ผลกระทบจากกฎ GDPR ของยุโรป ทำให้สัปดาห์นี้เราได้อีเมลแจ้งเตือนจากเว็บไซต์และบริการออนไลน์จำนวนมาก ว่าปรับนโยบายความเป็นส่วนตัวให้สอดคล้องกับ GDPR แล้ว (GDPR คืออะไร?)
แต่ในด้านกลับก็มีเว็บไซต์อีกจำนวนมากที่อาจปรับตัวรับมือกับ GDPR ไม่ทัน และเมื่อ GDPR มีข้อกำหนดไว้ว่าถึงแม้อยู่นอกยุโรป แต่ถ้าให้บริการแก่คนยุโรป ก็ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขใน GDPR ด้วย ด้วยเหตุนี้ทำให้เว็บไซต์เหล่านี้แก้ปัญหาด้วยการบล็อคคนยุโรปซะเลย
ตัวอย่างเว็บไซต์เหล่านี้มีทั้งหนังสือพิมพ์ชื่อดังของสหรัฐอย่าง Chicago Tribune และ LA Times ที่ขึ้นหน้าแจ้งเตือนว่า กำลังอยู่ระหว่างการรีวิว GDPR และเตรียมตัวปฏิบัติตาม ก่อนหน้านี้บริการออนไลน์ Instapaper ก็ประกาศหยุดให้บริการแก่คนยุโรปด้วยเหตุผลเดียวกัน
หลังเกิดเหตุการณ์นี้ Andrea Jelinek ประธานของ European Data Protection Board ซึ่งเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแล GDPR ให้เกิดการบังคับใช้จริง ก็ออกมาวิจารณ์ว่ายุโรปให้เวลานานมากแล้วในการเตรียมตัวรับ GDPR
ที่มา - The New York Times
Comments
E-mail เข้าตรึมเลยช่วงนี้ เพราะหลายเว็บแจ้งปรับ Term ใหม่
รำคาญมาก 5555 ไม่เกี่ยวกับเราๆ ก็ส่งมา เหอะ
เอาจริงๆเมล์ที่ส่งมาเกี่ยวกับเราๆหมดละครับ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ในฐานะผู้ใช้บริการควรอย่างยิ่งต้องอ่านข้อตกลง ซึ่งมีสัญญาผูกพันธ์กันอยู่
(ผมยังจำไม่ลืมอ่านไปเจอ bitbucket เขียนข้อตกลงไว้กว้างเกินควร และโชคดีไม่ใช่เฉพาะผมคนเดียวที่สังเกตเห็น)
ใช่ ปกติ agreement พวกนี้มันยาวอ่านลำบาก แต่อาศัยโอกาศนี้ GDPR บังคับใช้มีสรุปประเด็นสำคัญข้อตกลง ให้ผู้ใช้อ่านง่ายขึ้น ยิ่งควรสนใจไว้
ระว่าง => ระหว่าง
ให้เวลาเกือบ 2 ปี
ทำเป็นปรับตัวช้า ก็เพราะจะเอาคืน EU เหมือนกันหล่ะมั้ง และหลีกเลี่ยงค่าปรับด้วย เพราะออกกฎหมายมากดดันบริษัทอื่นๆเรื่อยๆนิ ถ้าวุ่นวายขนาดนี้ต้องมีคนของ EU บ่นบ้างหล่ะ ไปไหนไม่ได้ ทำอะไรเกี่ยวกับพวกนอก EU ก็ไม่ค่อยได้ โปรแกรม chat ติดต่อกันข้ามโลกนี่เหมือนโดนตัดขาดเลยมั้งงั้น รอดูว่าใครจะทนไม่ได้ก่อนกันระหว่างบริษัทที่ต้องการรายได้จากประชากรใน EU กับ ประชากรใน EU เองที่ต้องใช้งานอะไรแทบไม่ได้เลยสักพัก
เอาคืนยังไง ในเมื่อพวกเจ้าที่หยุดนี่ไม่ใช่บริการหลักเจ้าใหญ่อย่าง Google Twitter Facebook แล้วแอพแชทอย่าง Whatsapp ก็ใช้ได้ Spotify ก็ยังใช้ได้เลย แค่หนังสือพิมพ์เข้าไม่ได้สักเจ้านึงคงไม่ได้ทำให้คนเดือดร้อนขนาดนั้นหรอก
คิดจะเอาคืนก็เสียลูกค้าละครับ
ผมเห็นบางคนพูดว่า ถ้าไม่มีสาขาในยุโรป ก็ไม่ต้องทำตาม GDPR ก็ได้ เดาว่าเหตุผลคืออำนาจศาลอาจจะไม่ครอบคลุมบริการที่เปิดในต่างประเทศ
อีกอย่างคือ กฎหมายเรื่องข้อมูลส่วนตัว ก็มีของจีนและของรัสเซียที่เขียนในทิศทางเดียวกันอยู่ แต่ก็ไม่เห็นจะมีใครออกมาเต้นเท่า GDPR
แต่ผมทำงานบริษัทใน UK ก็โดนสองเด้งอยู่ดี (ฮา)
จากข่าวแค่ดันมีคนยุโรปสมัครบริการ GDPR ก็จะตามไปคุ้มครองทันทีนิครับ ไม่น่ารอดกัน
EU Commission บอกว่าแบบนี้ไม่นับครับ เราอยู่ของเราดี ๆ คนยุโรปมาใช้เองไม่นับ ต้องมีการเจาะกลุ่มคน EU โดยเฉพาะมากกว่านั้น เช่นมีเว็บไซต์เป็นภาษาของประเทศใน EU โดยเฉพาะ หรือรับจ่ายเงินเป็นสกุลใน EU ถึงจะตามไปคุ้มครอง
จากที่อ่านๆมาผมพอเข้าใจแล้วว่าทำไมค่าเงิน EU ดิ่งลงจังแต่น่าจะชั่วคราวแหล่ะ จนกว่าเว็บพวกนี้จะกลับมาให้บริการอีกครั้ง จึงจะเกิดการซื้ออขาย คอนเท้นเป็นเงิน EU อีกครับ พวกที่ปิดการเข้าถึงกับคน EU เป็นพวกส่วนน้อยนี่นะพวกเว็บใหญ่ๆรองรับกันหมดแล้ว คนใน EU คงไม่สะเทือนกันหรอก