แม้โลกไอทีองค์กรย้ายมาสู่ยุคคลาวด์เรียบร้อยแล้ว แต่โลกของคลาวด์เองก็ยังมีตัวเลือกมากมาย (แม้ในค่ายเดียวกันเอง) ผู้ใช้อาจสับสนระหว่างการเช่า VM ทั้งตัวหรือรันใน Container รวมถึงบริการแนวคิดใหม่ๆ อย่าง Serverless ที่ไม่ต้องเปิดเครื่องรันค้างไว้ตลอดเวลา

กูเกิลเขียนบล็อกอธิบายข้อแตกต่างเหล่านี้ของบริการในเครือ Google Cloud Platform (GCP) ทั้งหมด 4 ตัว ได้แก่

• Compute Engine (รัน VM ทั้งตัว)
• Kubernetes Engine (รันแอพใน Container)
• App Engine (PaaS บนสภาพแวดล้อมกึ่งสำเร็จ)
• Cloud Functions (Functions as a Service หรือ FaaS สำหรับงาน event-driven)

หลักการเลือกระบบเซิร์ฟเวอร์จากตัวเลือกทั้ง 4 แบบ ขึ้นกับระดับของ abstraction ที่เราต้องการ เช่น Compute Engine เป็นการเช่ารัน VM เหมือนเซิร์ฟเวอร์ปกติ บริหารจัดการทุกอย่างได้เอง แต่ก็มีข้อเสียเรื่องทรัพยากร เหมาะสำหรับการย้ายแอพพลิเคชันที่มีอยู่แล้วมาสู่คลาวด์ ส่วน App Engine หรือ Cloud Functions มีส่วนที่เราต้องจัดการเซิร์ฟเวอร์เองน้อยกว่า คล่องตัวกว่า แต่ก็ปรับแต่งได้น้อยกว่าเช่นกัน

กูเกิลแนะนำว่าถ้าไม่จำเป็นต้องยุ่งกับระบบเซิร์ฟเวอร์มาก ก็ควรใช้บริการที่มี abstraction สูงๆ เพื่อให้นักพัฒนาโฟกัสกับการพัฒนาแอพเพียงอย่างเดียว กรณีของ Cloud Functions นักพัฒนาสนใจแค่สร้างโค้ดให้ตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่ระบุเท่านั้น ไม่ต้องสนใจอย่างอื่นเลย

ตัวอย่างของกูเกิลลองสร้างแอพ Hello World ด้วย Node.js บนบริการทั้ง 4 ตัวเพื่อทดสอบระยะเวลาที่ใช้ตั้งแต่เริ่มเรียนรู้จนถึงรันแอพขึ้นมาได้ พบว่า Kubernetes Engine ใช้เวลานานที่สุด 6 ชั่วโมง ตามด้วย Compute Engine 4.5 ชั่วโมง, App Engine 1.5 ชั่วโมง และ Cloud Functions ใช้เวลาเพียง 15 นาที (ระยะเวลาขึ้นกับประสบการณ์ของแต่ละคนด้วย)

รายละเอียดอ่านได้จากโพสต์ของกูเกิลบน Medium

ที่มา - Google Cloud Platform Blog