คือกำลังคิดจะศึกษาเขียนเว็บโดยใช้ MEAN Stack น่ะครับ ก่อนหน้านี้เขียน PHP+MySQL เพื่อธุรกิจนะครับ เลยอยากถามว่า MongoDB สามารถไว้วางใจได้ระดับไหนครับ คือกำลังสนใจเอามาเขียน E-commerce platform ทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน เพราะว่าฟีเจอร์ตรงที่ที่อยากใช้น่ะครับ
แล้ว MEAN Stack สามารถเปลี่ยนเป็น MySQL หรือ MariaDB ได้ไหมครับ?
ส่วนตัวผม จากที่เคยเปลี่ยน Production จาก MySQL มา MariaDB ยังไม่เจอปัญหาอะไรนะสำหรับ MariaDB ถ้าไม่ได้ใช้ความสามารถประหลาดๆ แทบจะยกมาใช้งานได้ทันทีเลย (แต่ถ้าไม่มั่นใจก็เทสก่อนก็ได้ แต่ที่ผมเคย migrate มา export SQL จาก MySQL ออกมาแล้วโยนใส่ MariaDB แล้วจะใช้ได้เลย)
คือ MariaDB คือทีมงาน MySQL เดิมนั้นแหละ แล้ว fork ตัว MySQL ที่ Oracle ซื้อไป กลับมาทำต่อตามแนวทางของชุมชน พร้อมกับความสามารถใหม่ๆ ที่ Oracle มักไม่ยอมรับ หรือช้าในการตอบสนองต่อชุมชน
จากการใช้งาน MariaDB มา 3 ปีกว่าค่อนข้างประทับใจกับการสนับสนุนของชุมชนนะ แล้วถ้าได้ลองใช้ MariaDB Galera Cluster ที่เป็น synchronous multi-master/active-active cluster (InnoDB) จะประทับใจมากขึ้นอีก เพราะติดตั้งและดูแลค่อนข้างง่ายใช้ server 3 ตัวทำงาน ก็รองรับการทำงานได้แล้ว
เจ้าของกระทู้ถามถึง MongoDB ครับ
แต่ข้อมูล MariaDB ที่ให้มามีประโยชน์ดีครับ :D
Edit:
โอ้ อ่านใหม่... ผมอ่านไม่ดีเอง เขาถามถึง MariaDB
จขกท. น่าจะถามถึงการเปลี่ยนจาก MEAN เป็น MariaDB/MySQL ครับ แต่ก็เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์อยู่ดีครับ
สำหรับเรื่อง MEAN stack ที่ จขกท.ถาม ถ้าในภาพรวมสำหรับ web app ทั่วไป ต้องบอกว่ามันใช้แทนได้ไม่ทุกกรณี เว็บใหญ่ๆหลายเว็บที่ใช้ mongodb เป็นหลักก็ยังต้องมี mariadb server ไว้เก็บข้อมูลบางส่วนอยู่ดีครับ
อ่าาาาา MongoDB ผมไม่สัดทัดเท่าไหร่ เลยข้ามไม่ได้ตอบไปครับ ^^"
ไม่เป็นไรครับ แต่ขอบคุณมากเลยครับ ความจริงต้องนี้ก็ใช้ MySQL อยู่แต่ดูเหมือนจะไม่มีการพัฒนาอะไรใหม่ๆ ออกมาก็คิดอยู่เหมือนกันว่าจะไป MariaDB อยู่แล้วครับ เพียงแต่ตอนนี้กำลังมอง stack ใหม่ ที่พยายามผลัก backend บางส่วนไปให้ frontend ทำงานแค่นั้นเองครับ เลยมอง MEAN Stack แต่อ่านเว็บไหนๆ ก็ไม่ค่อยมีคนพูดถึงว่า MEAN สามารถเปลี่ยนจาก MongoDB เป็น MariaDB ได้เท่านั้นเองครับ ส่วนตัวคือไม่มั่นใจเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลเท่านั้น เพราะ NoSQL ดูเหมือนใหม่มากๆ และยังไม่ค่อยมี community กับ tutorial ออกมาครับ
disclosure บริษัทที่ผมทำงานอยู่เป็นตัวแทนจำหน่ายและ local support ของ MongoDB
feature เรื่อง transaction กำลังจะมาครับ ทั้งนี้ mongodb ไม่รองรับการทำงานแบบ acid เต็มรูปแบบนะครับ เวลาเขียน code ต้องคำนึงถึงปัจจัยจำนวนมากที่เป็นความแตกต่างระหว่าง rdbms กับตัว mongodb ครับ
ส่วนความน่าเชื่อถือ ทั้งแง่ประสิทธิภาพ การขยายระบบ การรองรับปริมาณงาน ความคงทนข้อมูลไม่น้อยหน้าครับ กรณีทำ repset ไว้ ยังไม่เคยเจอ db พังพินาศทั้งระบบข้อมูลกู้ไม่ได้ครับ
ส่วนจะเปลียน m จาก mongodb เป็น mysql/mariadb ก็ทำได้ครับ เปลี่ยน library กับลงให้ครบ แต่ไม่ใช้ว่าใช้ mongo ไปแล้วอยากเปลี่ยนจะทำได้นะครับ แบบนั้นต้องย้ายข้อมูลเอง + แก้ code ใหม่หมดครับ
ขอบคุณครับ
ศึกษา MEAN stack ได้ครับ แต่ก่อนจะใช้ MongoDB ซึ่งเป็น NoSQL ก็ต้องถามตัวเองหรือศึกษา scenario ว่าทำไมต้องใช้ NoSQL หรือมีอะไรที่ relational database อย่าง MySQL ทำไม่ได้ แต่จะใช้ NoSQL เข้าไปแก้ปัญหา
ศึกษาจุดอ่อนจุดแข็งว่าจะเอาไปทำอะไรให้ดีก่อนครับ
ปล. ตอบไม่ค่อยตรงคำถาม
ไม่เป็นไรครับ ต้องขอบคุณสำหรับข้อคิดเห็นครับ ความจริง ความคิดหลักเลยคือ
1.ไม่อยากจำภาษาหลายภาษา เลยพยายามจะลดเหลือไม่กี่ตัว ทุกวันนี้เยอะเหลือเกิน
2.MEAN ดูค่อนข้างจะเบา เลยนำมาพิจารณา เพราะมีการผลัก backend บางส่วนไปให้ client ทำงานบางส่วนเป็น frontend (ทุกวันนี้ประมวลที่ backend ล้วนๆ พอผู้ใช้เพิ่มก็ต้องเพิ่มทรัพยากรเป็นเงาตามตัว เลยรู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่าง)
3.M มีแต่คนพูดถึง MongoDB เลยนึกว่า MEAN ซัพพอร์ตแค่ MongoDB เท่านั้นครับ ถ้าซัพพอร์ต MySQL หรือ MariaDB ผมก็ไป MariaDB นะ เพราะงานปัจจุบันก็ใช้ MySQL อยู่แล้วครับ
4.MongoDB ผมคิดว่า ผมต้องศึกษาไปอีกสักระยะครับ เพราะเท่าที่ศึกษามายังนึกไม่ออกเลยว่าจะเอาไปทำอะไรได้บ้าง เพราะมันเก็บข้อมูลเป็น document แล้วชุดข้อมูลเป็น collection แล้ว แต่ละ collection ก็ไม่เหมือนกันด้วย เลยต้องศึกษาสักระยะครับ
5.เนื่องจากตอนนี้ขยายเซิร์ฟเวอร์มาเยอะมาก(ซีพียูรุ่นท็อปแล้ว) เลยมีความรู้สึกว่าต้องเพิ่มจำนวนเซิร์ฟเวอร์ ซึ่ง MongoDB สามารถขยายในแนวราบได้เลย แต่ MySQL คือทำ cluster อีก ซึ่งผมมองว่า มันจะวุ่นวาย ถ้าตั้งค่าผิดหรือเกิดความผิดพลาดขึ้นมาเหมือนที่เป็นข่าวไม่กี่วันก่อนน่ะครับ
ทั้งหมดเลยคิดว่าต้องศึกษาสิ่งใหม่ๆ แล้วครับ แต่พอมองว่าเรื่องความปลอดภัยล้วน เพราะข้อมูลธุรกิจค่อนข้างสำคัญ เลยต้องสอบถามก่อนว่า NoSQL จะปลอดภัยไหม? มีความเป็นไปได้ที่ฐานข้อมูลจะล่มไหม? อะไรทำนองนั้นครับ แต่ขอบคุณมากเลยครับ สำหรับคำแนะนำ
horizontal scaling ของ MongoDB ถึงเวลาก็ต้องทำ sharding ซึ่งต้องเพิ่มเครื่องเหมือนกัน แค่ลำบากคนละแบบกับ RDBMS ครับ
MySQL ก็ต้อง tune ดีๆ เพราะมีปัญหาคอขวดเอย log file กิน io เอย
คือมันยังแก้ได้ด้วยการ fine tune ครับถ้าเป็นปัญหาด้าน performance
ที่ผมพูดแบบนี้เป็นเพราะผมไม่รู้ว่าเอาไปใช้งานอย่างไรด้วยแหละ อาจต้องไป NoSql จริงๆ ก็ได้ครับ
ลองอ่านอันนี้ดูครับ เป็นบทความตอนพันทิพเปลี่ยนมาใช้ MongoDB ครับ
http://macroart.net/2013/10/mongodb-lessons-learned-on-pantip/