ก่อนหน้านี้ Spotify ร่วมกับ Hulu ทำโปรโมชั่นสองแพลตฟอร์มราคาเดียว 12.99 ดอลลาร์ต่อเดือน และล่าสุด ดูเหมือนว่าความร่วมมือจะไม่หยุดแค่นี้ เมื่อ Spotify อาจเพิ่ม อ่านอีบุ๊ก Scribd เว็บไซต์รับฝากไฟล์ PDF เข้ามาในแพ็กเกจพรีเมี่ยมด้วย
ภาพจาก Scribd
มีผู้ใช้งานพบว่า Spotify ส่งแบบสอบถามผ่านแอพพลิเคชั่น ถามพฤติกรรมผู้บริโภค เช่น การฟังเพลง การดูหนัง การอ่านหนังสือ รวมทั้งการฟังพอดแคสต์ ว่า ใช้งานบ่อยแค่ไหน อ่านอีบุ๊กผ่านช่องทางไหนบ้าง โดยมีชุดคำตอบให้เลือกคือ Playster, Scribd, Amazon Prime, Downpour, Otto, Audiobooks.com, Kindle unlimited, Audible, Kobo และอื่นๆ
และมีหน้าจอหนึ่งระบุว่า ให้ผู้ใช้ลองจินตนาการว่าถ้ารวมโปรโมชั่นพรีเมี่ยมได้ทั้งฟังเพลง Spotify, ดูหนังจาก Hulu และอ่านอีบุ๊กจาก Scribd 1 เล่มต่อเดือน โดยเพิ่มราคาอีก 2.99 ดอลลาร์ ผู้ใช้สนใจหรือไม่
.@Spotify to offer @hulu or @Scribd in addition to the premium plan ? pic.twitter.com/pW1ijxEbLE
— Kevin Natanzon (@kevntz) 3 พฤษภาคม 2561
การโยนหินถามทางของ Spotify ครั้งนี้ ไม่ได้หมายว่าว่าดีลนี้จะเกิดขึ้นทันทีทันใด ในขณะที่เจ้าอื่นก็รวมการเสพคอนเทนต์หลากหลายเข้าไว้ที่เดียว ไม่ว่าจะเป็น Amazon, Apple, Google จึงถือเป็นโอกาสของทั้ง Spotify, Hulu, Scribd ในการสู้กลับ
ที่มา - TechCrunch
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Hiring! บริษัทที่น่าสนใจ
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- Kubernetes คืออะไร [Part 1] เกิดขึ้นมาอย่างไร? ทำไมต้องใช้มัน? | Cloudnone EP.14
- CI/CD ยังไงดี ตั้งเซิร์ฟเวอร์เอง vs เช่าคลาวด์ | Cloudnone EP.13
- รู้จักโน้ตบุ๊กบนคลาวด์ เช่าใช้งาน Jupyter Notebook ที่ไหนดี | Cloudnone Ep.12
- สรุปข่าวใหญ่ปี 23 และคาดการณ์เทรนด์ปี 24 ในวงการ Cloud | Cloudnone EP.11
- สรุปของใหม่และสาระสำคัญจาก AWS re:Invent 2023 | Cloudnone Special EP
Comments
อยากอ่าน lightnovel ญี่ปุ่น แปลไทย จ่ายรายเดือน
แค่แบบ E-book ยังหายากเลยครับ สนพ.พี่ไทยนี่ยึดติดกับรูปเล่มมาก
+1 เอาจริงๆ ถ้าพี่เค้าขายแบบที่เอามาอ่านบน Kindle ได้นี่ผมยอมจ่ายหมดอ่ะครับ เปลืองค่าชั้นวางหนังสือ แพงกว่าเล่มละ 10% ผมก็ยอมนะ ยอมรับว่าอ่านเป็นเล่มมันมีข้อดีกว่าหลายอย่างแต่คือไหนจะค่าชั้นหนังสือ ต้องประกอบชั้น หาที่วาง แล้วต้องคอยปัดฝุ่นอีก ไม่คุ้มกับความรู้สึกว่าได้จับเป็นเล่มๆ เลย
อ่านความเห็นที่ 46แล้วก็สิ้นหวังกับวงการหรือทิศทางการเติบโตไปเลยครับ
e-reader เองก็ไม่แพร่หลาย, แพลตฟอร์มแต่ละที่ก็โคตรผูกขาด แถมประสบการณ์ในการใช้แพลตฟอร์ม(ของไทน)อ่านนี่แทบติดลบทุกแพลตฟอร์ม, publisher เองก็ทำ ebook แบบขอไปทีอีกตะหาก
คือตอนนี้พยายามสะสมเป็น ebook แทน เพราะได้รับบทเรียนจากการย้ายที่อยู่หลายครั้งแล้ว ว่าการมีหนังสือเป็นร้อยๆ เล่ม มันสร้างความลำบากให้ชีวิตมากๆ แต่พอพูดไป คนไม่ค่อยจะสนใจกันหรอก ก็บอกแต่ว่าอ่านบนกระดาษมันได้ฟีลลิ่งกว่า มันถูกนะ แต่ข้อเสียมันก็มีไง และมันเป็นข้อเสียที่กระทบกับเราเต็มๆ
ก็คิดแบบคห. ที่ว่ากันซะหมดนี่แหละครับ เฮ้อ
เอาจริงๆ ตอนนี้เป็นกระดาษแล้วสภาพต่างกันเหรอ ก็ไม่นะครับ คนซื้อน้อยกว่าด้วยซ้ำ ดูแบบ Netflix เป็นตัวอย่างก็ได้ ในเมื่อความสะดวกมาคนพร้อมจ่ายก็เยอะ นี่คือจ่ายก็ลำบาก แต่พวกเถื่อนยังไงมันก็เหมือนเดิมนั่นแหละ บางคนไปเถื่อนเพราะแค่เอาสะดวกด้วยซ้ำ
ใช่ครับ ความจำเป็นมันไม่เหมือนกัน ยิ่งพวกซื้อแหลกอ่านแหลกนี่จะรู้กันดีว่ามันกระทบมาก
ผมยังไม่เดือดร้อนกับย้ายครับ (ยังไม่เคยย้ายหลังจากมีเยอะ) แต่ตอนน้ำท่วมปี 54 นี่คือเละไปหลักร้อย ? คุณแม่น้ำตาซึมเลยหนังสือที่สะสมมาเป็นสิบๆ ปี
มาแบบ Apple iBook ใน iPad ผมก็เอานะ ชอบโมเดลการขายของเค้า ทุกวันนี้ใน iBook ของผมเองมีแต่ไฟล์ pdf ที่ไปโหลดเถื่อนมา ถ้ามีแบบถูกลิขสิทธิ์ผ่านแพลทฟอร์มของแอปเปิล ผมก็ยอมจ่ายนะ เสียดายที่ iBook Store เค้าไม่ทำตลาดในไทยมากๆ
-เซิฟเวอร์มันใช้ platform ของคนอื่นครับ เช่น meb, ebook.in.th, ookbee ฯลฯ ส่วนเรื่องค่าลิขสิทธิ์ เข้าใจว่าแบบใหม่นี่มันพ่วงแบบ ebook มาด้วยอยู่แล้วนะ
-คนมีจ่ายมันก็จ่าย แต่คนมีแต่ไม่อยากจะจ่ายมันก็อ่านเถื่อน เรื่องเงินคงไม่ใช่ประเด็นมากเท่ากับว่ามันไม่มี supply รองรับ
-ผมมั่นใจเหลือเกินว่ามันเป็นความผิดของแพลตฟอร์มไทยที่ไม่ยอมทำให้อ่านบน e-reader ได้ และการยึดติดกับแพลตฟอร์มมากเกินไปด้วย คือไม่มี epub แต่ต้องไปอ่านผ่าน player ที่เขียนกันด้วย flash เร็วส์แทน แถมทาง publisher เองตอนทำเป็น ebook ก็ไม่ได้ทำให้ประสบการณ์การอ่านแบบ ebook อีกตะหาก เช่น เพิ่มลดขนาดตัวอักษรไม่ได้ ต้องกดขยายเอาอย่างเดียว เอาไฟล์สำหรับพิมพ์บนกระดาษมาทื่อๆ ลงแพลตฟอร์มจำหน่าย ebook แล้วก็บอกว่าเป็น ebook แล้ว แต่ไม่เคยเอารอยหยักในสมองที่มีอยู่น้อยนิดมาคิดอะไรพวกนี้ แล้วประสบการณ์ในการอ่านมันจะดีได้ยังไง
อย่าคิดไปเองครับ
ของสยาม กับ วิบูลย์ ผมจำได้ตั้งเซิฟแยกนะครับ
เพราะมีเรื่องขายขาดด้วย กับ แปลรายอาทิตย์ด้วย
ผมถึงพูดได้ว่าแพงเพราะ เห็นยูคิวโฮลเดอร์
ตอนละ 19 ยาทตอนเป็นรายสัปดาห์
ไททัน 35 มั้งถ้าจำไม่ผิด(ผมจำลิ้งไม่ได้ละ)
ไอ้อุ๊คบี meb ผมว่ามาทีหลังด้วยเผลอๆต้อง
เสียค่าลิขสิทธิ์ซ้ำซ้อนอีกเพราะอาจจะเข้าค่าย
เช่าช่วงด้วยซ้ำ
เท่าที่ผมคลุกคลีมาไม่พ่วงครับลิขสสิทธิ์อีบุ๊ค
ต้องขอแยก แล้วเรื่องที่พอจะขายได้มันเล่มที่เท้าไหร่กันแล้วละคนมีกำลังเค้าก็ไม่ซื้อหรอกครับ
ผมก็ไม่ซื้อเพราะแพงมากๆ
ขอบคุณที่ให้ข้อมูลครับ
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมบ้านเราไม่ทำฟอแมต .epub กัน เห็นทำเป็น.pdf ออกมาอย่างกับไฟล์ที่ scan แล้วมันออกมาเป็น pdf พอมาแบบนี้็ซื้อไม่ลงละครับ
+1 เผลอตัวซื้อมาจากค่ายนึง ผมก็นึกว่าเคยนี้ทำ e-book แล้วหรอ แถมเรื่องนี้ยังไม่มีในร้านหนังสือด้วย ก็จัดเลยยย สุดท้ายสแกนมาแล้วลงในแพลคฟอร์มอีกที
ถามว่าโกรธไหมก็ไม่ แต่เสียความรู้สึกมากกว่า... เฮ้ย E-book สิไม่ใช่สแกนแล้วตีว่าเป็น e-book ได้ไง!
ปบ. แพลตฟอร์มที่ว่าคือ โคมิโค่ครับ ได้อ่านแบบเลื่อนลงยาวๆแล้วสนุกดี
Mekokung's Story บล็อกส่วนตัวที่ย้ายไป Blogger แล้วนะ
เห็นกลุ่มคนรักการ์ตูนไพเรทก็บอกว่า สนพ.ลิขสิทธิ์ก็ทำต้นฉบับด้วยการเอาหนังสือมาสแกนนะ ถ้าเป็นเราจะต่อรองให้ได้ไฟล์ดิจิตอลต้นฉบับที่ญี่ปุ่นใช้พิมพ์ ถ้าไม่ได้ก็ไม่ซื้อ และก็อีบุ๊คค่ายอุ๊คบีบอกการ์ตูนในนั้นเขาต้องสแกนเอง สนพ.ไม่เก็บไฟล์ดิจิตอลไว้
+1
ผมเองยังลุ้นอยู่ว่า J-Novel Club จะไปรอดไหมในตลาดตปท. ไม่ว่าจบยังไงก็คงใช้เป็นกรณีตัวอย่างได้สำหรับค่ายในไทยหากสนใจทำตามบ้าง
กดตามเข้าไปดูแล้วก็เพิ่งนึกขึ้นได้ หลายๆ เรื่องมันก็มีใน Kindle ทำไมผมไม่ซื้อทางนั้นนะ ออกเร็วกว่าในไทยด้วย - -"
เป็นกำลังใจในการฝึกภาษาอังกฤษ สมัยนี้พูดอังกฤษไม่ได้อยู่ยากจริงๆ
Scribd ++++
The Dream hacker..
ไม่ได้หมายว่าว่า -> ไม่ได้หมายความว่า