ไมโครซอฟท์ออก Windows 10 Insider Preview Build 17711 การเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจคือ โปรแแกรมที่อยู่คู่วินโดวส์มานานอย่าง Registry Editor (regedit) ได้ฟีเจอร์ใหม่กับเขาด้วย!
ฟีเจอร์ใหม่ของ regedit เป็นฟีเจอร์เล็กๆ คือตัว address bar เพิ่มเมนู dropdown ช่วยให้เราเลือกตำแหน่งที่ต้องการได้สะดวกขึ้น แถมยังเพิ่มปุ่มลัด Ctrl+Backspace ช่วยลบคำที่พิมพ์ล่าสุด (last word) ได้ด้วย
การเพิ่มฟีเจอร์ให้ regedit ถือเป็นอีกความเคลื่อนไหวของไมโครซอฟท์ ที่ยังตามอัพเดตแอพเก่าๆ ที่ดูเหมือนจะไม่ได้อัพเดตอีกแล้ว ก่อนหน้านี้ Notepad ก็เพิ่งได้ความสามารถตัดบรรทัดแบบยูนิกซ์
การเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ได้แก่ ไมโครซอฟท์ปรับรูปแบบการดีไซน์ตามแนวทาง Fluent Design ที่ประกาศเมื่อปีที่แล้ว คราวนี้เพิ่ม "เงา" (shadow) เข้ามาใต้เมนูต่างๆ ที่เป็นสไตล์แบนราบ (Modern/Metro) เดิม ตัวอย่างที่ชัดเจนคือเมนูคลิกขวาของ Edge และแอพ UWP อื่นๆ จะเริ่มมีเงาเข้ามาแล้ว
ไมโครซอฟท์ให้เหตุผลว่า "เงา" จะช่วยให้ผู้ใช้แยกระยะตื้น-ลึก (depth) ได้ดีขึ้น และจะค่อยๆ ขยายการดีไซน์ลักษณะนี้เข้ามาอีกเรื่อยๆ (Depth เป็นหนึ่งในองค์ประกอบของ Fluent Design ควบคู่กับ Light ที่แสดงออกผ่านดีไซน์แบบอะคริลิกกึ่งโปร่งแสง)
นอกจากนี้ แอพ Settings ยังเพิ่มหมวดตั้ง Windows HD Color สำหรับการแสดงผลแบบ HDR และเพิ่มฟีเจอร์อีกหลายอย่างให้โหมด Reading View ของ Edge
ที่มา - Microsoft
Comments
ดี ๆ
Windows Registry ซับซ้อนมาก มันพังได้ง่ายถ้าอยู่บนระบบที่ไม่เสถียร หรือเวลาที่เครื่องดับโดยไม่ตั้งใจ
+1 นอกจากนั้นยังบริหารจัดการยาก ด้วยที่ทุกอย่างไปรวมกันอยู่ที่เดียว แถมทำให้ Windows ช้าลงเรื่อย ๆ เวลาใช้งานไปนาน ๆ เพราะขนาดและความซับซ้อนที่ใหญ่และมากขึ้น
น่าจะแยกให้แต่ละแอพจัดเก็บข้อมูลเป็นไฟล์แยกของตัวเองจะดีกว่าที่จะไปกองรวมอยู่ที่เดียว
2 ท่านข้างบน ทัน Windows 3.11 ที่มี file ini ทุก directory ไหมครับ
เอาจริงๆ Windows ยุคหลังๆ ก็มี desktop.ini เหมือนกันนะครับ
ให้มองว่า registry hive มันก็คือ DB ดีๆ ตัวหนึ่ง ถ้าจังหวะที่ flush transaction ลงใน DB อยู่แล้วไฟดับ ไม่ว่า DB ไหนมันก็มีโอกาสพังเหมือนกันครับ สิ่งที่ต่างกันคือความยากในการซ่อมมากกว่า
อีกอย่างตั้งแต่ Win 7/2008 R2 มันมี C:\Windows\System32\Config\RegBack สำรองให้ใช้ได้ในกรณี registry หลักพัง และเฉพาะในตัวของ SYSTEM hive ทำ redundant อีกชั้นนะ ด้วย ControlSet00x อื่นๆนะครับ
ส่วนเรื่องความซับซ้อนแล้วมีส่วนซ้ำไปซ้ำมาเยอะมากเนี่ย อันนี้เห็นด้วยครับ
เดี๋ยวจะเอาออก เดี๋ยวจะเอาเข้า
เคยบ่นไปโพสที่แล้วทีนึงล่ะ หรือโดนคนบ่นมากเลยเปลี่ยนใจ?
เรื่อง UI ก็อีก ของเดิมก็ไม่น่าเกลียด
อยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนบ้าเห่อ minimal ตามชาวบ้าน
ตอนนี้เริ่มเอาไอ้ของเดิมๆ ยัดกลับเข้ามาอีกละ?
..........
เรื่อง UI ผมว่า Mac OS ยังยึดมั่นในแนวทาง UI ตัวเองมานานเลยอ่ะ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เลย ..แต่ Windows นี่ เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก ทุกการอัปเดตเวอร์ชันใหญ่ของ Windows เลย คือ UI ดีๆ อย่าง Windows XP หรือ Windows Vista,7 ผมก็ชอบ แต่สุดท้ายก็มลายหายไป แถมช่วง Windows XP, Vista, 7 นี่ สามารถ Crack Theme ทำให้สามารถใช้ Custom Theme ได้ด้วยนี่ เสียดายมาก
สิ่งนึงแน่ๆ ที่ผมไม่ชอบใน Windows 10 นี้เลยคือ การที่ทำขอบของหน้าต่าง Windows มันบางจนเหลือแค่ 1 พิกเซล มันก็ดีอยู่หรอกนะ แต่ปัญหาคือมันไม่ได้บางจริงๆ นี่สิ เพราะยังมีความหนาของขอบ Windows เท่ากับ Windows Vista,7,8 ที่หนา 8 พิกเซลอยู่เหมือนเดิม ..แค่ทำให้ 7 พิเซลนั้น มันมองไม่เห็นเท่านั้นเองครับ (ลองเปิดโปรแกรมซักหน้าต่างนึง แล้วกดคลิกขวาที่ Taskbar > Show windows stacked ดูได้ครับ หากหน้าต่างไม่ยืดเต็มจอทุกด้าน ก็ไปชิดที่มุมซ้ายบนของจอ ซึ่งกรณีหน้าต่างชิดขอบจอซ้ายบน ข้อสังเกตคือ ขอบซ้ายของหน้าต่างโปรแกรม มันจะไม่ชนขอบจอครับ (กรณีหน้าต่างเต็มจอ ที่ไม่ใช่ Maximize มันจะไม่เต็มขอบจอซ้าย/ล่าง/ขวา) ซึ่งจุดที่ไม่ชิดขอบนั้น คือ 7 พิเซลที่ถูกทำให้มองไม่เห็นแต่ Mouse ยัง Resize จุดที่มองไม่เห็นนั้นได้เหมือนกับขอบเต็มสมัย Windows Vista,7,8) และตรงนี้เอง มีปัญหากระจุกกระจิกมาก กับการ Resize หน้าต่าง และการคลิกเลือกหน้าต่างโปรแกรมที่ซ้อนๆ กันอยู่ เพราะการที่มันมองไม่เห็น 7 พิกเซลนั้น เวลาจะคลิกที่หน้าต่างโปรแกรมอันหลัง ซึ่งถ้าระยะการซ้อนหน้าต่าง ยังอยู่ใน 7 พิกเซลของหน้าต่างแรก เวลาจะคลิกไปที่หน้าต่างหลัง แทนที่จะคลิกเปลี่ยนไปหน้าต่างหลังที่เราจะคลิกนั้น กลับกลายเป็นเรายังคลิกที่หน้าต่างอันแรกที่กำลัง Active อยู่ ซึ่งมันสร้างความรำคาญกับผมไม่น้อยเลย บางที Resize แบบเต็มจอพอดี (ไม่ใช่ Maximize แค่ยืดหน้าต่างให้เต็มจอพอดี) มันก็จะไม่สุดขอบ ซึ่งมันจะยังมี 7 พิกเซลนั้นให้เห็นทะลุไปที่ด้านหลัง
อันที่จริงไม่ต้องทำขอบบาง 1 พิกเซลก็ได้ด้วยซ้ำ สมัย Windows XP ขอบถือว่าบางอยู่แล้ว (บางกว่า Windows Vista,7,8) เพราะ UI Luna ของ WIndows XP มันหนาแค่ 4 พิกเซลเท่านั้นเอง และถ้าเห็นหน้าต่างแบบ Mini Windows ก็บางแค่ 1-2 พิกเซล แถมเมาส์ไม่โดนหลอกด้วย เพราะเป็นไปตามขอบหน้าต่างโปรแกรมนั้นจริงๆ
แต่ตอนที่เอามาแบ่งซ้ายขวา มันก็ชิดสนิทกันปกตินี่ครับ
หรือผมเข้าใจอะไรผิด?
มีคนเป็นเหมือนผมเลย ไอขอบหลอกๆนี่มันแย่จริงๆใช้งานแล้วหงุดหงิดแบบคุณว่ามาเลย
อยากให้win10 เปลี่ยน theme ได้แล้วก็มีtheme 98,me,xp,vista,7 บันเดิลมาให้เลย อยากรุ้จริงๆuserส่วนใหญ่เค้าจะใช้อะไรมากกว่ากัน
The Last Wizard Of Century.
ผมว่าที่ Windows เปลี่ยน UI เยอะเพราะว่าตอนแรกกะทำเพื่อระบบสัมผัสด้วย แต่คงไม่รุ่งเท่าไร แถมทำแบบไม่เสร็จด้วยเพลียจริง
ส่วน MacOS นี่นิ่งจริงเหมือนเดิมมากปรับโทนนิดๆ
UI MacOS นี่นิ่งจริงครับ
แต่UIพวกแอพต่างๆของพี่แกนี่ นับวันยิ่งใช้ยาก ยิ่งงงครับ ชุดiWork นี่ตัวดีเลย ขยันเอาเครื่องมือไปซ่อนลึกๆจัง ทั้งๆที่ว่างก็เหลือเป็นทุ่ง
ไหนจะพวกชุดiLifeอีก ตอนPhotos มาแทนiPhotosใหม่ๆ งงเป็นไก่ตาแตกกันหมด GBก็งงขึ้นเรื่อยๆ
iTune ก็อีกตัว ของเดิมคลิกปกอัลบั้ม ก็เห็นเพลงข้างในครบๆแล้ว แต่ของใหม่ อัลบั้มไหนเพลงเยอะๆ ก็เลื่อนหากันไป เอาพื้นที่ว่างมาแสดงผลภาพปกใหญ่ๆ แทนที่จะเอามาใส่เพลง
ไหนจะพวกDisk Utility มันก็ไม่ใช่อะไรที่คนใช้กันบ่อยอยู่แล้ว พี่แกยังเปลี่ยน เปลี่ยนทั้งวิธีใช้เลย แทนที่จะปรับโทนเหมือนให้เหมือนกับOSก็พอ
เฮ้อ
จะดีหรือจะแย่เนี่ย
โปรแแกรม -> โปรแกรม
Mekokung's Story บล็อกส่วนตัวที่ย้ายไป Blogger แล้วนะ