หลังการเปิดตัวสมาร์ทโฟน Android One รุ่นแรกกับ Mi A1 ได้รับเสียงตอบรับที่ค่อนข้างดี ทำให้ปีนี้ Xiaomi ขยายไลน์ออกมาถึง 2 รุ่นได้แก่ Mi A2 เป็นรุ่นกลาง-ล่างและ Mi A2 Lite ที่เป็นตัวเริ่มต้นแทน ซึ่งตอนนี้ Mi A2 ก็อยู่ในมือผมแล้วครับ

วัสดุของ Mi A2 เป็นอะลูมิเนียมในดีไซน์แบบยูนิบอดี้ ตัวเครื่องมีความบางลงกว่ารุ่นแรกอย่างเห็นได้ชัด

หน้าจกเป็นกระจก 2.5D ค่อนข้างสะท้อนแสง ทำให้เวลาใช้งานกลางแดดอาจลำบากเล็กน้อย แต่ในแง่ความสว่างถือว่ายังสู้แสงได้

พอร์ทหูฟัง 3.5 มม. ด้านล่างของตัวเครื่องถูกถอดออกไปแล้ว ซึ่งทาง Xiaomi ก็แถมพอร์ทแปลง USB-C to 3.5 มม. มาให้ในกล่องด้วย ทว่าพื้นที่ข้างพอร์ท USB-C ด้านล่างที่ตอนแรกคิดว่าจะเป็นลำโพงคู่ กลายเป็นว่าลำโพงอยู่ด้านขวาของพอร์ทด้านเดียวเท่านั้น ด้านซ้ายจึงคาดว่าน่าจะเป็นไมโครโฟน

กล้องหลังรุ่นนี้เป็นกล้องคู่ 12+20 ล้าน และมีเซ็นเซอร์ IMX ของโซนีทั้งคู่ การทำงานจะคนละส่วนแยกจากกัน กล้องหลักเอาไว้สำหรับพื้นที่ที่มีแสงเยอะ ส่วนกล้องเสริมเอาไว้สำหรับพื้นที่แสงน้อย

ที่ชัดที่สุดสำหรับกล้องหลังคือมันนูนออกมาค่อนข้างเยอะและหนา วางไว้บนโต๊ะมีกระดกได้เล็กน้อยเลย แต่ Xiaomi ก็แถมเคสซิลิโคนมาให้ในกล่อง ซึ่งก็รองรับความนูนของกล้องหลังไปได้พอดี

กล้องหลังเบื้องต้นจากที่ลองถือว่าดีเลยทีเดียว ปรับปรุงจากรุ่นแรกขึ้นมาก โดยเฉพาะโหมด Portrait ที่ Xiaomi บอกว่าใช้เทคโนโลยี Semantic Segmentation แยกวัตถุ Foreground ออกจาก Background ในระดับพิกเซล พร้อมโชว์ภาพตัวอย่างในคีย์โน้ต ที่โหมดนี้สามารถตัดเส้นผมให้ชัด ออกจากพื้นหลังที่เบลอได้ ซึ่งจากการลองถ่ายเล็กๆ น้อยๆ ก็รู้สึกว่าโหมดนี้ใกล้เคียงกับที่ Xiaomi โฆษณา แต่ขอไปทดลองใช้เต็มๆ ก่อนแล้วจะมารีวิวให้อีกครั้งครับ

สรุป

เบื้องต้นคือประทับใจ Mi A2 ในแง่ที่รู้สึกถึงการปรับปรุงจากรุ่นแรก อย่างดีไซน์ที่บางลง หน้าจอที่ใหญ่ขึ้น และกล้องที่ดึขึ้น แต่ก็อาจแลกมาด้วยราคาที่สูงกว่ารุ่นแรกเล็กน้อย เพราะมีน้องเล็กอย่าง​ Mi A2 Lite ที่เพิ่มเข้ามา

Mi A2 และ Mi A2 Lite จะวางขายในไทยช่วงต้นเดือนหน้าครับ