จากปัญหาช่วงที่ผ่านมาของ Facebook ซึ่งตอนนี้เรื่องไปจนถึงว่าซีอีโอ Mark Zuckerberg ได้ตอบรับเตรียมไปให้การกับคณะกรรมาธิการตุลาการสภาคองเกรสแล้ว อย่างไรก็ตามในฟากของนักลงทุน (ราคาหุ้น Facebook ตกลงกว่า 15% นับตั้งแต่เกิดเรื่อง) ได้เสนอแนวทางคล้ายกันนั่นคือ Mark Zuckerberg ควรลาออก
เริ่มจาก Michael Connor ผู้อำนวยการของหน่วยงานไม่แสวงหากำไร Open MIC ที่ดูแลเรื่องสื่อ บอกว่าท่าทีของ Zuckerberg ช่วงที่ผ่านมาสะท้อนว่าตัวเขาไม่เข้าใจว่าปัญหานี้ใหญ่โตและกระทบต่อสาธารณะมากแค่ไหน อีกทั้งการที่เขาสวมหมวกสองใบคือเป็นทั้งซีอีโอ และประธานบอร์ดควบไปด้วยกัน ทำให้เขาเองควรสละอย่างน้อยหนึ่งตำแหน่งจะดีกว่า
ด้าน Scott Stringer หัวหน้าฝ่ายการคลังของนิวยอร์ก ซึ่งกองทุนของรัฐก็ถือหุ้นใน Facebook ด้วย เรียกร้องให้ Zuckerberg ลาออกจากประธานบอร์ด เพื่อให้คนนอกเข้ามารับตำแหน่งนี้แทน ซึ่งจะทำให้เห็นภาพได้ดีกว่า
อย่างไรก็ตามท่าทีของ Zuckerberg นั้นค่อนข้างชัดเจนว่าเขามั่นใจว่ารับมือและแก้ปัญหานี้ได้ เมื่อรวมกับโครงสร้างบริหารที่เขาถือหุ้น Facebook 16% แต่มีหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงโหวตถึง 60% จึงชัดเจนว่าคนที่จะทำให้เขาลาออกได้ก็มีเพียง Mark Zuckerberg เองเท่านั้น
ที่มา: The Verge
Comments
เห็นผู้ก่อตั้งถูกบีบให้ลาออกแล้วนึกถึงกรณีของ Apple เมื่อก่อนมากๆ จะตามรอยรึไงนะ 555
อันนี้คือให้ลงจากประธานบอร์ดครับ ยังเป็นซีอีโอต่อไป
เขาตั้งของเขามากับมือจะไปไล่ให้เขาลาออก ฟังดูเหมือนพวกขี้อิจฉา ทำไม่ได้อย่างเขาเลยอยากแสดงความเหนือกว่าปกปิดปมตัวเอง
ถ้าไม่พอใจในแนวทางแก้ปัญหาของเขาก็สั่งขายหุ้นที่มีน้อยนิดออกก็จบ เขาทำไม่ดีคนเลิกใช้เดี๋ยวมันก็เจ๊งเอง
คนไม่เคยทำผิดพลาดคือคนไม่เคยทำอะไรเลย
จริง เห็นด้วย
Mark เป็นเจ้าของ facebook อยู่แค่ 1 ใน 5 แค่นักลุงทุนรายใหญ่ๆ 2-3 รายรวมกันก็ถือหุ้นมากกว่า mark ไปแล้ว
mark เป็นคนก่อตั้ง แต่ facebook ไมไ่ด้เป้นของ mark อีกต่อไปแล้ว ไม่แปลกถ้า mark จะโดนปลดจาก CEO (แต่ก็ยังถือเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนบริษัทอยู่เหมือนเดิม)
"มาร์คถือหุ้นที่มีสิทธิ์ออกเสียงมากถึง 60%"
ผ่ามมม!!
เขาถือหุ้น Facebook 16%
ผ่ามม!!
จะไม่ผ่ามๆ ได้ไงล่ะ ก็เม้นบนเค้าพูดถึงจำนวนหุ้น ไม่ใช่เรื่องสิทธิ์ออกเสียง
สงสัยอ่านหนังสือไม่ออก เขาพูดเรื่องปลดมาร์ค คุณจะเอาคนที่มีสิทธิ์รวมกันแค่ 40% มาปลดคนที่มีสิทธิ์ 60% หรอ
ผ่ามมมมมมมมมม!!!!!
ก่อนที่คุณจะมางี่เง่าใช้มุกแซะคนอื่นว่าอ่านหนังสือไม่ออก
อ่านดีๆ เม้นบนเค้าเขียนว่า
"Mark เป็นเจ้าของ facebook อยู่แค่ 1 ใน 5 แค่นักลุงทุนรายใหญ่ๆ 2-3 รายรวมกันก็ถือหุ้นมากกว่า mark ไปแล้ว"
ถ้าคุณเห็นว่าเค้าไม่เข้าใจเรื่อง voting stock ก็ควรอธิบายเค้าดีๆ ไม่ใช่ไปผ่ามๆ ใส่เค้า ซึ่งนั่นก็คือสิ่งที่ผมทำใส่คุณเพื่อให้คุณพิจารณาตัวเอง
ดังนั้นก่อนที่คุณจะมาคิดว่าผมอ่านหนังสือออกมั้ย คุณควรดูก่อนว่าผมเขียนอะไรให้คุณอ่าน ถ้ายังไม่รู้ตัวก็จบ
ปกติผมไม่เคยวอร์กับใครในเว็บนี้นะ แต่ไอ้มุกแซะว่าอ่านหนังสือไม่ออกเนี่ยมันงี่เง่าสิ้นดี
จริงๆ หุ้นที่นักลงทุนที่ถือหุ้นจริงอยู่นี่มันก็มีนัยยะนะครับ
หุ้นส่วนที่ M.Z. ถือมันมี voting power เกือบๆ 10 เท่า
ประมาณเอาคร่าวๆก็ (1610) / (1610)+84
https://www.economist.com/news/business/21729813-multiple-class-share-structures-are-controversial-are-probably-here-stay-facebook-and
เพียงแต่มันต้องใช้กำลังภายในเยอะในการบีบ และเค้าก็คงไม่บีบกันหรอกเพราะบริษัทกำไรดี อยู่ๆไปถอนหุ้นเยอะๆก็ลำบาก มันก็เลยคงไม่เกิดอยู่ดี
--- ตัวเลขจริงๆก็ราวๆนี้
On January 25, 2016 , the registrant had 2,294,939,865 shares of Class A common stock and 551,340,611 shares of Class B common stock outstanding.
ดูสิทธิ์ออกเสียงสิครับ หุ้นคนอื่นเยอะกว่า แต่มีสิทธิ์ได้แค่ผลประโยชน์ไม่มีสิทธิ์ออกเสียงมากเท่า ต่อให้ทุกคนรวมกันหมดก็ปลดไม่ได้ครับถ้า Mark ไม่ยอม มันไม่ใช่หุ้นแบบเดียวกัน
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ถ้าเขาถือหุ้นเขาก็มีสิทธิ์เสนอนี่ เป็นของธรรมดาใรวงการธุรกิจ ถ้ามาร์คถือหุ้นบริษัทอื่นบ้างแล้วผู้บริหารทำราคาหุ้นตกเขาก็มีสิทธิิ์ิ์หมือนกัน เเบบนี้ถือว่าขี้อิจฉาไหมครับ
+1
หุ้นที่ขายออกมาร์คก็ได้เงินไปใช้...แต่ผู้ถือหุ้นออกความเห็นกลายเป็นคนขี้อิจฉา
ตรรกะแปลกดี
+1 ปัญหามีทางออกตั้งหลายทาง
ไม่ควรแก้โดยการไล่ผู้ก่อตั้งออกแบบนี้
มันไม่ใช่ขี้อิจฉาหรือปกปิดปมอะไรหรอกครับ แค่ไม่พอใจในความตกต่ำของหุ้นเฉยๆ นี่แหละ เรื่องการบริหาร ผมว่า Mark เองก็ไม่ได้เก่งเหนือทุกคนหรอก ยังมีคนที่เก่งกว่าอยู่อีกเยอะ การจะขอให้ออกเพื่อที่จะหาคนที่เหมาะสมกว่าเข้ามาแทนมันก็เป็นเรื่องปกติของบริษัทมหาชนทั่วไป
เสนอไม่ผิดหรอกครับตามสิทธิ์เค้า และก็ไม่ใช่ข้อเสนอพิสดารอะไร บริษัทใหญ่ๆ ส่วนใหญ่ chairman ก็คนละคนกับ CEO ทั้งนั้น
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
เฟซบุ๊ก มีหุ้นหลายคลาส กล่าวคือมีหุ้นที่ไม่โหวต กับหุ้นที่โหวตสูงมาก อย่างมาร์คเป็นเจ้าของไม่ถึงครึ่งมูลค่าบริษัท น่าจะสิบกว่าเปอร์เซ็นต์ แต่เสียงโหวตนั้นวีโต้ได้เลยทีเดียว ดังนั้นโหวตไล่เฉยๆ คงทำไม่ออก
ไม่ใช่ว่า Mark ก็จะออกปีหน้าอยู่แล้วหรอ(เพื่อไปทำการกุศลเต็มตัว) ออกตอนกำลังวุ่นๆผมว่าส่งผลเสียมากกว่านะ
อยู่บ้านใช้เงินเลี้ยงลูกหาทำโปรเจคอะไรที่มันสบายดีกว่า
สงสัยว่าทำไมมีสิทธิออกเสียงถึง60% แปลว่าต้องมีการถือหุ้นทางอ้อมจากทางใดทางหนึ่งหรือเปล่า
มีหุ้นที่ไม่มีสิทธิ์ออกเสียงโหวตอยู่เยอะครับ
หุ้นทุนมี 2 ประเภทคือหุ้นสามัญที่ออกเสียงได้ และหุ้นไม่สามัญ(หุ้นบุริมสิทธิ)ที่ออกเสียงไม่ได้ครับ
ประโยชน์ของหุ้นสองประเภทนี้จะแตกต่างกันไป ประเภทแรกสามารถกำหนดแนวทางบริหารได้ ประเภทที่สองมีผลประโยชน์ทางการเงิน(ทั้งทางตรงและทางอ้อม)มากกว่า
แต่โดยปกติแล้วหุ้นประเภทที่สองมักจะไม่ค่อยมีการซื้อขายกัน ดังนั้นอาจเป็นไปได้ว่าตอนมาร์คไปหาเงินลงทุนช่วงแรกนั้นตกลงให้เป็นหุ้นบุริมสิทธิครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
หุ้น Facebook มีสองคลาสครับ
Class A คือ 1หุ้น = 1เสียง (หุ้นในตลาด NASDAQ ชื่อ FB)
Class B คือ 1หุ้น = 10เสียง (ใบแสดงสิทธิ์ ไม่เทรดในกระดาน)
เนื่องจาก "ขี้เกียจ" หาตัวเลข ก็ตีกลมๆว่า A 80%/B 20% ของหุ้นทั้งหมด
โดยใน B นั้นมาร์คถือ 16%
จำนวนสิทธิ์รวมเป็น Percent ก็จะได้ว่า
(A=80) + (B=20*10) = 280 ส่วน
มาร์คถือ 16*10 = 160 ส่วน จาก 280 ส่วน
ก็จะได้ว่าเฮียแกถือสิทธิ์ในการโวต ราวๆ 58%
อะไรประมาณนี้ครับ
แต่จริงๆเลขละเอียดมันก็จะเป็นอีกแบบอะนะ เพราะนอกจากแกจะถือ Class B แล้ว แกยังถืิอ Class A บางส่วนด้วย
+1 informative ครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)