คุณ Kent Walker ที่ปรึกษาของกูเกิลแสดงความคิดเห็นผ่านสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า "อุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีมีปัญหาใหญ่" อันเนื่องจากการต่อสู้ด้วยสิทธิบัตรและใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ เขายังเน้นว่า "สิทธิบัตรซอฟต์แวร์เป็นสิ่งหนึ่งที่ขัดขวางการพัฒนานวัตกรรมใหม่"
คุณ Walker ยังเปิดเผยว่ากูเกิลกำลังมองหาสิทธิบัตรที่บริษัทต้องการซื้อมาเสริมการแข่งขันให้เหนือกว่าคู่แข่ง แต่เขาก็ไม่ได้ให้รายละเอียดว่าว่ากูเกิลจะลงทุนกับการไล่ซื้ออะไรหรือลงทุนมากน้อยเพียงใด ถึงกระนั่นคุณ Walker ยังยืนยันว่า "การซื้อสิทธิบัตรเพื่อการโจมตีคู่แข่งไม่ใช่รูปแบบการต่อสู้ที่ดีนัก แน่นอนคุณอาจไม่ชอบการพูดฝ่ายเดียวของเรา [กูเกิล] แต่หากมองย้อนกลับไปแล้วเราก็ไม่เคยทำสิ่งเหล่านี้มาก่อนเลย"
ก่อนหน้านี้คุณ Eric Schmidt ประธานบอร์ดของกูเกิลได้กล่าวว่า สาเหตุของการที่แอปเปิลได้เริ่มเดินหน้าฟ้องบริษัทผู้ผลิตมือถือ Android แนวหน้าอย่างเอชทีซีและซัมซุงก็เพราะว่าความอิจฉาและขาดการพัฒนานวัตกรรมของตัวเอง (ข่าวเก่า)
ที่มา: สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ผ่าน BGR
เว็บไซต์ BGR ก็ได้เหน็บแนมคำพูดของคุณ Walker โดยอ้างข้อมูลจากเว็บไซต์แห่งหนึ่งที่เปิดเผยว่า ก่อนหน้าที่เขาจะออกมาแสดงความคิดเห็นดังที่ปรากฏไปก่อนหน้านี้ กูเกิลได้ใช้เวลาเพียงสองสัปดาห์เท่านั้นในการซื้อสิทธิบัตรกว่า 1,030 รายการ ไล่ไปตั้งแต่สถาปัตยกรรมของหน่วยความจำและหน่วยประมวลผล ไปจนถึงสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับการโปรแกรมตามหลักการเชิงวัตถุ (object-oriented programming) หรือกระทั่งกระบวนการทางธุรกิจ (business process) ด้วยซ้ำไป
ที่มา: SEO by the Sea ผ่าน BGR
Comments
" กูเกิลได้ใช้เวลาเพียงสองสัปดาห์เท่านั้นในการซื้อสิทธิบัตรกว่า 1,030 รายการ "
ผมว่า Google ถือไว้ดีกว่า Apple MS หรือ Oracle
ถือไว้นะครับ
เวลาดูสาวชอบดูสาวขาวๆ Sex Sex เวลาดู Notebook ชอบแบบ"ถึกๆดำๆ"
Twitter : @Zerntrino
G+ : Zerntrino Plus
+1
โลกธุรกิจ ยังไงมันก็ต้องแข่งขัน ไม่ว่าเจ้าไหนถือครอง เค้าก็ถือครองเพื่อหวังผลทางธุรกิจอยู่ดี
มันก็มี "วิธีการดำเนินธุรกิจ" แบบที่ "สร้างสรรค์นวัตกรรม" กับ แบบที่ "ทำลายล้างนวัตกรรม" แล้วคนควรจะเชียร์ฝ่ายไหน?
Google คงพยายามแก้ปัญหาความ Evil ด้วยการ Evil กว่า
สองสัปดาห์ !! กับการชื้อสิทธิบัตร 1030 ใบ สงสัยชื้อกันง่ายๆ เหมือนโทรสั่งไก่มากินที่บ้านเปล่านิ ?
Google ก้ใช่ย่อย ล่าสุดไปซื้อสิทธิบัตรจาก IBM มาอีกหนึงพันกว่ารายการเชียวนะ http://www.seobythesea.com/2011/07/google-acquires-ibm-patents-in-july/
รีบซื้อใว้กันโดนฟ้องมั้งครับ
จะว่าไปยังไม่เคยเห็น IBM ฟ้องใคร
IBM เป็นอีก 1 บริษัทที่มีน้ำใจงาม
ถ้า IBM มีนโยบายไล่ฟ้องเหมือนกับบริษัทอื่นๆ ในตอนนี้แล้วก็แทบไม่อยากนึกว่าโลกธุรกิจจะวุ่นวายซักแค่ไหน
แค่ลองคิดว่า Oracle มีสิทธิบัตรของ IBM ครึ่งหนึ่งก็เสียวแล้ว
"สิทธิบัตรซอฟต์แวร์เป็นตัวขัดขวางนวัตกรรมใหม่"
อ่านแล้วงงๆ อ่ะ ไม่ใช่ว่าเพราะมีสิทธิบัตร แล้วเป็นการกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาใหม่ๆเหรอ ?
คือ สมมุติใครอยากทำอะไร เกิดติดสิทธิบัตร มีคนคิดค้นขึ้นมาแล้ว ก็ไปคิดอะไรใหม่ๆเสีย อย่าให้เหมือน ซ้ำ ของเดิมๆ
ถ้าไม่มีดิ อันไหนใครทำแล้วขายดี ก็ก็อป ทำกันซ้ำๆ สุดท้ายออกมาตัดราคากัน เจ๊งบ้งหมด .....รอวันที่ใครคิดอะไรใหม่ๆขึ้นมา ..... วงจรอุบาทว์
2 มันมาจาก 1 + 1 ถ้าคุณคิดจะเป็นเจ้าของเลข 2 คุณก็ต้องไปซื้อเลข 1 มาด้วย 0..0
แล้วทำไมไม่เริ่มด้วยตัวเองด้วย 1 ล่ะครับ ???
คิดทำ 1 ไปเรื่อยๆ หลายๆอย่าง มันจะมากกว่า 2 อีกนะครับ น่าภูมิใจด้วย
การไปไล่หา 1 เพื่อมาป้องกันตัวเอง เพื่อไล่ฟ้อง ผมว่ามันออกแนวขี้แพ้ชวนตีซะมากกว่า แทนที่จะเอาเวลาไปคิดทำอะไรใหม่ๆ จริงๆ จังๆ
ผมเข้าใจประเด็นถูกใหมเนี่ย ชักงง
สมมุติ ผมต้องการผลลัพธ์เป็น 5 ผมต้องเริ่มที่ 1 ไปถึง 5 ทั้งๆ ที่ 5 ยังไม่สามารถมีใครพิชิตได้
แต่การที่จะเริ่มต้นใหม่ คงจะมีปัจจัยต่างๆที่หน้าปวดตับและปวดใจ เพื่อที่จะเลี่ยงปัญหาข้างต้นจึงมองหาของฟรี
และ สิ่งนั้นคงเหมาะแก่การนำมาสร้างที่สุดแล้ว ซึ่งกูเกิลคงมีความคิดที่จะนำ แนวคิดในสิทธิบัตรต่างๆ เข้ารวมเป็นสิ่งใหม่อย่างที่เห็นล่ะคับ
! ไม่รู้ผมอธิบายถูกหรือเปล่า สงสัยได้พาไปเที่ยวทะเลแน่เลยฮ่าๆ
ครับ มันมองได้หลายมุมมองมากๆ และมันก็สะท้อนมุมมองของคนมองด้วย
ป.ล. เอ้าถอนสมอ
ปัญหาคือทำ 1 ไปเรื่อยๆมันจะไม่ถึง 2 นะสิครับ แล้วถ้าไอ้คนที่ถือ 1 อันเดิมอยู่ ที่เอาไปทำ 2 ได้ เกิดไม่อยากทำ 2 ขึ้นมาล่ะ
ปัญหาคือมันเป็นเกม
มันคือเกมห้ามนับซ้ำคนอื่น แล้วก็ดันมีคนนับ 1 ไปแล้วในหลายๆ เกม แม้จะอยากนับก็ได้แต่แค่อยาก เพราะกฏมันบังคับ
ถ้าไปนับซ้ำคนอื่นในเกมนั้นๆ ก็โดนฟ้อง
ง่ายที่สุดก็ซื้อสิทธิในการนับ 1 จากคนที่นับแล้วมาเป็นของตัวเอง
ปล.เปรียบเทียบกับการนับ 1 มันเป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะใครๆ ก็คิดว่าตัวเองมีสิทธิที่จะนับ 1 แต่หลายๆ ครั้งในหลายๆ เกมมันก็ดันมีคนบ้าจี้ไปรับรองสิทธิ "ฉันมีสิทธินับ 1 คนเดียว"
สิทธิที่มันครอบจักรวาลแบบนี้เฮียปล่อยมาได้ไงครับ
เพราะ 1 มันเป็นพื้นฐานของทุกสิ่ง
ทุกอย่างเริ่มต้นที่ 0 ครับ
มันไม่ใช่เด็กเลือกทำรายงานส่งอาจารย์ครับจะได้ง่ายขนาดนั้น ธุรกิจโหดร้ายกว่านั้นเยอะ
เพราะเวลาเขาจดสิทธิบัตรจะไม่ได้จดง่ายๆแค่ของที่ตัวเองทำ บางทีจะจดไว้กว้างมาก เช่น ทำจักรยานขึ้นมาแต่กำหนดว่าเป็นรถ 2 ล้อ ถ้าวันนึงคนทำรถมอเตอร์ไซขึ้นมาก็โดนครับ(ของจริงจะมีรายละเอียดกว่านี้นะครับอันนี้ตัวอย่าง) ถ้าเจตนาดีแค่คุ้มครองสิ่งที่ตัวเองสร้างพอใครทำอะไรที่ไม่เหมือนของตัวเองจนเกินไปแล้วไม่ฟ้องอันนี้ก็โอเค แต่ประเด็นตอนนี้คือมันบางกลุ่มฟ้องกันแหลกครับอันเกี่ยวเอาหมด จริงๆผลว่าจะพัฒนาไม่พัฒนามันก็ต้องดูที่เจตนาแหละ
ถ้าบริษัทใหญ่ๆโดนก็สู้กันไปแต่ถ้าบริษัทเล็กโดนฟ้องแล้วบริษัทเหมือนโดน freeze ไว้ทั้งบริษัทอันนี้ลองคิดดูว่าบริษัทที่เพิ่ง startup หรือยังโตไม่พอโดนไปแป๊ปเดี๋ยวก็ล้มแล้วครับ ส่วนบริษัทใหญ่ๆแทนที่เขาจะจ้างแค่โปรแกรมเมอร์ต้องมาจ้างทีมกฏหมายอีกเท่าไหร่ ลองคิดเป็น cost ในการพัฒนาดูครับคิดง่ายๆก็เงินเดือนทีมกฏหมายปีนึงเท่าไหร่ไปแล้ว ไหนจะบางอันที่มันเสี่ยงจะโดนหรือไม่โดนที่เขาเลือกจะไม่มาจับอีก
อีกประเด็นก็คงเป็นเรื่องว่าถ้าเขาจะเริ่มจาก 1 ใหม่ลองคิดดูว่าถ้า product มันพร้อมขายที่ 10 กว่าบริษัทจะได้กำไรจากการลงทุนครั้งนี้มันยาวขนาดไหน สมมุติถ้าคุณจะพัฒนาซอฟต์แวร์ที่รันบน Java แล้วภาษานี้มีสิทธิบัตรคุณจะคิดง่ายๆว่างั้นทำภาษาใหม่สิงั้นหรอ ถ้า ณ วันนี้ภาษา C ยังเป็นสิทธิบัตรเฉพาะของที่ไหนซักที่ไม่ให้ที่อื่นเอาไปใช้แล้วยังไม่มีใครมีเงินมาลงทุนพัฒนาภาษาอื่นแทนคงนั่งเขียนเว็บด้วย assembly กันงั้นสิครับ ถ้ามันขำๆแบบเขียนโปรแกรมแข่งกับเพื่อนคงคิดง่ายๆแค่ว่ามันน่าภูมิใจได้ครับ
การปกป้องนักพัฒนามันก็ต้องมีแต่ว่าถ้ามีใครใช้ช่องแบบนี้ก็จะเป็นอย่างที่เขาว่าในข่าวนั่นแหละครับ
โจฮานน่า บล๊ากเล่ย์: บทเรียนจากวัฒนธรรมแฟชั่นเสรี
http://www.ted.com/talks/lang/tha/johanna_blakley_lessons_from_fashion_s_free_culture.html
ผมว่าเอามาเทียบกันลำบากอยู่น้ออ นั่งฟังตั้งนาน สุดท้ายก็แค่เพราะมันควบคุมลำบาก เรื่องการตัดเย็บ การเลือกใช้เนื้อผ้า แต่สุดท้ายก็ยังติดลิขสิทธิ์ที่โลโก้อยู่ดี
ถ้าออกแบรนด์ตัวเอง LV เหมือนหลุยส์ ขายกระเป๋า แต่ของผมย่อมาจาก Level up ได้ใหม ตัดเย็บให้ดีกว่า จุได้มากกว่า ถือว่าเป็นการหยิบไปพัฒนาหรือ 1+1 ได้ใหมครับ
ขายไม่ดีก็คงเหมือนกระเป๋าก็อปทั่วไปแบบในคลิปกล่าวถึง
แต่สมมุติว่า ขายดีจริง ตีตลาดโลกได้จริงๆ ขายดีจนหลุยส์จริงไม่มีคนซื้อ เค้าจะมาฟ้องผมใหมครับ
ขนาดทุกวันนี้มีลิขสิทธิ์ ยังมี ipod iphone ปลอม(ทำเหมือน)มาให้ได้เลือกใช้เลย คาดว่ามาจากการต่อยอด เสิรมสร้างจินตนาการจากแบนด์ดังๆเช่นกัน ซึ่งผมว่ามันก็กรณีเดียวกับ Neki DKYN Frada coocci นั่นแหละ
ถามกลับว่า ถ้าในของ 1 ชิ้นอาจจะประกอบด้วยน 108 1009 นวัตกรรม
และ 1 ในนั้นเป็นนวัตกรรม "ใหม่" ที่คุณคิดขึ้น 107 1008 ที่ไปเอาของเขามา ทำไง?
ผมเชื่อว่าทุกวันนี้มันก็เป็นอย่างนั้นอยู่นะครับ โดนจับไม่ได้ก็แล้วไป โดนจับได้ก็โดนฟ้อง เรียกค่าเสียหายกันไป วินโดวส์ ยังมี ไลเซนส์เลย จะไม่ให้ค่านวัตกรรมทางความคิดเลย ฤ
แล้วสมมุติว่า ไปเอาของคนอื่นมา 107 1008 จริงๆ ก็อย่าทำมันเลยครับ ไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลยซะขนาดนั้น ไปขายเต้าฮวยดีกว่า
เต้าฮวยมีลิขสิทธิ์ป่าวหว่า ???
license วินโดว์สำหรับผู้ใช้งานต้องจ่ายครับ ส่วนสิทธิบัตรสำหรับผู้ผลิต ผมว่าคนละอย่างกัน
แล้วนวัตกรรมใหม่ 1 อย่างที่คุณคิดขึ้นมาได้ ที่ผมถามไป มันหายไปได้ยังไงหว่า....
ผมเห็นคุณงงๆ เลยตั้งคำถามให้ลองตอบเผื่อจะหายงง
สิทธิบัตร != สิทธิบัตรซอฟต์แวร์
ดี จะได้เอาไว้เป็นเกราะป้องกันตัวมั่ง
ปล.อย่าไปไล่ฟ้องคนอื่นโดยที่ยังไม่ได้ผลิตซะละ
ทำให้เปิดอ่านเมล์คนอื่นยากขึ้นรึเปล่า :P
ก้เพราะถ้าไม่มีสิทธิบัตรใครก้เอาความีิดของเราไปใช้ได้โดยไม่ต้องขอ แล้วถ้าเอาไปทำในเรื่องไม่ดีเราก้โดนนะสิ
การจดสิทธิบัตร ของ IT รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ต่อไป รายย่อยๆ คงไม่มีทางเกิดใหม่ได้แล้ว
แค่จดชื่อตั้งบริษัท ก็โดนฟ้องแล้ว
นั่นแหละครับที่บทความพยายามสื่อ
หลังๆมาเห็นแต่รายเล็กๆ ขายไอเดีย แล้วรอให้ตัวเองโดนซื้อ
2 สัปดาห์กับ 1030 รายการ เอ่อ.....ทำได้เนอะ
By @iPoohs
Visit My blog
"Stay hungry.Stay foolish" -Steve Jobs
ต้องมีไว้เยอะๆเป็นไม้กันหมา
มันจะขัดขวางก็ต่อเมื่อ เจ้าของสิทธิบัตร ไม่ยอมพัฒนานวัตกรรมของตัวเองแต่พอคนอื่นพัฒนาได้ก็ไปฟ้องขัดขวางเขาสะนี่ - -
ติ๊กต็อก Tick-Tock
เห็นด้วยกับ Google นะ
แต่อีกมุมนึง ก็ต้องปกป้องคนที่เค้าอุตส่าหคิดค้นมันขึ้นมาจริง ๆ ด้วย กฎหมายนี้ คิดว่าตั้งใจร่างขึ้นมาเพื่อปกป้องคนที่คิดค้นนวัตกรรม แต่คนนั่นเอามาใช้หักล้างกัน มันก็เลยเป็นเช่นนี้นี่แหละ
สรุป ผมอยากจะบอกว่ากฎหมายเรื่องสิทธิบัตร ควรจะปรับปรุงได้แล้วนะ เพราะถ้าสถานการณ์ไล่ซื้อสิทธิบัตร ไล่จดสิทธิบัตร แล้วไปฟ้องบริษัทนั่น นี่ไปทั่ว มันคือเครื่องมือขัดขวางการคิดค้นใหม่ ๆ จริง ๆ
รอดูบทสรุปของเรื่องนี้
สิทธิ์บัตรมันจะทำลายเศรษฐกิจป่าวอ่ะ
ซื๊อกันเป็นล้าน แต่ไม่ได้มีผลิตภัณฑ์อะไรออกมาจริง ได้แต่สิ่งสมมุติขึ้น
เหมือนเกิดเงินเพิ่มเข้ามาในระบบปริมาณมากทั้งที่จริงๆ ก็ไม่ได้มีสินค้าอะไร
จุดประสงค์ของกฏหมายข้อนี้คือการปกป้องไอเดียและผลงานที่ได้ค้นค้วาคิดค้นและสร้างขึ้นมาใหม่ แต่พอมาเจอแบบขอจดทะเบียนจากไอเดียที่คิดได้แบบกว้างๆแต่ยังส้รางไม่ได้จริงด้วยซ้ำหรือการจดทะเบียนจากความสามารถพื้นฐานทั่วไปที่ยังไมมีใครไปขอจดทะเบียนก่อนพอมีคนไปจดทีหลังแต่ได้การรับรองมาก็กลายเป็นจุดอ่อนของกฏหมายข้อนี้ทันที ไม่แปลกหรอกครับที่ google จะออกมาวิจารณ์อย่างนี้เพราะกฏหมายข้อนี้เริ่มถูกนำมาใช้อย่างผิดจุดประสงค์หลักที่ตั้งไว้แต่แรก
....ผมมองไอ้พวกที่มีสิทธิบัตรอยู่ในมือแล้วไม่ก่อให้เกิดการพัฒนาเนี่ยสู้ให้คนที่เค้าเอาไปพัฒนาได้ไม่ดีกว่าเหรอดีกว่ามาห่วงผลประโยชน์ที่ตัวเองคิดไม่ได้ทำก็ไม่ได้แถมจดไว้กว้างๆ เหมือนจะรอดักฟ้องอย่างเดียว
มันวนเป็นงูกินหางอะครับ
ค่ายใหญ่ๆ มีสิทธบัตรเยอะ ไช้เป็นเครื่องมือกีดกันไม่ให้มีคู่แข่ง ลอบบี้ให้สิทธ์บัตรอยู่ใด้นานๆ เพราะเป็นผลประโยชน์
ค่ายเล็กๆ อยากทำ แต่ไม่มีทุนไม่มีตลาด โดนกีดกัน ก็ต้องไช้วิธีจดสิทธบัตรหาเงิน
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ดูจากจำนวนแล้ว ผมว่าไม่ได้ขัดขวางนวัตกรรมหรอกคับ แต่ขัดขวางการทำกำไรของกูเกิ้ลมากกว่า
มีเงินเยอะพอที่ซื้อสิทธิบัตรขนาดนั้น ถ้ารู้ว่าติดสิทธิบัตรของคนอื่นจริงก็ควรยอมจ่ายนะครับ มันน่าจะเป็นธุรกิจมากกว่า นวัตกรรม
คุณไม่เข้าใจเรื่อง "น้ำในทะเลทรายมีค่าเท่าเพชร"
กูเกิ้ลลงทุนเพื่อปกป้องตัวเองจากการฟ้องฝ่ายเดียว ส่วนบริษัทอื่นๆบางบริษัทอย่าง Oracle ลงทุนเพื่อฟ้องคนอื่นเป็นหลักส่วนปกป้องตัวเองเป็นเรื่องรอง
gain จากการลงทุนด้านสิทธิบัตรของกูเกิ้ลจึงน้อยกว่าของบริษัทอื่นๆมากครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
เคสออราเคิลเค้าปกป้องตัวเองจากการถูกก็อปโค้ดนี่ครับ บางบริษัทก็รู้ทั้งรู้ยังทำ
'ปกป้องตัวเอง' หรือ'ตั้งใจซื้อซันมาเพื่อฟ้อง'ครับ? เจตนามันต่างกันนะเยอะครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
จะพูดไงก็ได้ครับ ก็แค่เปลี่ยนโจทย์จากซันมาเป็นออราเคิล แต่ความจริงที่ว่าบางบริษัทจงใจก็อปมันไม่ได้เปลี่ยน
เพราะกูเกิลฉลาด และมีวิธีทำเงินจากสิทธิบัตรเหล่านั้นด้วยวิธีที่แยบยลกว่าครับ
ส่วนบริษัทอย่างออราเคิลก็รอกูเกิลทำเสร็จ
แล้วตรูก็ฟ้อง...
GG ช่ำชองในการใช้ประโยชน์จากสิทธิบัตรซอฟท์แวร์ แต่ไม่ต้องการจ่ายค่าสิทธิบัตรซอฟท์แวร์ ?
ผมว่ากูเกิลคงหมายถึงพวกสิทธิบัตรที่มันครอบจักรวาลอย่าง In-App น่ะครับ คงไม่ใช่ทุกตัว
ถ้าผมคิดอะไรใหม่ๆได้แต่ผมไม่มีเงินทุนทำ บริษัทใหญ่ๆมีเงินทุน ถ้าไม่มีการคุ้มครองสิทธิบัตร ผมก็อาจโดนขโมยไอเดียไปฟรีๆสิ
+1 บ.ทุนน้อย น่าจะได้ประโยชน์ จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
ถามว่า คุณยังคิดอะไรใหม่ๆ ที่ไม่ทับซ้อนหรือเป็นการต่อยอดสิทธิบัตรเดิม(ที่จดไว้แสนกว้าง)ได้หรือครับ?
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ผมเชื่อว่ายังมีอีกเยอะนะ ทุกวันนี้ก็ยังเห็นโชว์ เห็นจดใหม่กันอยู่เรื่อยๆนี่ครับ ถ้ามันไม่มี หรือไม่หาอะไรใหม่ๆไม่ได้จริง มันคงหยุดจดกันไปนานแล้ว
ว่ามั้ยครับ ?
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ต่อไปคงมีคณะวิศวกรรมสิทธิบัตร วันๆไม่ต้องทำอะไรนั่งคิด วาดๆ เขียนๆ
แล้วไปจดสิทธิบัตร ได้รายได้จากการส่งสิทธิบัตรตัวเองประมูล
หวังว่าคงไม่ถึงขั้นนั้นละครับ
แค่ตอนนี้กับที่ผ่านมา บริษัทใหญ่ๆ ไล่ซื้อบริษัทที่มีสิทธิบัตรเยอะ เพื่อหารายได้จากการฟ้องกัน
แนวคิดเดิมที่เป็นการปกป้องสิทธิ์ก็กลายเป็นธุรกิจบนตัวสิทธิบัตรไม่ใช่จากสิ่งที่จะพัฒนาจากสิทธิบัตรนั้น ก็แย่พอดูแล้วครับ
ต้องแยกระหว่างแนวคิดการจด กับลักษณะการจด ส่วนตัวคิดว่าแนวคิดนั้นถูกแล้ว แต่ลักษณะ/วิธีการพิจารณาอาจต้องปรับปรุง