Tags:
Node Thumbnail

Michael Terpin นักลงทุนด้านโทเค็นคริปโต และผู้ก่อตั้ง Transform Group บริษัทประชาสัมพันธ์ให้กับกลุ่ม ICO ต่างๆ ได้ยื่นฟ้อง AT&T ผู้ให้บริการโทรศัพท์ในสหรัฐฯ ที่ออกซิมใหม่ให้คนร้าย จนทำให้คนร้ายสามารถเข้าถึงบัญชีเงินคริปโตของเขาและขโมยโทเค็นออกไปได้มูลค่า 23.8 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 800 ล้านบาท

คำฟ้องของ Terpin ระบุว่าเขาถูกขโมยหมายเลขโทรศัพท์ด้วยการออกซิมใหม่ถึงสองครั้งในระยะเวลาเพียง 7 เดือน โดยระบุว่าต้องมีพนักงานภายในรู้เห็นเพราะสามารถออกซิมใหม่ได้โดยไม่ตรวจบัตรประจำตัวหรือให้รหัสผ่านที่ถูกต้อง โดยเรียกค่าเสียหายจากการขโมย 23.8 ล้านดอลลาร์ และอีก 200 ล้านดอลลาร์สำหรับการลงโทษที่ AT&T ละเลยหน้าที่

คำฟ้องระบุถึงการขโมยเลขหมายสองครั้ง ครั้งแรกวันที่ 11 มิถุนายน 2017 คนร้ายสามารถเปลี่ยนรหัสผ่าน AT&T ของ Terpin ได้สำเร็จหลังพยายามเปลี่ยนรหัสผ่านในร้านถึง 11 ครั้ง หลังจากนั้นเขาได้พบกับเจ้าหน้าที่ของ AT&T ที่สัญญาว่าจะเพิ่มระดับความปลอดภัยให้เป็นพิเศษ โดยต้องระบุหมายเลขรหัส 6 หลักให้ถูกต้องเสมอแต่หลังจากนั้น เมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา หมายเลขของ Terpin ก็ถูกขโมยอีกครั้งโดยพนักงานไม่ได้ตรวจสอบรหัสก่อนออกซิมใหม่ให้คนร้าย

อย่างไรก็ดี คำฟ้องไม่ได้ระบุว่าเข้าใช้บริการใดในการเก็บเงินคริปโต ที่ทำให้คนร้ายได้เพียงแค่หมายเลขโทรศัพท์ไปก็สามารถล็อกอินเข้าไปขโมยเงินได้ และไม่ระบุว่าเงินคริปโตหรือโทเค็นที่ถูกขโมยไปนั้นเป็นสกุลใดและปริมาณมากน้อยเพียงใด

การขโมย SMS สำหรับการยืนยันตัวตนด้วยการหลอกผู้ให้บริการโทรศัพท์ หรือร่วมมือกับพนักงานของบริษัทโทรศัพท์เองเพื่อออกซิมของเป้าหมายให้ (SIM fraud) เป็นภัยอย่างหนึ่งที่หนักขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงหลัง นอกเหนือไปจากช่องโหว่ SS7 ของเครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่เปิดช่องให้คนร้ายสามารถขโมย SMS จากระยะไกลได้ ประเทศไทยเองกรณี SIM fraud ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อครั้งที่ลูกค้าธนาคารกสิกรไทยถูกขโมยเงินเมื่อปี 2016 โดยใช้บัตรประชาชนปลอมไปหลอกศูนย์บริการทรู

ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว กูเกิลเริ่มเป็นหัวหอกในการเปิดทางเลือกให้ไม่สามารถกู้คืนบัญชีด้วยหมายเลขโทรศัพท์อีกต่อไป โดย Advanced Protection Program จะให้กู้คืนบัญชีด้วยกุญแจ U2F ที่ต้องลงทะเบียนไว้อย่างน้อยสองตัวเท่านั้น

ที่มา - ThreatPost, US News

No Description

Get latest news from Blognone

Comments

By: Jonathan_Job
WriteriPhoneUbuntuWindows
on 18 August 2018 - 02:20 #1066185
Jonathan_Job's picture

23.8 ล้าดอลลาร์น

23.8 ล้านดอลลาร์

กุญแจก U2F

กุญแจ U2F

By: Jonathan_Job
WriteriPhoneUbuntuWindows
on 18 August 2018 - 04:58 #1066190 Reply to:1066185
Jonathan_Job's picture

23.8 ล้าดอลลาร์

23.8 ล้านดอลลาร์

By: terdsak.s on 18 August 2018 - 10:44 #1066224

ธนาคารเมืองไทยมาตราฐานเดียวกับค่ายมือถือเมืองนอกหรือนี่

By: spideyleo
iPhoneWindows PhoneAndroidWindows
on 21 August 2018 - 02:48 #1066518 Reply to:1066224

2เคสนี้หลักๆเป็นความผิดของทางเครือข่ายมือถือทั้งคู่ครับไม่ใช่ธนาคาร

By: Jonathan_Job
WriteriPhoneUbuntuWindows
on 21 August 2018 - 09:34 #1066568 Reply to:1066518
Jonathan_Job's picture

ธนาคารถือว่าก็มีส่วนผิดครับ เพราะการที่ธนาคารออกแบบโดยเอาความปลอดภัยไปฝากไว้กับ SMS หรือเบอร์โทรศัพท์ เพื่อใช้ยืนยันตัวเองถือว่าเป็นการออกแบบที่บกพร่องครับ ธนาคารสมควรลงทุนกับ MFA แบบอื่น เช่น token ได้แล้ว

By: lancaster
Contributor
on 21 August 2018 - 17:34 #1066682 Reply to:1066518

วิธีที่ปลอดภัยกว่ามีเยอะแยะ ซึ่งบางวิธีไม่มีต้นทุนในแง่ hardware เลยด้วย (เช่นพวก TOTP อย่าง Google Authenticator) แต่ธนาคารยัง "จงใจบังคับ" ให้ไปใช้วิธีการยืนยันทางโทรศัพท์ที่ทั้งโลกรู้กันว่ามันไม่ปลอดภัย

อย่างน้อยก็ควรเปิดให้ลูกค้ามีทางเลือกมากกว่าการบังคับแบบทุกวันนี้ครับ