล้องหลังตัวเดียวชัวร์ๆแล้ว
อ่านแบบนี้ถ้าเป็นจริงเดาเลยว่า xr2 จะขายราคาเท่าเดิม ไม่ลดราคาแน่นอน xs ก็คงเท่าเดิม แสดงว่า line สินค้าจะเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือยอมเพิ่มกล้องให้รุ่นล่าง ก็ถือเป็นกลยุทธ์ที่ดี ดีกว่าลดราคา ไปเพิ่ม utility แทน
ลดราคาแน่นอน ตอนนี้ก็มีข่าวยอมลดราคาให้ผู้ขายในจีนเรียบร้อยแล้ว
น่าจะรู้ตัวแล้วล่ะ ถ้าขายราคาเดิมก็ต้องลดแล้วลดอีก (ลดกำลังการผลิต+ลดราคา)
คงจะลด xr มาขายที่ 26000 ถือว่าตกรุ่น และมาแทนรุ่น 7 8 ที่โดนแบน
ส่วน xr2 ขาย 30000 เท่าเดิมเพิ่มเติมคือกล้องคู่
ที่กลัวตอนนี้คือความเค็มของ apple จะลดราคา xr และตัดเมมเหลือ 32 GB เพื่อคงกำไรบางส่วนไว้
เพิ่มความหนาเครื่องบ้างก็ได้ ไม่ใช่ทุกคนจะอยากได้บางๆหรอก -_-
ปล.ถ้า design ที่หลุดเป็นของจริง เป็นยุคของจ๊อบนี่โดนด่าเละไปแล้วละ -_-
บางแล้วงอก็ไม่เอานะ
ก็ควรหนานานแล้วละครับ พอๆกับติน IP4นี่โอเคเลย จะทำบางอะไรก็ไม่รู้
กลับกันแฮะ ชอบบางๆ ยิ่งบาง ขอบน้อยๆนี่ยิ่งชอบเลย
もういい
ชอบแบบไม่ต้องบางมากเหมือนกันครับ
ต้องหาเคสหนา ๆ มาใส่ตลอด ?
บอดี้เดิมยันชาติหน้า
อยากรู้ว่ามี ฟีเจอร์อะไรว้าว ๆ บ้างในรอบนี้
iPhone รุ่นใหม่ 3 กล้อง ราคา 150k
Opensource - Hackintosh - Graphic Design - Scriptkiddie - Xenlism Project
ถ้ายังมีรอยบากอยู่ก็คงไม่ ว้าวเหมือนเดิม
พัฒนาไม่ทันฝั่งแอนดรอยด์
เพราะหุ่นเขียวมีผู้เล่นหลายเจ้าไง จะพัฒนาทันก็แปลกแล้ว ถ้ามองแบบเป็นธรรม 1:1 อ่ะนะ ถ้ามีแค่ Google เจ้าเดียวค่อยออกมาด่าหน่อยว่าตามไม่ทัน
ใจจริงอยากให้ยกเลิกทุกเจ้าแล้วให้ใช้แค่ Google เจ้าเดียวด้วย แต่ทำไม่ได้แน่ เพราะกำไรจากบริการ Google เยอะมาก และคงไม่ยอมฆ่าตัวเองแบบนี้แน่
พลังประมวลผลยังแรงกว่ามาก OS ยังดีกว่าในอีกหลายจุด ไม่น่าเรียกว่าไม่ทันนะครับ
+1
CPU&GPU ทิ้งขาดอย่างน้อย 1 generation
แต่ถ้า benchmark ที่พิจารณาแบบองค์รวม Android ใกล้จะตามทันแล้ว เพราะยัดแรมมหาศาลมาทดแทน
CPU แรงกว่าทั้งที่ตัวระบบไม่ได้จำเป็นต้องใช้เยอะขนาดนั้นเพื่อให้ลื่น (สังเกตเอาจากพวกรุ่นเก่าๆ เช่น 6,6s ที่อัพแล้วยังลื่นอยู่) แล้วจะแรงไปทำไมล่ะครับ
อีกอย่างเรื่อง OS มีส่วนดีกว่าผมก็คาดหวังนะตอนถอย iPad 2018 มา มันดีกว่าแค่เรื่อง Multitasking อะ (ยิ่งไม่ใช่ iPad คือไม่นับเป็นข้อดี) แอพเด้งแอพค้างเจอบ่อยกว่าแอนดรอยด์อีก
เอิ่ม
เค้าใส่CPUเอาไว้ทำงานอย่างอื่นนอกจากเอามารันOSทิ้งไว้เฉยๆนะครับ มันเลยต้องแรงกว่าความต้องการของระบบเป็นเรื่องธรรมชาติอยู่แล้วนี่ครับ
อันนั้นผมรู้ครับ แต่ที่จะสื่อคือไหนๆตัว OS มันก็กินทรัพยากรไม่ได้เยอะอะไรอยู่แล้ว แทนที่จะเอาแต่เพิ่มความแรง CPU ที่มันเกินหน้าเกินตาแอนดรอยด์ และความต้องการของระบบไปไกลแล้ว มาพัฒนาเรื่องอื่นเกี่ยวกับตัวระบบดีกว่า แก้เรื่องแอพเด้งแอพค้างแบบที่ผมบอกก็ยังดี
ทีมออกแบบ CPU นี่คนละทีมกับที่ทำ iOS นะครับ ?
Windows 10 มี minimum requirement เท่า Windows 7 นี่ก็ควรใช้ HW สเปคเท่าๆ ยุคนั้นไปเรื่อยๆ เหรอครับ? ผมว่าก็ไม่นะ
ความแรงมันก็ต้องยิ่งเยอะยิ่งดีอยู่แล้วหนิครับ
ผู้ผลิตเค้าไม่ได้รู้อยู่แล้วว่าลูกค้าเค้าเอาไปใช้อะไรบ้าง
บางคนใช้แค่เล่นโซเชียล เอนเตอเทนไปวันๆ อาจจะไม่รู้สึกว่าต้องใช้สเปคแรงๆไปทำอะไร
แต่บางคนเค้าใช้งานจริงจัง มันก็ต้องการความแรงนะครับ
เผื่อไม่รู้ iPad มันได้เปรียบ Notebook ตรงที่มันมีกล้องหลังคุณภาพดีในตัว สเปคที่แรงพอตัว แบตอึด และน้ำหนักเบา นะครับ
ถ้าต้องเดินทางบ่อยๆมากๆ และต้องถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ ตัดต่อส่งนี่ ผมว่าพกiPadตัวเดียว สะดวกกว่าโน๊ตบุ๊ค+กล้องถ่ายรูป เยอะเลยนะครับ
ส่วนเรื่องแอพเด้งแอพค้าง ถ้าOSไม่ค้าง
ผมว่ามันอยู่ในส่วนความรับผิดชอบของนักพัฒนาแอพนั้นๆนะครับ ที่ไม่ได้ทดสอบให้ดีก่อนปล่อยขึ้นStore
ก็เพราะคุณงามความดีในส่วนนั้นไม่ใช่เหรอครับที่ทำให้สามารถอัพไปได้อีกหลายปี
ส่วนดีคือมันดีมากๆ สำหรับคนที่ไม่ได้คล่องเทคโนโลยีครับ หรือแม้แต่คนที่คล่องหลายๆ คนก็ยังชอบมันมากกว่า (แม้จะไม่ใช่ผม)
แต่นั่นผมจะเน้นไปที่สมัยมันยังมีปุ่ม Home และไม่มี force touch นะครับ พอเป็น gesture แล้วต้องเดาอะไรหลายๆ อย่างนี่ผมก็เริ่มรู้สึกว่ามีหลายอย่างที่ไม่ง่ายขึ้นมาแล้ว
ขนาดผมใช้ iPhone 4S หลังจบมหาลัยตอนปี 58 เป็นเครื่องมือสองด้วย ยังใช้ได้ดีมาถึง 2 ปี ขนาดตกรุ่นไปหลายปีแล้วนะ ยังลื่นอยู่เลย จนมาเปลี่ยนเป็น 6S Plus ปีที่แล้ว
ผมว่าต่อให้ HW ล้าหลัง แต่ OS สามารถใช้งาน HW ได้เต็มประสิทธิภาพและกินทรัพยากรน้อยนี่ ผมยอมรับในตัว iOS เลยนะ ส่วนเรื่อง Customize ก็เป็น Android ไป
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
หยิบเรื่องกล้องเจ้านั้นมาพูด เรื่อง software อีกเจ้า เรื่องจออีกเจ้า เรื่อง Design ก็อีกเจ้า เรื่องราคาของอีกเจ้า แล้วเอาทุกยี่ห้อมารวมกันแล้วเปรียบเทียบกับ iPhone เจ้าเดียวแล้วบอกว่า iPhone พัฒนาสู้ไม่ได้
ถ้าเทียบ iPhone เดี่ยว ๆ กับทุกเจ้า ผมก็ยังไม่เห็นว่า iPhone มันจะแพ้ใครในทุก ๆ ด้านนะ
เทียบกับ Pixel 3 นี่ผมว่า iPhone ถ้าไม่ติดเรื่อง OS ก็พอจะแพ้ได้นะครับ
เทียบทุกค่ายก็ต้องถูกแล้วมั้ย แต่เทียบกับค่ายใหญ่ๆ ก็แพ้อยู่แล้ว
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
เหมือนกำลังนั่งดู ไทม์ไลน์ Nokia อีกครั้ง
จริง ผมสาวก Apple นะ (อดีตสาวก Nokia ด้วยเช่นกัน)
XIr มี 2 กล้อง มองว่าเป็นการทำให้ Xl นั้นขายได้น้อยกว่า ราคาก็ต่างละ ส่วน Xl Max นี่ก็คงยอดขายคงที่
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
รุ่นถัดไปควรยุบเหลือ 2 รุ่น คือตัวแทน Xs Max กับตัวแทน Xr.