ถึงเทศกาลเปิดเทอมกันอีกครั้ง ปีนี้ก็ได้เวลาที่น้องๆ ปีสี่ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ จะหาหัวข้อทำโปรเจคอีกครั้ง และคงเป็นเทศกาลประจำปีที่ผมจะมาถามไอเดียของชาว Blognone ว่ามีอะไรจะเสนอแนะน้องๆ กันบ้างหรือไม่
ก่อนหน้านี้เราเคยเสนอไปแล้วสองครั้ง (1,2) ครั้งนี้ผมเสนอต่างออกไป คือให้เราเสนอ "เครื่องมือ" มาพร้อมๆ กับ "หัวข้อ" โปรเจคกัน
ผมเสนอเช่นนี้เพราะพบความจริงว่านักศึกษาระดับปริญญาตรีนั้นมีจำนวนมากที่ไม่สามารถ จับคู่ระหว่าง "ปัญหา" และ "เครื่องมือ" ที่จะใช้แก้ปัญหาได้ โดยมากแล้วน้องๆ มักจะมีความสามารถในเครื่องมือบางตัว เช่น C/C++, C#/.NET, Java, VHDL, PHP, SQL, วงจรไฟฟ้า ฯลฯ แต่หลายครั้งที่เราให้ปัญหาไปตรงๆ เช่น ระบบตัดคำไทย, multi-touch ด้วย WiiMote ฯลฯ หลายคนกลับมีคำถามว่าแล้วจะได้ใช้เทคโนโลยีตัวไหน ทำอย่างไร ฯลฯ
ดังนั้นเรามาช่วยกันยกตัวอย่างให้กับน้องๆ ว่าปัญหาเช่นไรเราจึงเลือกเทคโนโลยีใด
Comments
จิ๊กมาจากเพื่อนสนิทที่เรียนวิศวะฯ อิอิ
ปัญหา: สร้างเครื่องมือเก็บและส่งข้อมูลสภาพอากาศในตัวเมืองเชียงใหม่เข้า Server หลักผ่านระบบไร้สาย
เทคโนโลยี/เครื่องมือ: ZigBee ฯลฯ (จำไม่ได้ เดี๋ยวไปถามเพื่อนมาให้)
แนวคิด: ต้องการลดต้นทุนอุปกรณ์ให้มากที่สุด และสร้างให้มีขนาดเล็กกระทัดรัด, ฝึกการออกแบบ PCB และการใช้ Micro Controller
ปีที่แล้วเห็นเพื่อนที่ภาคไฟทำแบบนี้ (แต่อุปกรณ์ต่างกัน) lol
อ้าวนี่มันโปรเจค เอิ๊กหนิ มันเป็นโปรเจคปี3 ม่ายใช่เหรอ
อ๋อ ลืมไปเลย โปรเจคปี 3 ยังไม่ใช่โปรเจคจบแฮะ ^^"
โอ๊ะ... edit ไม่ได้ งั้นต่อเลยละกันครับ
เครื่องมือที่ใช้ ก็มี ZigBee, gogoBoard แล้วก็คาดว่าในอนาคตจะเชื่อมต่อกับระบบ GSM ครับ
ภาษา C เขียน micro controller ครับ
คล้ายๆ ของรุ่นพี่ ม ผมเลย อยู่เชียงใหม่เหมือนกัน
ณ โรงเรียนพาณิชย์ที่เน้นคอมพิวเตอร์แห่งหนึ่ง... ก็ยังคงกำหนดโจทย์ระดับชั้น ปวส ให้เป็น Microsoft Access อยู่
(เรื่องจริงครับ)
ทำไงได้ ก็ภูมิปัญญาความรู้ของคนสอนมีแค่นั้น
ถ้าให้ทำมากกว่านั้นครูเองก็ไม่รู้จะตัดสินใจยังไง วิเคราะห์ไม่ได้อีกว่าที่เขาทำมันผิดหรือถูก หรือความสามารถกับสิ่งที่ทำอยู่ในระดับไหน
พาณิชย์ที่เน้นคอมพิวเตอร์ <-- นี่คือคำตอบครับ
ถ้าอยากจะเก่งคอมจริงๆก็ไปเรียนต่อเนื่องที่เกี่ยวกับคอมพ์เลยดีกว่า
ปล.อย่าลืมว่า จบ ปวส แล้วทำงานเทพๆก็มีเยอะครับ
ส่วนมากชอบให้ innovate .. แต่ส่วนตัว คิดว่าน้องๆ เค้าไม่ได้ลงลึก จบคือจบ เว้นใครต่อโทเรื่องนั้น ซึ่งน้อย
ถ้าอยาก innovate ต้องมี passion ทำต่อเนื่องทำยาว ทำแยกขนานไปน่าจะดีกว่า ไม่ใช่ทำเอาหน้าฉาบฉวย
"หัวข้อ" innovate ก็ดี ได้น่าสนใจ มีแรงจูงใจในการทำ.. แต่ควรเน้นที่ process ไม่ใช่ตัดงานวิจัยอาจารย์มา
ณ จังหวะนี้ อยากให้เป็นโอกาสที่น้องๆ ได้บูรณาการและประยุกต์สิ่งที่เรียนมา เพื่อเป็นพื้นฐานการทำงานต่อ
อยากให้เน้นการใช้ process จะได้รู้ practice จนเกิด skill มากกว่า.. ส่วน innovate ก็มีพอหอมปากหอมคอ
ดังนั้น ขอ expectation ก่อน.. "น้องๆ ปีสี่ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ" ควรทำอะไรได้บ้าง ควรมีทักษะอะไรบ้าง
ส่วนตัวไม่มีอะไรที่(อยาก)จะเสนอแนะน้องๆ .. อยากให้น้องๆ ลองเสนอ "หัวข้อ" พร้อม "data flow คร่าวๆ"
(หรือจะเรียก use cases, storyboard etc. ก็ได้.. หรือทำออกมาเป็น demo, prototype etc. เลยก็ไม่ห้าม)
และจาก data flow เมื่อระบุวิธีจัดการ data ณ process ต่างๆ ใน flow ได้ ก็จะระบุ "เครื่องมือ" ที่ต้องใช้ได้
ซึ่งบาง process อาจจัดการ data ด้วย องค์ความรู้ และ ทักษะ ที่เรียนมา (เช่น Data Structure, Algo, DB)
ส่วน process ที่ใช้สิ่งที่เรียนมาจัดการไม่ได้ ปกติก็น่าจะค้นวิธีได้จากในเนต (เป็นทักษะที่ระดับนี้ควรมีแล้ว)
ไม่งั้นน้องๆ ก็ลอง "เสนอ" รายละเอียด.. แล้วส่วนที่ขาด คงอยู่ในวิสัยที่อาจารย์/พี่ๆ เห็นควรที่จะ "แนะ" ให้
แต่อาจตอบด้วย url เดียวนะ แล้วอ่านต่อเอง ไม่อธิบายมาก.. คิดว่าที่จะถาม คงเป็นเรื่องที่มีแนวทางแก้แล้ว
แค่น้องๆ นึกคำค้นไม่ออก ก็เลยหาไม่เจอ/เจอขยะ.. ณ ระดับนี้ ไม่หวังว่าจะต้องเป็นโจทย์ใหม่เอี่ยมของโลก
ที่ระดับนี้.. คงดูแค่ complexity เหมาะสมมั้ย feasible มั้ย กับสิ่งที่เรียนมา รวมถึงภาระจากวิชา/กิจกรรมอื่นๆ
กะเผื่อโหลดที่น้องๆ ต้องไป ค้นคว้า/ศึกษา/ทดลอง เพิ่มเติม.. แถม project management practice อีกนิด
ส่วน business process & practice, user behavior หรือ quality attribute อื่นๆ .. น้องระดับนี้คงยังไม่เน้น
จะเน้นที่.. จาก input/output data ของปัญหาตามที่ระบุไว้ใน "หัวข้อ" สามารถแยกออกมาเป็น flow ได้มั้ย
และเมื่อแยกปัญหาเป็น IPOT (input data / data processing / output data / data transfer) ย่อยๆ แล้ว
ก็เลือก "เครื่องมือ" มาใช้ในแต่ละส่วน.. ซึ่งควรเลือกมาหลายๆ ตัว แล้วเอามาให้อาจารย์/พี่ๆ ชี้แนะเพิ่มเติม
ให้หมั่นส่ง progress มาบอกเล่าให้อาจารย์/พี่ๆ บ่อยๆ .. จะได้รับคำแนะนำไปเยอะๆ ได้ความรู้เพิ่มเติมมากๆ
อะไรที่ติดขัดไม่แน่ใจ ก็อย่ามาถามแบบรอคำตอบ ให้คุ้ยแนวมาเสนอด้วยหลายๆ ทาง ให้มาแบบขอคำชี้แนะ
.. ก็เท่านั้น
ถ้าน้องๆที่เรียนป.ตรีต่อเนื่อง หรือปวส. หรือพวก IT มาอ่านเจอ แล้วข้อมูลส่วนใหญ่ใช้ภาษาแบบนี้อาจจะท้อเอาง่ายๆนะครับ ผมเป็นโปรแกรมเมอร์เป็นอาจารย์ยังอ่านไม่ค่อยจะรู้เรื่องเลยแหะๆ แถมโดน ใช้ภาษาไทยก็ได้มั๊งครับบาง
+1 งงๆ ครับ
แต่ได้ใจมากกับความพยายามในการพิมครับ
+1 ผมทำด้านโปรแกรม ก็งงเหมือนกันครับ !-_-
I need healing.
+1 ยาว+งง
มาบอกว่าอ่านแปลยากมาก
I will change the world, to the better day.
ดูท่าทางนักศึกษา ป.ตรี คงจะหนักใจนะครับ ขนาดผมที่จบมาแล้ว อ่านแล้วยังหวั่น ๆ แทนเลย
อ่านแล้วฮากปุ้งเลย
.
.
.
ดร.เลยทีเดียว
ทำไมผมรู้เรื่องอยู่คนเดียวอ่ะ
เป็น approach ในการทำ project ที่ดีนะครับ
ผมเฉยๆกับภาษาแบบนี้ แต่บางครั้งอ่านแล้วรู้สึกว่าอ่านเข้าใจกว่าพยายามแปลเป็นไทยด้วยซ้ำ
ผมเจอ reply ด้วยภาษาแบบนี้บ่อยใน www.narisa.com หลังๆ มาอ่านแล้วเคืองๆก็มีการแจ้งผู้ตอบไปบ้างว่าน่าจะใช้ภาษาไทยที่อ่านเข้าใจง่ายๆหน่อย บางที่ก็มีตอบกลับมาแบบประชดประชันก็มี
ที่อ่านยากอาจเป็นเพราะไปกด enter แทนที่จะใช้ระบบตัดคำด้วยรึเปล่าครับ อ่านไม่ต่อเนื่อง พาลงง
อ่านแล้วก็เข้าใจดี แต่ไม่ต้องโชว์มากก็ได้ คนอื่นๆที่มาอ่านจะได้อ่านรู้เรื่อง
Develop UI control set ด้วย WPF
2D Game ด้วย HTML5
iPhone app ที่ใช้ Gyroscope API
แนะนำ 1 หัวข้อครับ ถ้าใครเรียน CS ผมแนะนำให้ลองทำ โปรแกรมคล้ายๆ PhpAdmin แต่เราเอามาสร้าง NoSqlAdmin แทนครับ อาจจะใช้ php ก็ได้ หรืออาจจะทำ C# เป็น GUI กราฟฟิกให้จัดการข้อมูลได้ง่าย
น้องๆหลายคนอาจจะสงสัยว่า NoSQL คืออะไรลอง Google ดูนะครับ แล้วจะรู้ว่าน่าสนใจ
ตัวที่น่าสนใจก็จะมี Cassandra กับ TokyoTyrant
เรื่องนี้สามารถทำเป็นวิชา Seminar ได้ด้วยนะครับ เชื่อว่าอาจารย์ครึ่งนึงก็ยังไม่รู้จักเรื่องพวกนี้
ถ้าเรียนสาย IT ผมแนะนำว่า ใช้ PHP นี่แหละ แต่ทำ Mobile Web พวกระบบส่งงานหรือราคาสินค้า การหาสินค้า แต่ทำเป็นให้เหมาะใช้สำหรับพวก โทรศัพท์มือถือดีกว่า เน้นตลาด mobile
อีกเรื่องที่คิดออกก็ทำ Plug-in Firefox หรือพวก chrome ซะเลย ผมคิดออกสองสามเรื่อง ก็จะเป็นพวก Color Blind Filter คือเปลี่ยนสีเว็บทั้งหมดให้อยู่ในสีที่คนตาบอดสีอ่านได้ ผมว่าส่งประกวดได้สบายๆเลยนะ ไม่ยากด้วย
หรือจะทำ โปรแกรมที่สามารถเปลี่ยน CSS ของเว็บได้ทั้งเว็บ พวก Web Customize คืออย่างเราเห็นเว็บ sanook เป็นสีแดง เราอยากให้ทั้งเว็บเปลี่ยนเป็นสีอื่น หรือรูปแบบอื่นได้ก็คงจะดี
นึกออกเดี๋ยวมาบอกใหม่ ไปแล้วจ้า
color blind filter เคยมีคนทำแล้วนะ
onedd.net
มีคนทำแล้วไม่ใช่ประเด็นครับ เราสามารถค้นคว้า มาปรับปรุง หรือใช้วิธีการที่ต่าง แล้วนำผลมาเปรียบเทียบได้ครับ
+1 ครับ มีคนทำแล้วไม่ใช่ประเด็น
ถ้ามัวแต่คิดว่า มีคนทำแล้วแล้วเราไม่ทำตามมันคงเจริญยากครับ ทำเหมือนพวก ไต้หวัน เกาหลีใต้ เป็นการ benchmark กันดีกว่า ทำให้ได้เท่ากันหรือดีกว่าก็เก่งแล้วครับ
ถ้าจะส่งประกวด น่าจะหาอะไรที่แปลกใหม่กว่านี้หน่อยน่ะครับ
onedd.net
Case Study การเขียนโปรแกรมแบบ Utilize Multi-Core CPU ด้วย .NET 4.0 (Parallel API) เช่น ทำโปรแกรม image processing ง่ายๆ หรือการคำนวนใหญ่ๆ เช่น การ manipulate vertex จำนวนมากในเกม 3D
หรือถ้าจะเป็นพวกอาร์ตๆหน่อย ก็ ลองทำโปรแกรม UI สำหรับ Tablet PC โดย concept คือทำระบบแบบ Courier Tablet ของ Microsoft
Chrome Extension ก็น่าสนใจครับ ไม่ยากเกินไป
ถ้าเป็น Chrome ก็เสนอให้ลอง port Zotero มาทำดูครับ มันไม่ได้ยากมากมาย แต่ประโยชน์มากมายจริงๆครับ
+1 ค่ะ
ถ้ามีคนทำ คนใช้อยู่นี่แล้ว =P
รอเหมือนกันครับ
My Blog
โปรเจคน่าสนใจครับ แต่อยากให้น้อง ๆ ระวังนิดว่าต้องหาเครื่องที่ชิพ Nvidia เตรียมไว้พรีเซนท์ด้วย หรืออย่างน้อย ๆ ก็ต้องหาตัว GPU ล่ะ (แล้วไปใช้ OpenCL แทน ... พอได้มั้ยเนี่ย??) เอาที่เป็นโน๊ตบุ๊คน่ะครับ อย่าคิดที่จะแบกคอมทั้งชุดไปพรีเซนท์เหมือนตอนที่ผมทำโปรเจค 3D เชียว (เพราะมันพังก่อนพรีเซนท์มาแล้ว - -')
แต่คิด ๆ มันก็ค่อนข้างวัดดวงเหมือนกัน โดยเฉพาะถ้าจะวัดความเร็วกับ library ที่ใช้กันทั่วไป (ซึ่งทำงานบน CPU) คือมันมีสิทธิที่ lib บางตัวอาจจะเขียนมาดีมาก และการที่ย้ายไปใช้ GPU แทนอาจจะทำงานได้ช้ากว่าได้ ถ้าจะเล่นอย่างปลอดภัยคือเราต้องเขียนตัวเปรียบเทียบขึ้นมาเอง แต่ก็อีกนั่นล่ะครับอาจจะเป็นช่องโหว่ในการพรีเซ็นท์ได้
คือผมแอบกังวลว่า บางทีเขียนบน SIMD อาจจะให้ผลลัพท์ออกมาดีกว่าบน GPU (ทั้ง ๆ ที่ปรกติ SIMD ทำได้ช้ากว่าบน GPU) นั่นล่ะครับ
ปล. ผมยังไม่ได้ดูรายละเอียดของโจทย์เลย อาจจะเอื้อกับทาง GPU มากกว่า CPU ก็ได้
จากที่ติดตามงานที่เป็น GPU และ optimization อย่าง linear programming เท่าที่ผมดูผลการทดลองของพวกเขาพบว่า ได้ผลดีกว่า SIMD CPU เยอะพอสมควรครับ (แต่ก็อย่างที่คุณ mr_tawan กล่าวไว้ครับคือ ส่วนใหญ่เขาเริ่มพัฒนาโค้ดตัวใหม่สำหรับบน GPU และ CPU แล้วก็เทียบกัน) อีกอย่าง GPU มันมีคอขวดจากข้อจำกัดด้านหน่วยความจำ บางเปเปอร์เขาพบว่า ถ้าแอพพลิเคชันมีขนาดใหญ่มากๆ (หรือ data-intensive) มันไม่ค่อยเหมาะกับ GPU ซึ่งวิธีการแก้ของเขาคือ ทำ block partition แต่ก็ต้องเกิด overhead ให้กับขั้นตอน synchronization ระหว่าง block ที่โดนแบ่ง เรื่องนี้เป็นงานวิจัยที่เปิดอยู่ครับ
โดยรวม GPU มันก็มีสถาปัตยกรรมในแนวเดียวกับ SIMD แต่มันมีจำนวนคอร์ที่เยอะมากๆ เช่น Tesla เป็นต้น เมื่อเทียบราคาและการกินไฟของ GPU กับจำนวนคอร์ของ CPU ที่เท่ากันจะพบว่า GPU มีประสิทธิภาพกว่า แต่ GPU ก็ยังต้องพึ่ง CPU เพราะมันยังขาดชุดคำสั่งอีกมากมายที่สำคัญ เช่น I/O เป็นต้น
ที่คุณ mr_tawan แนะนำมาเรื่องพรีเซ็นท์เป็นเรื่องสำคัญมากๆ ในแง่ R&D แล้วอาจเป็นตัวตัดสินชะตาของผลงานว่าจะมีทิศทางต่อไปหรือไม่ เพราะแม้เราพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ดี แต่สื่อสารไม่ดี ท้ายที่สุดก็ไม่โดนใจกรรมการ(และตลาด)
ป.ล. ถ้าใครสนใจทำงานนี้แล้วอยากทดลองงานกับ Tesla ก็ติดต่อผมได้ครับ ที่ทำงานผมมี GPU cluster ที่มี 8 การ์ด การ์ดละ 240 คอร์ รวมแล้วได้ 1,920 คอร์ครับ แต่ในขณะที่พัฒนาและพรีเซ็นท์ ผมคงแนะนำให้ลองกับ laptop/PC ที่มีการ์ดจอสนับสนุน CUDA ไปก่อนแล้วกันครับ
My Blog
ถ้ามีอะไรเกียวกับกับ CUDA ขอคำปรึกษาได้ไหมครับ ตอนนี้ผมกำลังสนใจ ทำหัวข้อ Thesis ที่เกี่ยวกับ CUDA, 3D Reconstruction อยู่ครับ ตอนนี้ผมก็ไปด้วย laptop ครับ
ให้คำปรึกษาได้ครับ แต่ผมทราบแต่ภาคทฤษฎีของ GPU หรือพวก parallel นะครับ แต่ผมมีเพื่อนทีมงานที่เซียน CUDA อยู่ครับ
อีกครั้งตามที่แจ้งไว้ด้านบน คือว่า ถ้าคุณสนใจใช้ Tesla เชิญเข้ามาลองได้ครับ เราอยากเห็นตัวอย่างงานหลายๆแบบว่า ให้ speedup เป็นอย่างไร เราต้องการทำ profiling ของงานที่หลากหลาย และเราอยากทราบว่าเมื่อรันบนเครื่องแบบ hybrid ที่มีทั้ง CPU เป็นหลักร้อยกว่าคอร์และ GPU เป็นหลักพันกว่าคอร์ มันให้ผลเป็นเช่นไร
My Blog
กำลังเรียนวิชานี้เลย มึนมาก ๆ Speedup, Isoefficiency, Cost-Optimal และอีกมากมาย - -"
อ่านแล้วรู้สึกเหมือนเป็นโปรเจคระดับ ป.โท lol
ลดขอบเขตของงานก็ได้นะ เช่น เอาไปประยุกต์กับปัญหาที่เฉพาะเจาะจง 1 ปัญหาเลยก็ได้ เป็นต้น เหตุที่ผมคิดหัวข้อดังกล่าว เพราะจริงๆแล้ว ผมอยากใช้ครับ lol
My Blog
ให้ลองสร้าง Extension หรือ โมดูล ของตัวเองมาประกอบกับคอร์ของ CMS สร้างเป็นเวบโจทย์เป้าหมายครับ ให้อาจารย์จำกัด หรือกำหนดรูปแบบเป้าหมายเอาครับ
ผมว่ามันเข้าเทรนดีนะ
หรือถ้าเอาง่ายๆก็ให้ใช้ CMS สร้างเวบไปเลยแต่เพิ่มความยากของโจทย์เข้าไปแทน
เคยเขียนไว้หลายปีก่อนเรื่องโปรเจกต์จบ (ที่ไม่ได้ทำ)
ใครอยากได้ไอเดียเชิญเอาไปใช้ได้เลยครับ (เสร็จแล้วบอกกันด้วย อยากไปลองเล่น :P)
ถ้ามีวิธีที่เราเอาเพลง เข้าไปในกล่องนึง แล้วออกมาพร้อมกับ tag ว่าเพลงนี้คือเพลงช้า มีเสียงกีตาร์ ไม่มีเสียงร้อง และน่าจะเ็พลง Classic มันคงเจ๋งมากเลย
เป้าหมายคือเอาไปขายให้ search engine ใช้ได้
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
เรื่อง Music Analyze ผมนึกถึง Moodagent ของ iPhone เลยครับ น่าสนุกดีเหมือนกันนะ
ผมทำโปรเจค คล้ายๆ โปรแกรม just in time อ่าครับ
ใช้ Web service กับ java FW ต่างๆ ยากมากมาย วันๆนั่งแต่ห้องสมุดเลย
เขียนแอพมือถือ(เช่น แอนดรอย) ให้บันทึกตำแหน่ง GPS ทุกๆ 10 นาทีก็จะได้แอพ stalker ย่อมๆ
แล้วเอาไป sync กับ google map วาดออกมาเป็นกราฟครับ
เป็นเหมือน life log เสร็จแล้วก็ export เพื่อเอาไปเขียน blog หรืออื่นๆ
{$user} was not an Imposter
ผมตั้งชื่อให้ว่า My Love Tracker เอาไว้คอยตรวจดูพฤติกรรมแฟน (ฮา)
อูย มีแฟนเหมือนมีแม่เลยงานนี้ (ผมว่าสาว ๆ จะชอบโปรแกรมประเภทนี้นะ)
ฮ่าๆๆๆ นั้นสิครับ เสร็จแล้วติดต่อผมด้วยนะ เดี๋ยวผมเป็น tester ให้เลย จะเอาให้แฟนลองใช้
ผมเริ่มคิดว่าแล้วคุณ Mc_Jewel เป็น Masochism (M) 555
ปรกติเขามีแต่ไม่อยากให้แฟนจับได้ นี่ยอมให้แฟนจับแต่โดยดี :D รักจริงรักทนรักยาวรักนานแน่ ๆ ครับแบบนี้
มีของ google ทำเองครับ My Tracks ลองเสิร์ชดูครับ
ป.ล. open source ด้วย เผื่อใครอยากเอาไปแก้ให้มันแอบรันเนียนๆ
โอ้ Google ทำเองเลย
{$user} was not an Imposter
ภาษาไทยใน chrome
ดีไม่ดีอาจได้ร่วมงานกะ google เลย หุหุหุ...
ว้าวๆๆ ^^
กำลังทำโปรเจควิศวกรรมคอมพิวเตอร์ปี 1 อยู่ครับ
อาจจะเขียน C# App ควบคุม Robot Vision อะไรแบบนี้น่ะครับ
กระทู้นี้นี่ พวกผมชาววิศวะคอมจุฬาฯ ปีสี่ อ่านกันใหญ่เลย
+1
ผมว่าพวก Health Informatics กำลังมาแรงทีเดียวครับ
ผมกระทุ้งการศึกษานิดๆ อยากให้มีโปรเจคเป็นลักษณะการต่อยอด opensource ไม่จำเป็นต้องเป็นทาง software ก็ได้ ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว แถม นศ ที่ทำโปรจเจคมีโอกาส เจอสิ่งเหล่านี้ในการทำงานจริงๆสูงทีเดียว
+1 ค่ะ
+1
เขียน app บน iphone สิ
ระบบ แนะนำ ชื่อ
Nosql project ไม่ก็ adobe flex ครับ
ผมมองว่าโปรเจคพวก innovate อะไรแปลกๆมันก็น่าสนใจแต่หากจบไปจะเอาดีด้าน developer ผมว่าน่าจะทำอะไรที่เหมาะกับด้านนี้ดีกว่าครับ
nosql ถ้าอยู่ปีสี่ปีนี้นะและเห็นกระทู้นี้ รับร้องจะทำแน่ๆ ^^"
ความคิดผมน่ะครับ
หากอยากทำงานด้าน developer หรือจะหากินกับ web app ล่ะก็
ผมว่าน้อง ๆ ลองดูเรื่อง SAAS ดูน่ะครับ ผมว่ามันเป็นอะไรที่น่าสนใจอยู่น่ะครับ
เราไม่จำเป็นต้องเก่งในทุกเรื่อง แต่เราควรเก่งสักเรื่องเพื่อเติมเต็ม....
ขอบคุณครับ
ผมได้หัวข้อเขียน app บน iphone อะครับ
ต้องเป็น app ที่ต้องไปบนข้อมูลมาจากตัว server อะครับ
ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะทำ app เกี่ยวกับอะไรดี
ผมว่าไม่ยากนะ อืม ... เยอะแยะครับ
ส่วนตัวผมอยากได้โปรแกรมพยากรณ์อากาศทั้งวัน + ล่วงหน้า 7 วัน โดยที่ ถ้าต่ออินเตอร์เนทอยู่ก็ดึงข้อมูลสภาพปัจจุบันลงมาแสดงผล ถ้าไม่ต่ออินเตอร์เนทให้เอาข้อมูลที่พยากรณ์ล่วงหน้า (ที่ดาวน์โหลดลงมาแคชไว้ล่วงหน้า) มาแสดงผลแทน (ต้องบอกด้วยนะว่าเป็นข้อมูลปัจจุบันหรือข้อมูลพยากรณ์) น่าจะเวิร์คประมาณนึงนะ
ส่วนเทคโนโลยี อ่า ......... iPhone ก็คงมีทางเลือกไม่มากหรอกครับ - -' ตามที่ป๋าจ๊อปแกพูดไว้น่ะล่ะว่าอะไรใช้ได้หรือไม่ได้ 55
ส่วนข้อมูลดึงที่ไหน ... ผมไม่ทราบเหมือนกัน Weather Underground ดึงได้มั้ย ??
ถ้าเป็น Android แล้วเขียนเป็น Widget ไปเลยจะเท่ห์มากครับ แต่ผมว่าคงมีคนทำแล้วล่ะ 555
ขอเสนอเล่นๆนะคะ ปกติไม่มีไอโฟนใช้เลยไม่รู้ว่ามีแอพเกมส์แบบนี้รึเปล่าอะ
ลองนึกถึงสมัยก่อนเวลาเราเล่น เครื่องดิจิม่อน(เรียนอย่างนี้รึเปล่าหว่า) ที่เราต้องเอาเครื่องมาชนกันแล้วเขย่าใช่มะ(ไม่รู้ว่าคืออะไร สมัยก่อนไม่เคยเล่นอะ ไม่มีตังค์ซื้อ เห็นแต่คนอื่นเค้าเล่นกัน55) ถ้ามีเกมส์แบบเอาไอโฟนมายิงบลูทุธเข้าหากันแล้วเขย่า หรือสู้กัน อะไรประมาณนั้น น่าจะสนุกดีนะ 555
น้องๆ ที่จะเขียน app ที่ต้องมีระบบ plug-in ของตัวเองด้วย
แนะนำให้ใช้ MEF http://mef.codeplex.com/ จะทำให้เขียนระบบ plug in ของ app ได้ง่ายขึ้นมาก
ต้องเป็น .NET นะ
Voice/Speech Recognition แบบใช้งานได้จริงครับ อาจจะลองเก็บ Corpus ของโทรศัพท์มือถือ (หรือขอ NECTEC ได้ข่าวว่าเก็บอยู่แล้ว) หรือลองประยุกต์ Speech Recognition ในแบบ domain ที่จำกัดหน่อย เพื่อใช้งานกับพวกรีโมตคอนโทรล โดยใช้ Hardware จริง
อีกอันที่อยากเสนอคือ วิธีการ input ภาษาไทยแบบ romanized (หรือเรียกง่ายๆ ว่าภาษาคาราโอเกะ) เอาไว้ใช้งานกับโทรศัพท์มือถือที่มีแป้นพิมพ์แบบ QWERTY ที่มีปุ่มจำกัด เช่นพวกมีปุ่มแค่ 3 แถว (ไม่ครบ 4 แถวแบบแป้นพิมพ์ไทย) โดยใช้พวก 2-gram 3-gram มาประยุกต์การเดาคำด้วยก็ดี (แบบ T9)
อยากเห็นเป็นรูปเป็นร่างแฮะ
แต่ดันถนัด T9 ไปแล้วเนี่ยสิ ^^"
เจ๋งนะคะ เหมือนที่ภาษาจีนเค้ามี pinyin ใช่ไหม แต่ว่าคนไทยก็มีการสะกดภาษาคาราโอเกะที่ว่านี่แตกต่างกัน เช่นว่า
mak loey
mak loi
ทั้งสองอันอ่านเป็นไทยคือ "มากเลย" ก็อาจจะต้องวิเคราะห์หรือหาหลักการเขียนไทยเป็นromanized ที่เป็นหลักสากลก่อนรึเปล่า(ซึ่งโดยส่วนตัวคิดว่ายากอยู่นะ ><")
ผมว่าปัญหาจริงๆ คือยังไม่มีคนทำนะครับ เลยมองไม่เห็นเป็นรูปเป็นร่าง