ปัจจุบันบริการประมวลผลบนคลาวด์โดยไม่ต้องเปิดเซิร์ฟเวอร์ทิ้งไว้ แต่กำหนดฟังก์ชันและคิดค่าใช้งานตาม event ที่กำหนดหรือที่เรียกว่า serverless กำลังเป็นที่นิยม โดยผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ต่างก็มีบริการของตัวเอง เช่น AWS Lambda, Google Cloud Functions และ Azure Functions

วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับสตาร์ทอัพใหม่จาก Bay Area ชื่อว่า Serverless Inc. แบบคร่าว ๆ บริษัทนี้ก่อตั้งในปี 2015 โดย Austin Collins ซีอีโอของบริษัทมองเห็นโอกาสพัฒนาเครื่องมือสำหรับการพัฒนาแอพบน serverless จึงก่อตั้งบริษัทขึ้นมา

Serverless Inc. เพิ่งจะระดมทุนไป 10 ล้านดอลลาร์ใน Series A จาก Lightspeed Ventures ซึ่งรวมแล้วบริษัทระดมทุนไปทั้งสิ้น 13 ล้านดอลลาร์

ผลงานหลักของ Serverless Inc. ในตอนแรกคือ Serverless Framework เครื่องมือโอเพ่นซอร์สสำหรับลดความยุ่งยากในการพัฒนาแอพพลิเคชั่นด้วย serverless ตอนแรกเครื่องมือนี้เริ่มจากการซัพพอร์ต AWS Lambda ก่อน จากนั้นจึงเริ่มซัพพอร์ต serverless จากผู้ให้บริการรายอื่น ซึ่งโครงการ Serverless Framework เป็นโอเพ่นซอร์ส สามารถเข้าไปดูซอร์สโค้ดได้จาก GitHub

ภาพจาก Serverless Inc.

ถัดมา Serverless Inc. ก็เปิดตัว Serverless Platform มาต่อยอด โดยจุดประสงค์ของการพัฒนาเครื่องมือนี้คือทำให้การพัฒนาแอพแบบ serverless ทำได้ง่ายกว่าเดิม มีเครื่องมือให้ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นจนถึงการมอนิเตอร์และเชื่อมต่อ serverless เข้ากับบริการอื่น ๆ โดยเครื่องมือ Serverless Platform ประกอบด้วยสามส่วนหลัก ๆ คือ

• Serverless Framework สำหรับช่วยตั้งค่า serverless บนผู้ให้บริการคลาวด์ต่าง ๆ
• Serverless Dashboard สำหรับแสดงข้อมูลการดีพลอยบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ
• Serverless Event Gateway เปรียบเสมือนเราท์เตอร์สำหรับอีเวนท์ เป็นเครื่องมือสำหรับการเชื่อมต่อแอพพลิเคชั่นแบบ serverless เข้ากับระบบอื่นอย่างคอนเทนเนอร์หรือ SaaS

ปัจจุบันเครื่องมือของ Serverless Inc. รองรับผู้ให้บริการคลาวด์หลากหลาย เช่น AWS, Azure, IBM Cloud, GCP, Kubeless เป็นต้น ส่วนบริษัทใหญ่ที่ใช้แพลตฟอร์มของ Serverless Inc. ก็มี EA Sports, Coca-Cola, Nordstorm, Expedia และ Reuters ซึ่งแม้จะมีผู้พยายามผลักดันมาตรฐานอย่าง CNCF ที่มี CloudEvents สำหรับแลกเปลี่ยน message ระหว่างฟังก์ชัน แต่ก็ยังห่างไกลจากการเป็นมาตรฐานกลางมาก จึงทำให้บริษัทอย่าง Serverless Inc. ยังมีช่องทางในการพัฒนาเครื่องมืออีกมาก

ที่มา - Serverless, Forbes, TechCrunch