ประเทศนอรเวย์มีการตรากฏหมายภาษีคาร์บอนมาตั้งแต่ปี 1991 ทำให้บริษัทจำนวนมากต้องพบกับต้นทุนที่สูงขึ้นเมื่อมีการปล่อยคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศจากก๊าซที่มีคาร์บอนปนเปื้อนมา ทำให้แท่นขุดเจาะน้ำมัน Sleipner บริเวณทะเลเหนือตัดสินใจติดตั้งเทคโนโลยีใหม่กลับลงใต้พื้นโลกในความลึกหนึ่งกิโลเมตรแทนการปล่อยขึ้นสู่บรรยากาศ
มีการติดตั้งอุปกรณ์เหล่านี้มาตั้งแต่ปี 1996 และหลังจากครบรอบ 12 ปีมานี้อุปกรณ์ชุดนี้ทำหน้าที่อัดคาร์บอนกลับลงใต้พื้นโลกไปแล้วกว่า 10 ล้านตัน คิดจากภาษีคาร์บอนล่าสุดที่ 66 ดอลลาร์ต่อตันแล้วแท่นขุดเจาะนี้ประหยัดภาษีไปได้กว่า 600 ล้านดอลลาร์ (ประมาณสองหมื่นล้านบาท) หักลบกลบหนี้กับการลงทุนแล้วก็น่าจะคุ้มค่าดีไม่น้อย
อย่างไรก็ตามคาร์บอนจากการปั่นไฟบนแท่นและจากกระบวนการผลิตน้ำมันอื่นๆ ก็ยังคงปล่อยคาร์บอนในอัตรา 900,000 ตันต่อปี พอๆ กับที่แท่นขุดเจาะสามารถอัดกลับลงสู่ใต้ดินได้
แนวทางการเก็บกักคาร์บอนลงสู่ใต้ดินเป็นแนวทางที่ยังมีการถกเถียงกันอยู่มากว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่ เพราะมีความเสี่ยงต่อการรั่วไหลในอนาคตได้
ที่มา - PhysOrg
Comments
อืมม เพิ่งจะดูสารคดีจากช่อง Discovery เรื่องนี้พอดีเลย
ว่าอาจจะเป็นอีกวิธีที่จะลดคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศ
สงสัยเรื่องรั่วไหลครับ มันจะเป็นอันตรายกับสิ่งแวดล้อมในระดับไหนครับ ?
ถ้าเป็นพวกยูเรเนียมก็ว่าไปอย่าง
Lastest Science News @Jusci.net
Lastest Science News @Jusci.net
ผมคิดว่าถ้ารั่วมันก็เหมือนกับไม่ได้อัดลงไปตั้งแต่แรกนะครับ
คือถ้ารั่วไหล มันจะเป็นอันตรายกับสิ่งแวดล้อมพอๆกับการที่เราไม่อัดมันลงไปตั้งแต่แรก
PoomK
้ต่อไปมันจะกลายเป็นเพชรใช่มั้ย???
มันไม่ได้กักเก็บเป็น C ลงไปใต้ดินนิครับ มันอยู่ในรูปอื่นไม่ใช่เหรอ (แต่ไม่รู้ว่าอยู๋ในรูปไหน แต่ไม่ใช่คาร์บอนเพียวๆมั้งครับ)